“ปานเทพ” ชี้ทนายต่างชาติแย้งศาลสั่งเกินขอบเขต เสียงอันตรายที่สุด แนะต้องสู้ไม่ยอมรับศาลโลกตั้งแต่ปี 2505 ย้ำถอนตัวจากภาคีมีมรดกโลก ใครก็บังคับเราให้ยกดินแดนให้เขมรไม่ได้ ตอก “เปลว สีเงิน” ระบุเอ็มโอยู 43 ชนวนเขมรรุกล้ำ รบ.รักษาได้หน้าตัวเองรักษาประเทศไม่ได้ ด้าน “พิภพ” วอนเชื่อมั่นพลังภาค ปชช. เคยเปลี่ยน รบ.มาแล้วถึง 3 รบ. แนะประเดิมปฏิรูปแก้ กม.เผยทรัพย์สินตั้งแต่ก่อนลงเลือกตั้ง
วันที่ 24 พ.ค. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวกล่าวถึงการจ้างทนายชาวฝรั่งเศสว่า เราจะมั่นใจได้อย่างไร ทนายฝรั่งเศสซึ่งเป็นสัญชาติคู่กรณีแต่เดิม โดยกัมพูชาเป็นผู้สืบสิทธิมาสู้คดีให้ฝั่งไทย จะไม่หวั่นไหวช่วยกัมพูชาในฐานะเคยเป็นเจ้าอาณานิคม และรู้ได้อย่างไรจะไม่ต่อว่าบรรพบุรุษที่ร่างแผนที่ 1 : 200,000 หรือรู้ได้อย่างไรเขาจะช่วยประเทศไทย โดยละทิ้งผลประโยชน์ด้านน้ำมันที่ประเทศฝรั่งเศสได้สัมปทานในกัมพูชา
อย่างไรก็ดี ที่ไทยจ้างทนายศรั่งเศส ที่ปรึกษาชาวอังกฤษ ที่ปรึกษาชาวแคนาดา ไปโต้แย้งต่อศาลโลก นั้น ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์พอใช้ได้ หัวใจสำคัญเขาบอกว่า ศาลไม่มีสิทธิออกมาตการคุ้มครองชั่วคราว โดยอ้างเกินขอบเขตคำพิพากษา 2505 แต่สิ่งที่ไม่ได้พูดถึง คือ ไม่พูดว่าไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกอีกแล้วตั้งแต่ปี 2505 ทั้งนี้ถือเป็นการสุ่มเสียงอันตรายที่สุด แม้จะสู้ว่าศาลไม่มีอำนาจคุ้มครองชั่วคราว แต่หากศาลบอกว่ามีอำนาจออกคำขอคุ้มครองชั่วคราว จะเท่ากับเรายอมรับอำนาจศาลอีก
“การเลื่อนการประชุมมรดกโลก ไม่มีอะไรเป็นประโยชน์ต่อประเทศ แค่ปัดสวะให้พ้นช่วงเลือกตั้ง ให้ไปเสียงเสียดินแดนในรัฐบาลหน้า หากเราถอนตัวจากภาคีมีมรดกโลก ไม่มีใครบังคับเราให้ยกดินแดนให้เขมรได้”
นายปานเทพกล่าวถึงเปลว สีเงิน ที่บอกว่าเอ็มโอยู 43 เป็นสัญญาลูกผู้ชายนั้น ศาลโลกคุยกันเรื่องจะออกมาตการคุ้มครองชั่วคราวช่วยเหลือเขมรหรือไม่ อยากถามเปลว สีเงิน ว่าเคยคิดหรือไม่ ทำไมไทยต้องไปศาลโลก ทั้งที่ 50 ปีแล้วเราไม่เคยขึ้นศาลโลกเลย เป็นเพราะเราใช้เอ็มโอยู 43 ใช่หรือไม่ แล้วปล่อยให้เขมรละเมิดเอ็มโอยูตามอำเภอใจ ทั้งนี้ หากมองเหตุและผล เขมรขอคุ้มครองชั่วคราวโดยอ้างมีการปะทะกัน ที่มีการปะทะก็เพราะเขมรมาอยู่ในผืนแผ่นดินไทย ที่มายืนได้เพราะสร้างถนนเข้ามา หากถามอีกทำไมปล่อยให้สร้างถนนได้ ก็เพราะในเอ็มโอยูบอกให้ใช้แนวทางสันติวิธีหากมีการทะเลาะกัน อย่างไรก็ดี หากไม่มีเอ็มเอ็มโอยู เมื่อเขมรสร้างถนนเข้ามาตนเชื่อทหารไทยจะไล่ให้ไปอยู่ตีนหน้าผาเหมือนเดิมแน่ ดังนั้นถือได้ว่า เอ็มโอยู 43 เป็นสาเหตุเริ่มต้นที่หลงผิด รักษาหน้าตัวเองแต่รักษาประเทศไม่ได้
ด้าน นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การต่อสู้ของเราจับต้องได้หลายเรื่อง อย่างประเด็นเขาวิหารที่เราพูดบนเวที่ แล้วรัฐบาลปฎิเสธ แต่ต่อมากลับเอาสิ่งที่เราพูดไปอ้างต่อองค์กรระหว่างประเทศ รัฐบาลเดินตามเราตลอด ถ้าหากเดินก่อนหน้าเสียแต่ทีแรก ก็ไม่จำเป็นต้องไปขึ้นศาลโลกเลย ดังนั้นขอเตือนนักการเมือง ว่า การไม่สนใจข้อเสนอของประชาชน เป็นปัญหาแน่และเสียหายต่อประเทศโดยรวม อย่างไรก็ดี ตนเคยบอกแล้วทหารเห็นปัญหา แต่ทหารติดกับดักนักการเมือง และนักการเมืองก็ติดกับเอ็มโอยู 43 ถึงทำให้เขมรได้ใจส่งคนขึ้นมาบนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร พอทหารจะขยับตัวนักวิชาเกินก็บอกว่าพันธมิตรฯชนวนทำให้เกิดการสู้รบ ทั้งที่เราพร่ำบอกไม่ต้องการให้เกิดการสู้รบ แต่ต้องการรักษาพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร
