xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อไทยไม่สังฆกรรม “เนวิน” บีบขั้วการเมืองแคบ “มาร์ค-เทือก”ยิ้มกริ่ม !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุเทพ เทือกสุบรรณ
จะเป็นเพราะมั่นใจในสามประเด็นหลักๆดังต่อไปนี้ เช่น กระแสของ “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่ากำลังไปได้สวย หรือว่ากระแสของพรรคภูมิใจไทยในภาคอีสาน ไม่ได้มีพลังพออย่างที่คิด รวมไปถึงเป็นการเล่นเกมเสี่ยงให้ประชาชนรีบตัดสินใจ ทำให้ ทักษิณ ชินวัตร รีบต่อสายสั่งการให้พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์เลิกสังฆกรรมกับ “กลุ่มเนวิน” ในนามพรรคภูมิใจไทยทันที

อย่างไรก็ดีการออกมาแถลงการณ์ดังกล่าวมันก็ส่งผลในทางการเมือง นั่นคือเกิดความชัดเจนและทำให้การ “แบ่งขั้ว” ระหว่างสองพรรคใหญ่คือประชาธิปัตย์ กับเพื่อไทยแคบลงไป เพราะการประกาศอย่างเป็นทางการ มีการลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรมัดตัวเองแบบนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง หรือใช้ข้ออ้างแบบทุเรศเพื่อ “กลืนน้ำลาย” ก็มีหวังถูกรุมกระทืบจมดินแน่

ที่บอกว่าทำให้ขั้วการเมืองแคบลงนั้นก็หมายความว่า เมื่อมีการประกาศไม่ร่วมทางกันตั้งแต่แรกกับพรรคภูมิใจไทย มันก็เป็นการบีบให้ กลุ่ม “เพื่อนเนวิน” ต้องไปแพ็กจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ สนับสนุนให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีโดยปริยาย ซึ่งถือว่าชัดเจนกันไปแล้วสองพรรค นั่นคือ ประชาธิปัตย์ กับภูมิใจไทย ที่มีการแถลงย้ำกันไปแล้วว่า ไม่ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย

สิ่งที่ต้องวิเคราะห์กันต่อไปก็คือทำไมพรรคเพื่อไทยถึงไม่ยอม “แทงกั๊ก” มีความมั่นใจอะไรหรือหวังผลอะไรจึงต้องเล่นเกมแบบนี้

คำตอบก็คือนาทีนี้มันต้องมีเหตุผลและมีสิ่งบอกเหตุที่มั่นใจได้ถึงได้ลงมือ “หัก” แบบไม่ไว้หน้า ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่า พรรคภูมิใจไทยเป็น “ตัวตัดแต้ม” ในภาคอีสาน ที่ถือว่าเป็นพื้นที่หลักของพรรคเพื่อไทย เป็นพื้นที่ “สีแดง” และเป้าหมายของ เนวิน ชิดชอบ ผู้อุปถัมภ์คนสำคัญ ก็ต้องการขยายพื้นที่ออกมาจาก บุรีรัมย์ ฐานเสียงเดิมออกไป และที่ผ่านก็ได้ใช้อำนาจรัฐในฐานะที่เข้ามาควบคุมกระทรวงมหาดไทย และกดดันในเรื่องการโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ทำให้รุกคืบเข้ามาได้ไม่น้อย

