ท่ามกลางการหาเสียงเลือกตั้ง การคิดสูตรสมการตัวเลขเก้าอี้ ส.ส. การคาดหมายถึงการตั้งรัฐบาลของพรรคการเมืองต่างๆ ปรากฏว่า พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์ “ตัดหางปล่อยวัด” พรรคภูมิใจไทยกันดื้อๆ ประกาศกันชัดๆ ให้สาธารณชนรับรู้โดยทั่วกันว่า จะไม่ร่วมงานทางการเมือง และไม่ร่วมรัฐบาลด้วยกัน ภายหลังการเลือกตั้ง 3 ก.ค.54
ด้วยเหตุที่ก่อนหน้านี้พรรคภูมิใจไทย ใช้วิธีโหนกระแสพรรคเพื่อไทย เกาะชายผ้าถุง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว นช.ทักษิณ ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 จากพรรคเพื่อไทย ที่กำลังสร้างความลำบากใจให้ชายอกสามศอกดีแต่พูดศิษย์ออกซฟอร์ด อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถ้าสามารถปั่นกระแสแรงไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ในช่วงวันสุกดิบก่อนเลือกตั้งได้อีกรอบ มีหวัง “มาร์ค” กับประชาธิปัตย์ ตกงานแน่
ผู้สมัคร ส.ส.บางคนของพรรคภูมิใจไทย เมื่อเห็นท่าว่าจะขวางไม่อยู่ ก็เลยฉวยโอกาสเกาะเกี่ยวไปด้วยเลย ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย หัวเสนาธิการ บอกกับชาวบ้านว่า ถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทย จะไปร่วมกับพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาล จะไปยกมือในสภาให้ “ยิ่งลักษณ์” เป็นนายกฯ และทำงานร่วมกัน
เล่นเกมสับขาหลอกชาวบ้าน จนบางคนก็งงไปเหมือนกัน เอ๊ะมันยังไงกันแน่
ร้อนถึงพรรคเพื่อไทย เจอหมากนี้ก็ควันออกหู ทรยศหักหลังไปแล้ว ยังจะกลับมาเกาะเป็นปลิงดูดเลือดอีก จึงตัดสินใจออกแถลงการณ์ ตัดญาติขาดมิตร ถีบกระเด็นตั้งแต่ยังไม่รู้ผลเลือกตั้ง ไม่ให้ราคา ไม่คิดว่าพรรคภูมิใจไทย จะเป็นตัวแปร ในการรวบรวมเก้าอี้ ส.ส.จัดตั้งรัฐบาล เพราะชั่วโมงนี้ มั่นใจเหลือเกินประเมินว่าลำพังตัวเองก็ได้เสียงมากโขอยู่แล้ว และหากจะเอาพรรคอื่นมาเสียบ ก็ยังมีพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน พรรคชาติไทยพัฒนา อยู่แล้ว ส่วนพรรคภูมิใจไทย ก็เป็นตัวเลือกสุดท้ายอยู่แล้ว
ประเมินแล้วเสียงของพรรคภูมิใจไทยไร้ค่า จึงตัดมันทิ้งในระหว่างกลางศึก
การเดินหมากตามยุทธศาสตร์นี้ แกนนำวิเคราะห์แล้วว่าจะเป็นผลดีกับพรรคเพื่อไทยมากกว่า จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า จะไม่ไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย แถมสะใจที่ได้จัดการคนทรยศ สาวกพรรคเพื่อไทย มวลหมู่คนเสื้อแดง ย่อมไม่ยอม แน่ถ้ายังไปรับงูเห่ากลับมาสู่อ้อมกอดอีก
อาจจะโดนหนักถึงขั้นเผาพรรคกันเลย ตามเสียงที่ ขวัญชัย ไพรพนา ส่งมาขู่แต่เนิ่นๆ
พรรคภูมิใจไทยเจอย้อนศรแบบนี้ ถึงกับสะอึก ปรับกระบวนท่าแทบไม่ทัน จากที่เคยวางแผนจะแทรกซึม เสียบทุกขั้ว แทงทุกข้าง มีอันต้องทบทวนใหม่
เมื่อเพื่อไทยประกาศตัดสัมพันธ์มา ตัวเองก็ไม่กล้าตัดสัมพันธ์กลับไป ก็เลยได้แค่ออกมาแถลงแบบอู้อี้ ไร้จุดยืน ไร้ราคาหนักเข้าไปอีก เหมือนกลายเป็นหมาหัวเน่า ใครต่อใครจ้องจะเขี่ยทิ้ง
ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์เอง ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากเอาพรรคภูมิใจไทยมาทำยาเหมือนกัน เพราะตอนเป็นรัฐบาลร่วมกัน รู้พิษสงกันดีอยู่แล้ว เหมือนไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
หลายคนในประเทศนี้เริ่มรู้ต้นตอว่า พรรคภูมิใจไทยเกิดขึ้นมาเพื่ออะไร แล้วหวังประโยชน์สิ่งใด
ไม่มีแนวทาง ไม่มีนโยบาย ไม่ใช่พรรคผู้นำที่จะพาประเทศก้าวเดินไปข้างหน้าได้ เล่นการเมืองแบบโบราณ จ้องร่วมรัฐบาลเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น
เป็นพรรคพรรคหนึ่ ที่มีภาพของวงจรอุบาทว์ซึมลึกอยู่อย่างชัดเจน สร้างตัวเองขึ้นมาด้วยวิธีการใดก็ตามแต่ แล้วก็เสียบเข้าเป็นพรรครัฐบาล