นายพิภพกล่าวต่อว่า เมื่อกระแสโหวตโนดีขึ้นเรื่อยๆ นักข่าวก็จะซอกแซกถามจับผิดโหวตโนจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างไร รับเงินจากใครมาโหวตโนหรือไม่ ตรงนี้ขอยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ ไม่มีหลักฐานใดไปรับเงินพ.ต.ท.ทักษิณ มาโหวตโน และไม่อยากให้นักข่าวเลยเอาไปเยาะเย้ยถากถาง หลังมีพี่น้องตอบคำถามโหวตโนจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไร ว่าไม่เปลี่ยนแปลงก็ถือว่าเป็นกรรมของประเทศ ก็อยากให้พี่น้องรวมกลุ่มกัน5-10 คน หาคำตอบไว้ว่าจะตอบนักข่าวอย่างไร หากโดนถาม เพราะหากนักข่าวมาถาม ตน หรือนายปานเทพ ก็จะจตอบได้ทันทีเพราะพูดบนเวทีอยู่เสมอ
นิด้าโพลบอกว่า เลือกตั้งคนเทคะแนนให้พรรคเพื่อไทย 18% ประชาธิปัตย์ 12% ส่วนอีก48% ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคใด และจากสถิติปี 2550 โหวตโนได้ถึง 1.5 ล้านคน ดังนั้น ถ้าเราดึงพันธมิตรฯ ที่เคยลงคะแนนให้ประชาธิปัตย์รวมกับ 1.5 ล้านคน จะกลายเป็น 5 ล้านเสียง การเข้าคูหาครั้งนี้จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อย่างน้อยก็เรื่องทุจริตคอร์รัปชัน มีข่าวดีพรุ่งนี้สมาคมพ่อค้า นักอุตสาหกรรม จะจัดเสวนาเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งโดยปกติบรรดาพ่อค้า นักธุรกิจ ไม่เคยออกโรงในเรื่องนี้เลยเพราะจะกระทบต่อธุรกิจ แต่เนื่องจากเขาทนไม่ไหว เริ่มจากจ่ายใต้โต๊ะไม่กี่เปอร์เซนต์ จนถึงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ต้องจ่ายถึง 40-50% หากปล่อยให้เป็นต่อไปประเทศล่มแน่นอน
นายพิภพกล่าวว่า ยุทธศาสตร์หลังจากโหวตโนแล้วเสร็จ คนที่ลงโหวตโน 5 ล้านเสียงต้องมาร่วมกันเคลื่อนไหวปราบคอร์รัปชัน เริ่มต้นเราจะขอให้มีการเขียนกฎหมายให้ นักการเมืองที่ลงเลือกตั้งต้องเปิดเผบบัญชีทรัพย์สินและเงินในบัญชีทั้งหมด หากทำได้ตนเชื่อว่า มนุษย์ย่อมมีจริยธรรมขั้นพื้นฐานหากตอบไม่ได้ ว่า มีบ้าน รถที่ดินมาจากไหนก็จะเกิดความละอาย
“การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมือง เห็นได้จาก การเคลื่อนไหวเสนอกระแสพัฒนาทางเลือก ได้สร้างวัฒนธรรมใหม่ในสังคมไทย จากการแพทย์ทางเลือก ปกติเบิกจากสวัสดิการสังคมไม่ได้ รัฐบาลก็รับรองให้เบิกได้ เช่นเดียวกับพันธมิตรฯ ชุมนุมอย่างสงบ สันติ แม้ไม่มีสิทธิออกกฎหมาย ไม่มีสิทธิในสภา แต่เราก็สามารถเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้ถึง 3 รัฐบาล ขอให้เชื่อมั่นจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลังการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. แน่นอน”
นายพิภพกล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่า อุตสาห์ออกมาพูดให้เลือกพรรคที่ดี ซึ่งตอนนั้นตนตีความว่าเป็นการส่งสัญญาณให้เลือกพรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่ แล้วต่อมาท่านพูดอีกว่า เขตทหารจะไม่มีการจัดตั้งรัฐบาล นั้น แสดงว่ายอมรับเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลครั้งที่แล้ว และน่าคิดช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ทำไมไม่มีพรรคการเมืองใดเสนอแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งที่ประเทศไทยมีการทุจริตติดอันดับต้นๆของโลก หรือเป็นเพราะทุกพรรคต่างทุจริตคอร์รัปชั่น จนต้องตกเป็นหน้าที่ของพี่น้อง ต้องออกมารวมพลังจัดการ พี่น้องบางท่านอาจยังสงสัยหากโหวตโนได้ 5 ล้านคน จะเป็นพลังได้จริงหรือ นั้น หากจำได้ตอนต่อสู้เรื่องรัฐธรรมนูญปี 2540 เราไม่มีสิทธิในสภา แต่ทำไม่บรรดา ส.ส. ต้องยกมือทำตามที่เราชุมนุม ดังนั้พี่น้องต้องเชื่อมั่นภาคประชาชนมีพลังจริงๆ