แต่ขณะเดียวกันในความเป็นจริง หลังจากที่ ทักษิณ ได้ตัดสินใจส่งน้องสาวเข้ามาเป็นตัวแทนเสนอตัวเข้ามาเป็นคู่ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ประกอบกับมีการ “จ่ายหนัก” ผ่านหัวคะแนน ที่เคยมีการจัดตั้งเอาไว้ก่อน รวมถึงการข่มขู่ข้าราชการทำให้ทุกอย่างทำท่าพลิกกลับ หรืออย่างน้อยไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยพลการ ซึ่งจากผลสำรวจของหลายสำนักที่ผ่านมาก็ล้วนออกมาตรงกันว่าพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำ แม้ว่าอีกด้านจะบอกว่านั่นเป็น “โพลรับจ้าง” สร้างกระแสให้ ยิ่งลักษณ์ ก็ตาม แต่ถึงอย่างไรมันก็ย่อมมีส่วนจริงปนอยู่แน่นอน แต่สำหรับพรรคภูมิใจไทย นาทีนี้กลับกลายเป็นว่า กระแสเริ่มหายไปจากจอ เพราะถ้าวัดกันตามความรู้สึกยังแพ้ ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ เสียด้วยซ้ำไป

เมื่อพิจารณาจากรูปการแบบนี้มันก็แสดงให้เห็นว่า พลังของ เนวิน ในภาคอีสานไม่ได้แรงจริง อาจจะแรงในพื้นที่เป้าหมายหลักดั้งเดิม เช่น บุรีรัมย์ สุรินทร์ และนครราชสีมาบางเขต แต่มันไม่ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนขยายวงกว้างออกไปไกลอย่างคาดหมายเอาไว้ก่อนหน้านี้

ประกอบกับที่ผ่านมา เนวิน ชิดชอบก็ได้ออกมาสวมบทโหรการเมืองทำนายแบบสร้างอารมณ์โกรธให้กับ ทักษิณ ชินวัตร ได้อีกคำรบหนึ่งนั่นคือฟันธงว่า แม้ ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแต่ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก โดยจะมีนายกรัฐมนตรีจากพรรคขนาดกลางมาเป็นนายกฯปรองดอง การวิเคราะห์ดังกล่าวถึงกับทำให้ “ปลาไหลสุพรรณ” ที่เขี้ยวงอกโง้งถึงกับ “เสียสติ” คิดไปเตลิดเปิดเปิงรับลูกเสนอ “เสธ.หนั่น” พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ขึ้นมาเป็นตัวเลือกทันที พร้อมๆกับความเคลื่อนไหวของพรรคขนาดกลางผนึกกำลังกันต่อรองพรรคใหญ่ และกระแสข่าวก็ชิงพื้นที่สื่อไปเป็นสัปดาห์

อาจเป็นเพราะเรื่องดังกล่าวก็เป็นได้ที่ทำให้ ทักษิณ ถึงกับ “ควันออกหู” เพราะนี่เหมือนกับเป็นการเพิ่มพลังต่อรอง และ “บล็อก” พรรคเพื่อไทยกันตั้งแต่ต้น ทำให้ต้อง “แก้เกม” ทันทีด้วยการประกาศเป็นทางการ “ไม่เอา” พรรคภูมิใจไทย มาร่วมรัฐบาล อีกทางหนึ่งก็ยังเป็นการแยกสลายขั้ว “เติ้ง-เนวิน” ออกมาก่อน แล้วเลือกสอยเอาเฉพาะชาติไทยพัฒนามาเพียงพรรคเดียว ซึ่งในความจริงก็ต้องดึงเอาชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ มาอีกพรรค ถ้าเป็นแบบนี้มันก็ยังเป็นถอนแค้น “งูเห่า”ไปในคราวเดียวกัน

สรุปก็คือเป็นการบีบให้ขั้วการเมืองที่มีอยู่สองขั้วระหว่าง พรรคประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยแคบลง อย่างน้อยที่เห็นชัดเจนแล้วก็มีประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยดังกล่าว ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งแม้จะยังไม่ชัดว่ามีพรรคไหนบ้าง แต่อย่างน้อยก็ต้องไม่หนีพรรคชาติไทยพัฒนากับชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินแน่นอน แต่ถ้าออกรูปนี้จริงมันก็ทำให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ สุเทพ เทือกสุบรรณ มีความพอใจอย่างมาก เพราะเท่ากับว่า กลุ่มเนวิน ต้อง “เดินเข้ามาหา” เพราะไปไหนก็ไม่ได้แล้ว ทำให้ “เพิ่มพลัง”มากขึ้นกว่าเดิม เพราะต้องไม่ลืมว่าหากสองพรรคนี้มีเสียงรวมกันแล้วมันก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าจะมี ส.ส.มากกว่าเพื่อไทย ซึ่งถึงตอนนั้นจะไปโทษใครก็ไม่ได้ เพราะไปไล่เขาเอง ชิงตัดเกมตั้งแต่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ

