“เทือก” สั่ง จนท.จับตา พท.จัดฉากทำร้ายผู้สมัคร - ขอโทษ “สนั่น” ซัดสื่อจอมเสี้ยม

เลขาฯ ประชาธิปัตย์ ยังเชื่อพรรคสู้ได้ ชี้อีกฝ่ายยิ่งกระพือเสียงยิ่งทำให้คนเลือก เชื่อเดี๋ยวมีแผน 2 จ้างคนทำร้ายผู้สมัครสร้างฉากถูกรังแก สั่ง จนท.จับตาฉีกหน้ากาก วอนชาวกรุงนึกถึงภาพแดงเผาเมือง 2 ปีซ้อน พร้อมขอโทษ “เสธ.หนั่น” ซัดสื่อเสี้ยม ยันไม่ได้พาดพิง ไม่หวั่น พท.ส่อจับมือ ชทพ.-ชพน.ตั้ง รบ. ชี้ถ้า พท.แพ้แต่รวมเสียงได้มากก็ตั้งรัฐได้ แย้มร่วม ภท.หรือไม่ต้องรอผลเลือกตั้ง

วันนี้ (29 พ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประเมินผลการหาเสียงเลือกตั้งในโค้งแรกว่า ตนยังคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์สู้ได้ ยิ่งอีกฝ่ายหนึ่งโหมกระพือว่าคะแนนดีอย่างนั้นอย่างนี้ เชื่อว่าประชาชนที่มีความรักเป็นห่วงบ้านเมืองและรักและแป็นห่วงระบอบประชาธิปไตยก็จะยิ่งออกมาช่วยพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้น คู่ต่อสู้พยายามใช้กลไกลการตลาด และยุทธวิธีตามที่ตัวเองถนัด กระพรือให้ดูเหมือนว่ากระแสทั้งหลายมาทางฝ่ายเขาทั้งหมดจนเขาได้เปรียบ ตนรู้และติดตามมาก่อนแล้วว่าจะใช้กลยุทธ์อย่างนี้ และอีกหน่อยก็จะใช้กลยุทธ์เรียกคะแนนสงสารไปสร้างสถานการณ์ว่าจ้างคนให้ไปคุกคามหรือทำร้ายผู้สมัครของพรรคตัวเอง สร้างฉากขึ้นมาแล้วจะได้เอามาอ้างว่าถูกข่มเหงรังแก ตนได้ติดตามและได้สั่งให้เจ้าหน้าที่คอยระมัดระวังว่าเมื่อเกิดเหตุที่ใดให้ติดตามจับกุมคนกระทำผิดให้ได้ จะได้เอาความจริงมาบอกกับพี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุการณ์ปาไข่ใส่เวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคเพื่อไทยที่บริเวณสวนลุมพินี เมื่อคืนวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา นายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่ทราบแต่ได้กำชับเจ้าหน้าที่แล้วว่าไม่ว่าเกิดเหตุที่ไหนเจ้าหน้าที่ต้องติดตามจับกุมตัวมาให้ได้ เมื่อถามถึงกรณีที่มีการวิเคราะห์จากหลายฝ่ายว่าสนาม กทม. พรรคประชาธิปัตย์ต้องเหนื่อยหนัก ทางพรรคจะมีการปรับยุทธศาสตร์อย่างไรหรือไม่ เลขาธิการพรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ต้องเรียนกับพี่น้องชาวกรุงเทพว่าภาพที่แกนนำเสื้อแดงนำคนมาเผาบ้านเผาเมืองก่อเหตุวุ่นวาย ทั้งในปี 52 และ ปี53 ชาว กทม.ที่ได้รับความเดือดร้อนถูกข่มขู่จนกระหนกตกใจเหมือนถูกจับเป็นตัวประกัน ต้องจำภาพนั้นได้ และการเลือกตั้งคราวนี้เป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้ลุกขึ้นมาทำหน้าที่เป็นเจ้าของบ้านเมือง ซึ่งพี่น้องประชาชนคงต้องออกมาช่วยกันให้มากขึ้น ซึ่งตนเชื่อมั่นในพี่น้องประชาชนซึ่งบางส่วนอาจจะยังไม่ออกมาตอบคำถามโพลต่างๆ แต่มีคำตอบในใจอยู่แล้วว่าจะตัดสินใจเลือกตั้งอย่างไร

เมื่อถามว่า มั่นใจว่าการตอกย้ำถึงเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองจากการชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมาจะมีอานุภาพทัดทานการปั่นกระแสของเซียนการตลาดจากฝ่ายตรงข้ามได้ นายสุเทพกล่าวว่า สิ่งที่เรียนให้ทราบตลอดเวลาว่าการที่แกนนำนปช.ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา การก่อการร้าย และอยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยเคยกระทำความผิดความเดือดร้อนเสียหายให้บ้านเมือง มีพยานหลักฐานชัดเจนและเป็นความจริง ดังนั้นพี่น้องประชาชนก็คงได้พิจารณากัน ตนก็ได้ตอกย้ำอยู่เรื่อย พร้อมกับการเดินตามยุทธศาสตร์ของพรรคที่จะไปบอกในนโยบายใหม่ๆ ที่พรรคจะดำเนินการต่อไป และเอาความจริงเกี่ยวกับผลงานของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่ทำมาไปอธิบายให้กับประชาชน