ลองคิดดูถ้าพรรคการเมืองทุจริตเข้าไปแล้วมันก็ต้องโกงออกมา ถ้าซื้อเสียงให้มีที่นั่งส.ส.เข้าไปในสภาเป็นฝ่ายรัฐบาล ก็ต้องเข้าไปกอบโกยโกงออกมา ลงทุนเพื่อถอนทุน ลงทุนเพื่อถอนทุน วนอยู่แค่นี้ เรื่องที่จะคิดทำอะไรให้ประชาชนในประเทศนี้ ไม่มีหรอก จะคิดเรื่องนี้ก็เป็นลำดับท้ายๆ คิดเพื่อความอยู่รอดของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก
พรรคการเมืองแบบนี้น่าจะปล่อยให้ตายซากไปบนสังคมไทยเสียที อย่าไปเลือกกลับเข้ามาทำให้ประเทศชาติล้าหลัง บ้านเมืองเราดีขึ้นแน่ ถ้าพรรคแบบนี้ไม่ได้เป็นรัฐบาล ต้องสั่งสอนด้วยการไม่ให้มีที่นั่ง ส.ส.ในสภา หรือมีให้น้อยที่สุด ให้เป็นฝ่ายค้าน แล้วเหี่ยวเฉาเลิกราไปเองในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ชั่วโมงนี้ดูเหมือนว่าพรรคประชาธิปัตย์เองก็ไม่กล้า สลัดทิ้งพรรคภูมิใจไทย เหมือนกัน เพราะในยามนี้ตัวเองตกเป็นรองในสนามเลือกตั้ง โพลทุกสำนักฟันธงว่า พรรคประชาธิปัตย์จะได้เสียงน้อยกว่าพรรคเพื่อไทยแน่นอน
หนทางที่จะได้ส่ายสะโพกโยกย้ายกลับมาเป็นรัฐบาลอีกรอบ คือ การรวบรวมเสียง ส.ส.ให้ได้มากที่สุดเพื่อตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคเพื่อไทย แน่นอนว่า ส.ส.ทุกเก้าอี้มีความสำคัญ พรรคเล็ก พรรคน้อย พรรคกลาง ล้วนเป็นตัวแปรทั้งสิ้น
จึงไม่มีคำประกาศจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะตัดพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใดทิ้งไป เหมือนที่พรรคเพื่อไทยลงมือทำ
ล่าสุด อภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีรักษาการ ก็ออกตัวชัดเจนว่า ยังยินดีต้อนรับทุกพรรคการเมือง เป็นพรรคร่วมรัฐบาลครั้งหน้า ถ้าหากยอมรับนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ได้
สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิม ยังพร้อมที่จะพายเรือให้โจรนั่ง นั่งเรือที่โจรพาย หรือพายด้วยกันไปเลย ในหัวสมองยังคงคิดทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองกลับมาเป็นรัฐบาลอีกรอบ
ใครต่อใครหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความคิดที่จะยืดอกรับความพ่ายแพ้ โดยมีความพยายามใช้วิชามารสู้ก่อนเพื่อพลิกสถานการณ์ การเมืองมันก็เลยมืดๆ เทาๆ อยู่อย่างนี้ ไม่พ้นวังวนเดิมๆ เสียที
ถ้าหากพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งก็รู้ดีว่าพรรคภูมิใจไทยนั่นเอง คือชนวนเหตุสำคัญที่ทำให้รัฐบาลสวาปามเต็มไปด้วยภาพการทุจริตคอร์รัปชัน เต็มไปด้วยเกมการเมืองมืดดำ จนทำให้คะแนนนิยมต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ไฉนเลยจึงไม่กล้าประกาศตัดไมตรีเหมือนที่พรรคเพื่อไทยทำ
ถ้ากล้าปฏิเสธไปอย่างนั้น อาจได้ใจคนที่ยังลังเลว่า จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์อยู่หรือไม่ อาจทำให้ใครบางคนลองเชื่อใจเลือกพรรคประชาธิปัตย์อีกสักครั้ง
เพราะคิดแล้วว่าเลือกไปก็ยังตกอยู่กับวังวนเดิมๆ วงจรอุบาทว์เก่าๆ สู้หาทางเลือกใหม่ที่ไม่ใช่ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคเพื่อไทย อย่าง “โหวตโน” ดีกว่า
ช่วยๆ กล้าพูดหน่อย จะได้ใจอีกเยอะ อยู่ที่ว่ากล้าหรือเปล่าเท่านั้น
แต่พนันได้เลยตราบใดที่ยังเล่นการเมืองไม่มีวันที่ปชป. กับอภิสิทธิ์ กล้าตัดไมตรีกับพรรคภูมิใจไทยและเนวิน ชิดชอบหรอก
เพราะว่าเป็นรัฐบาลแล้วเสพติด เป็นรัฐบาลแล้วทำอะไรไม่ดีไว้เยอะ จึงไม่กล้าให้ใครมาเป็นแทน กลัวโดนคิดบัญชีคืน จึงต้องเดิมพันสูงแบบแพ้ไม่ได้ จะต้องตายแน่หากต้องเป็นฝ่ายค้าน เลยต้องเกี่ยวก้อยกับเนวินไว้ตลอดไป ชาตินี้ทิ้งกันไม่ได้
ถ้าการเมืองเล่นกันแบบไม่มีสปิริตอย่างนี้ น้ำใจนักกีฬาก็ไม่เกิด มันก็เหมือนกับเกมฟุตบอล บอลแพ้คนไม่แพ้ กองเชียร์ก็มะรุมมะตุ้ม ไม่สงสารคนไทย ก็สงสารลูกหลานของเราบ้างเถอะ ผู้ใหญ่เป็นอย่างไร เด็กๆ ก็จะเป็นอย่างนั้น แล้วจะสอนกันไปทำไม “เป็นเด็กต้องเดินตามหลังผู้ใหญ่” ปัดโธ่!!