อย่าได้แปลกใจที่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงได้รีบออกมากล่าวมัดใจพรรคภูมิใจไทยทันทีในทำนองว่า พรรคเพื่อไทย “ทำทารุณ” เกินไป แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่คำพูดที่ตามมาก็คือหากต้องการแก้ปัญหาและรักษาบ้านเมืองก็ให้มาร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์ นั่นคือรีบอ้าแขนรับไว้ก่อน แม้ว่าจะพูดแจกยาหอมไปตามลีลาว่าเป็นไปได้เหมือนกันที่พรรคของเนวิน อาจได้ส.ส.ถึง 150 บวกกับชาติไทยฯอีก 50-60 เสียง รวมกันจัดตั้งรัฐบาลเองก็ได้ ซึ่งไม่ว่ามองในมุมไหนมันก็เป็นไปได้ยาก แค่รักษาที่นั่งเดิมก็นับว่าเต็มกลืนแล้ว

อย่างไรก็ดีถ้าพิจารณาในมุมของ ทักษิณ และเหล่ากุนซือทั้งหลาย คงมั่นใจเต็มร้อยแล้วว่า เป็นการเล่นเกมที่คุ้มค่าบีบให้แบ่งข้างตั้งแต่ต้นมือ

แต่ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมว่านี่สิ่งที่พูดมาทั้งหมดเป็นความเคลื่อนไหวเล่นเกม แบ่งเค้ก แบ่งผลประโยชน์ของ “นักเลือกตั้ง” และนักธุรกิจการเมือง เป็นการสรุปกันล่วงหน้า พูดเอง เออเอง ก่อนที่ชาวบ้านจะตัดสินใจ ซึ่งมันก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าจะเกิดกระแส “หมั่นใส้” เจอดัดหลัง สั่งสอนคนพวกนี้ให้เจ็บแสบในนาทีสุดท้ายก็เป็นได้ !!
ทักษิณ ชินวัตร
เนวิน ชิดชอบ
บรรหาร ศิลปอาชา
“ปุ”เห็นสัตว์แล้วกรี๊ด !!
“ปุ”เห็นสัตว์แล้วกรี๊ด !!
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ “สุมหัว” กันอยู่แต่เฉพาะพรรคพวกคนกันเอง แบบมี “รสนิยม” เดียวกัน จนไม่ยอมออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน ทำตัวเหมือนมีโลกของตัวเอง แต่จู่ๆ ออกมาสูดอากาศข้างนอก ทำให้ยังงงๆ ปรับตัวไม่ทัน เมื่อวันก่อนไปออกอาการ “ปรี๊ดแตก” ที่โคราช ขณะหาเสียงไปเรื่อยเปื่อย แล้วดันไปเจอชาวบ้านที่เขาตื่นตัวรู้ทันพวกนักการเมืองกำลังรณรงค์ “โหวตโน” ขึ้นคัตเอาต์กลางเมืองเห็นสะดุดตา พร้อมทั้งแจกสติ๊กเกอร์ “อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา” เท่านั้นแหละ ถึงกับดิ้นเร่า รับไม่ได้ ร้องให้ กกต.จัดการ พร้อมทั้งอ้างว่าคนของตัวเองยังดีกว่าคนที่บอกให้โหวตโนเสียอีก ได้ยินแล้วจะอ๊วกเสียให้ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น