“ปุ”เห็นสัตว์แล้วกรี๊ด !!

เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด

 
00 ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ “สุมหัว” กันอยู่แต่เฉพาะพรรคพวกคนกันเอง แบบมี “รสนิยม” เดียวกัน จนไม่ยอมออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน ทำตัวเหมือนมีโลกของตัวเอง แต่จู่ๆ ออกมาสูดอากาศข้างนอก ทำให้ยังงงๆ ปรับตัวไม่ทัน เมื่อวันก่อนไปออกอาการ “ปรี๊ดแตก” ที่โคราช ขณะหาเสียงไปเรื่อยเปื่อย แล้วดันไปเจอชาวบ้านที่เขาตื่นตัวรู้ทันพวกนักการเมืองกำลังรณรงค์ “โหวตโน” ขึ้นคัตเอาต์กลางเมืองเห็นสะดุดตา พร้อมทั้งแจกสติ๊กเกอร์ “อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา” เท่านั้นแหละ ถึงกับดิ้นเร่า รับไม่ได้ ร้องให้ กกต.จัดการ พร้อมทั้งอ้างว่าคนของตัวเองยังดีกว่าคนที่บอกให้โหวตโนเสียอีก ได้ยินแล้วจะอ๊วกเสียให้ได้

00 ใจหนึ่งก็อยากตั้งคำถามกลับไปว่า “คุณปุ” คุณเป็นสัตว์ประเภทไหนกันแน่ เพราะในป้ายรณรงค์เขามีทั้ง ลิง เสือ หมา ควาย และ “เหี้ย” ถึงกับจี๊ดเข้าไปในใจ จนต้องร้องกรี๊ดออกมา อ้อเดี๋ยวก่อนครับ ยังมีคนถามอีกว่าป้ายรณรงค์หาเสียงของพรรครักษ์สันติ ที่บอกว่า “เที่ยงตรง” ไม่ลำเอียงโดยมีรูปนาฬิกาเข็มสั้น และเข็มยาวชี้ที่เลข 12 นั้น อยากบอกว่ามัน “ห่วยแตก” และสื่อความหมายผิดเพี้ยน เนื่องจากความหมายของความเที่ยงตรง ยุติธรรม นั้นเขาใช้ “ตาชั่ง” เป็นสัญลักษณ์ต่างหาก หรือ บางแผ่นต้องการสื่อให้เห็นว่าตนเองเป็นคนตรงไปตรงมาเหมือนไม้บรรทัด แล้วก็เอาไม้บรรทัดมาอันหนึ่ง วางแหมะเอาไว้ในคัตเอาต์หาเสียง ก็ง่ายดี แต่อีกด้านหนึ่งมันสะท้อนให้เห็นกึ๋นของผู้นำพรรคคนนั้นด้วยว่าแค่ไหน อ้อ ยังมีคนฝากบอกมาอีกว่า ไม่ว่าจะมีโหวตโนหรือไม่ มั่นใจว่า ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ จะแพ้ ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ จากพรรครักประเทศไทย เบอร์ 5 อีกด้วย เขาเรียกว่า อยู่ดีไม่ว่าดี !!

00 ในที่สุดเรื่องอธิปไตยของไทย โดยเฉพาะใน “ล็อตแรก” กรณีพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร ก็ต้องทำให้พวกเราคนไทยต้องมานั่งลุ้นว่าศาลโลกทำตามคำร้องขอของ “เขมรฮุนเซ็น” ที่ “คุ้มครองฉุกเฉิน” ให้ไทยต้องถอนทหารออกจากพื้นที่แถบนั้นทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข จากนั้นอีกประมาณปีสองปี ก็ต้องมานั่งลุ้นว่าศาลรับตีความว่าพื้นที่โดยรอบดังกล่าวว่าเป็นของเขมรหรือไม่ ถ้าใช่ก็ซวยซ้ำซวยซ้อน แต่สรุปเพียงว่าสำหรับไทยเรานั้นมีแต่ “เสมอตัว” กับ “แพ้” เท่านั้นนะพี่น้อง เตรียมใจรับเอาไว้ล่วงหน้าแล้วกัน

00 แถมโอกาสแพ้ยังมีมากกว่าเสมออีกด้วย ขณะที่ เขมรมีแต่ชนะกับเสมอตัว และที่น่าสังเกตก็คือในการพิจารณาคราวนี้ ศาลได้ใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ซึ่งนั่นหมายความว่า “ขยัก” ต่อไป เราก็จะสูญเสียพื้นที่ตามแนวชายแดนอื่นๆ จากบนบกลงทะเล เพราะเกมนี้เป็นเกมแห่งผลประโยชน์ด้าน “พลังงาน” ที่มีนักการเมืองขายชาติคิดแต่ผลประโยชน์ทำตัวเป็น “นายหน้า” ร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของมหาอำนาจที่กำลังรุมทึ้งกันอยู่ ขณะเดียวกันเมื่อถึงเวลานั้น ในราวอีก 1-2 ปีข้างหน้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่มีรัฐบาล “หน้าหล่อ” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อีกแล้ว หรือหากยัง “ด้าน” อยู่ต่อ ก็จะอ้างว่า ที่เราเสียดินแดนเพราะคำสั่งศาลโลก ไม่ใช่เป็นเพราะความล้มเหลวของ “เอ็มโอยู 43” ทุด !!

00 นี่ก็ดิ้นรนสุดชีวิต เพื่อซื้อเวลาให้นานที่สุด สำหรับบรรดา “19 หัวโจก” เสื้อแดง เครือข่ายทักษิณ ที่ถูกดีเอสไอ แจ้งข้อหา “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” และล่าสุดก็ได้รับการอนุญาตให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 7 ก.ค. หลังการเลือกตั้ง ซึ่งก็รู้กันอยู่แล้วว่าคนพวกนี้หวังจะใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.ที่ผิดเพี้ยน “คุ้มกลาหัว” ขณะเดียวกัน ถ้าขืนไปรับทราบข้อหาตอนนี้ก็ซวยแน่ เอาเถอะตามกฎหมายย่อมทำได้ แต่จะบอกชื่อไว้กันลืมก็มี จตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ การุณ โหสกุล ก่อแก้ว พิกุลทอง ขวัญชัย ไพรพนา เป็นต้น !!