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา แสดงความไม่พอใจคำพูดของนายสุเทพ ได้มีการพูดจาทำความเข้าใจกันหรือยัง นายสุเทพกล่าวว่า ตนต้องแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง สื่อเป็นพยานให้ตนได้ว่าสื่อเป็นคนมาตั้งคำถามตนไม่มีเจตนาทำให้ พล.ต.สนั่นกระทบกระเทือนใจ

“ผมขอถือโอกาสนี้กราบฝากคำขอโทษไปถึงท่านด้วยถ้าทำให้ท่านไม่สบายใจ แต่ยืนยันว่าผมไม่ได้พูดจาให้กระทบกระเทือนใจท่าน เพียงแต่สื่อมาถามว่าหากพรรคเพื่อไทยจะเสนอให้พล.ต.สนั่น เป็นนายกฯ ผมจะว่าอย่างไร ผมก็บอกว่าไม่ได้เป็นหรอก ความหมายคือพรรคเพื่อไทยจะมีเสียงมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์จนถึงขนาดที่จะชี้นิ้วได้ว่าจะให้ใครเป็น หรือไม่มีใครเป็นนายกฯ ผมพูดตอบโต้กับเรื่องของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ไปพาดพิงถึง พล.ต.สนั่นเลย ถ้าทำให้ท่านไม่สบายใจผมก็ต้องขอโทษ แต่ พล.ต.สนั่น ท่านเคยเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ก็ควรจะทราบดีว่า ถ้าวันนี้ท่านยังเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สื่อมาถามท่านในกรณีเดียวกันนี้ท่านก็คงตอบเหมือนผมว่านายอภิสิทธิ์สมควรที่จะเป็นนายกฯ ต่อไป คนอื่นๆ คงไม่ได้เป็นหรอก”

ผู้สื่อข่าวถามว่า หวั่นใจบ้างหรือไม่ที่พรรคเพื่อไทยมีการต่อสายจีบพรรคร่วมรัฐบาลเดิมไปร่วมตั้งรัฐบาลด้วย ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลยังดีอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่หวั่นใจอะไรเลย การเมืองมันเป็นอย่างนี้เอง แต่ประสบการณ์ทางการเมืองสอนให้เราเป็นคนหนักแน่น และมั่นคง อย่าไประแวงหรือหวั่นไหวต่อสิ่งที่เขานำมาเสนอ เช่นกรณีสื่อมาถามตนพูดไปความยาวสิบประโยค สื่ออาจจะไปพาดหัวครึ่งประโยค เพื่อความหวือหวา ถ้าไปถือเอาครึ่งประโยคนั้นโดยไม่ฟังดูทั้งหมดก็อาจขุ่นเคืองกันได้ แต่สำหรับตนมองเป็นเรื่องธรรมดาใครว่ามาก็ชี้แจงไป ตนระมัดระวังเรื่องคำพูดอยู่แล้ว แต่ก็มีหลุดบ้าง มีอาการที่ทำให้คนขุ่นเคืองได้ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่คือผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรประชาชนที่ไปเลือกตั้งตัดสินใจอย่างไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เมื่อถามว่า แสดงว่าถ้าประชาชนตัดสินใจเลือกพรรคเพื่อไทยมีคะแนนมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่จัดตั้งรัฐบาลแข่งใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนจะไม่พูดมัดตัวเองอย่างนั้น แม้คนพยายามจะมัดหลายที ทั้งหมดอยู่ที่ว่าใครจะรวบรวมเสียงในสภาได้มากกว่ากัน สมมุติพรรคเพื่อไทยแพ้พรรคประชาธิปัตย์จริงๆ ซึ่งตนเชื่อว่าแพ้ แต่พรรคเพื่อไทยอาจจะไปเสนอต่อพรรคชาติไทยพัฒนาให้คนของพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นนายกฯ และดึงเอาพรรคอื่นเข้าไปร่วมด้วย ถ้ารวมแล้วเสียงมากกว่าฝ่ายที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เขาก็เป็นรัฐบาลได้ ดังนั้นประชาชนที่ประสงค์จะให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯต่อไปก็ต้องช่วยเลือกพรรคประชาธิปัตย์มากๆให้ชนะพรรคเพื่อไทยมากๆจนกระทั่งพรรคเพื่อไทยเงียบเสียงไปเอง ก็จะช่วยได้

นายสุเทพกล่าวต่อว่า สื่อนี่แกแหละตัวดีชอบเสี้ยมให้คนอื่นทะเลาะกัน อย่างกรณีของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่ออกมาทำตัวเป็นโหรทำนายการเมือง ตนก็พูดไปเพียงครั้งเดียว ส่วนพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยยังจะไปด้วยกันหรือไม่ ให้รอดูผลการเลือกตั้ง

“ถ้าคุณเนวินบอกว่าแกได้ 111 เสียงอย่างที่ว่าผมก็บอกว่าไชโยเลย คุณเนวินมาจับมือกับผมตั้งรัฐบาลได้เลย ถ้าเป็นอย่างนั้นก็สบาย แต่ถ้ารีบพูดไปก่อนอย่างนั้นมันก็เกินไป ต้องรอดูผลการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผมยังไม่ได้เดินหน้าหารือกับพรรคที่เป็นพันธมิตร แต่เดินหน้าคุยกับพี่น้องประชาชนอย่างเดียว ขอให้ประชาชนสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์มากๆ ให้ได้ 240 เสียง ถึง 260 เสียง ก็เป็นรัฐบาลแน่นอน โดยนายกรัฐมนตรียังเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แน่นอน ผมท่องได้ชื่อเดียว เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีสำหรับประเทศไทย คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายสุเทพกล่าว