“สุวิทย์” รายงาน ครม.ผลถกมรดกโลก เลื่อนแผนบริหารจัดการพื้นที่ปราสาทพระวิหาร มั่นใจมรดกโลกเข้าใจไทยมากขึ้น แม้กัมพูชาไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนพิจารณาแผน แต่ก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุม รับห่วงหากเขมรผลักดันแผนได้สำเร็จจะถูกนำไปอ้างกับศาลโลกที่ทางกัมพูชากำลังร้องอยู่ในขณะนี้
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหัวหน้าคณะเจรจามรดกโลกฝ่ายไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงผลการร้องศาลโลกของกัมพูชาเกี่ยวกับพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ว่า ผลจะออกมาอย่างไรนั้น ก็แล้วแต่ศาลโลกจะพิจารณา แต่ที่เสนอไป คือ การตีความคำพิพากษาของศาลโลกปี 2505 ศาลโลกจะมีอำนาจสั่งออกมาใหม่ เนื่องจากไทยไม่ได้อยู่ใต้เขตอำนาจของศาลอีกต่อไปนั้น ตนคิดว่า การออกคำสั่งใหม่ หรือการพิจารณาเรื่องใหม่่ที่ศาลจะทำ ตนเชื่อมั่นว่า หากเป็นเรื่องเดิมการตีความคงจะไม่มีมาตรการของการบังคับใช้ชั่วคราวออกมาก่อน เพราะว่าการตีความนั้นไม่ใช่การบังคับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในระหว่างที่รอศาลพิจารณาสิ่งที่ทางรัฐบาลไทยจะทำคืออะไร นายสุวิทย์ กล่าวว่า ต้องรออย่างเดียว แต่ในส่วนของตนก็ต้องทำหน้าที่คณะกรรมการไป ส่วนของศาลโลกนั้นกระทรวงการต่างประเทศก็ดูแลอยู่แล้ว ซึ่งคงจะไม่มีความพลิกผันไปกว่าที่เราเตรียมการไว้
ส่วนแผนรองรับที่จะทำให้คนไทยมั่นใจว่าไทยจะไม่เสียเปรียบนั้น นายสุวิทย์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าความพยายามที่ตนดำเนินการในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราได้ทำความเข้าใจกับคณะกรรมการมรดกโลกในระดับหนึ่ง ทำให้มีการเลื่อนการพิจารณามาถึงสองครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่สำคัญ เพราะว่ามีการเจรจาและทำความเข้าใจกันมากขึ้นกว่าเดิม มีรายละเอียดมากขึ้นกว่าสองครั้งที่ผ่านมา ถ้าถามว่าตนมั่นใจไหม ตนก็ตอบว่ามั่นใจในการพูดคุยทำความเข้าใจกับคณะกรรมการมรดกโลกได้ โดยในเวทีนั้นเราก็ไม่รู้ว่าความคิดของแต่ละประเทศจะเป็นอย่างไร เพราะมีหลายประเทศที่ให้ความช่วยเหลืองบประมาณแก่กัมพูชา แต่ตนหวังว่าประเทศเหล่านี้จะเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นกับไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขั้นตอนการโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลกไปถึงไหนแล้ว นายสุวิทย์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางยูเนสโกก็เห็นไปในทิศทางที่เป็นบวกกับเรา ซึ่งในช่วงที่ยูเนสโกเดินทางมาพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และการดำเนินการเจรจาในช่วง 3 วันที่ผ่านมาก็เป็นไปในทางบวกที่เดินมาครึ่งทาง เหลืออีกครึ่งทางก็จะเดินต่อไป
เมื่อถามว่า ในที่ประชุม ครม.วันนี้ (31 พ.ค.) มีข้อสังเกตและมีการายงานอย่างไรบ้าง นายสุวิทย์ กล่าวว่า มีการรายงานถึงประเด็นปัญหาข้อติดขัดของผลการเจรจา เนื่องจากทางกัมพูชาไม่เห็นด้วยกับข้อมติการเลื่อนการประชุมของยูเนสโก ซึ่งตรงนี้ทำให้กระบวนการเจรจาต้องหยุดชะงักไป แต่การดำเนินการที่จะมีการประชุมมรดกโลก ในวันที่ 19-29 มิ.ย.นี้ ตนก็จะเดินทางไปล่วงหน้าก่อน 1-2 วัน เพื่อพบปะพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนข้อสังเกตเพิ่มเติมของ ครม.นั้น นายสุวิทย์ กล่าวว่า ไม่มีอะไร ส่วนใหญ่เห็นว่าแนวทางที่เดินมาเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาระหว่างที่ศาลกำลังพิจารณาจะเป็นอย่างไร นายสุวิทย์ กล่าวว่า เราเป็นประเทศเพื่อนบ้านกันจะแยกหนีกันไปไหนก็คงไม่ได้ ทางที่ดีคือเราต้องแสดงความจริงใจต่อกัน ซึ่งเรามีอยู่แล้ว รวมทั้งหาหนทางที่จะยุติข้อขัดแย้ง ซึ่งจริงๆ แล้วในวันนี้หนทาง ก็คือ เจบีซี การปักปันเขตแดนที่จะทำให้กระบวนการต่างๆ ยุติลงได้ ก็เป็นเรื่องที่ทางคณะกรรมการก็ต้องดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาจะตึงเครียด เมื่อมีการหยิบยกเรื่องศาลโลกขึ้นมา นายสุวิทย์ กล่าวว่า มันมีความเป็นไปได้ เพราะจากคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อปี 2505 ที่ทำให้คนไทยต้องร้องให้ ตรงนี้ก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ โดยแผนจัดการบริหารของคณะกรรมการมรดกโลกวันนี้ ก็มีเรื่องของแผนที่ มีความเกี่ยวเนื่องเรื่องอำนาจและอธิปไตยในเรื่องเขตแดนของประเทศไทย ที่อยู่ในแผนบริหารจัดการด้วย หากทางกัมพูชาไม่มีการปรับปรุงแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดการลุกล้ำอำนาจเขตแดน ตนเองก็มีความเป็นห่วงว่าหากแผนนี้ได้รับความเห็นชอบไปก็จะมีผลกระทบกับเรา เพราะทางกัมพูชาอาจนำไปอ้างกับศาลโลกหรือที่ไหนก็ได้
ต่อข้อถามว่า จากการไปประชุมน่าจะเห็นว่าทางกัมพูชาเตรียมแตกหักกับไทย ควรจะมีทางออกในเรื่องนี้อย่างไร นายสุวิทย์ กล่าวว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เตรียมอยู่ ซึ่งได้มีการพูดคุยกันว่า ยังไงทางกัมพูชาก็อาจนำเรื่องนี้สู่การพิจารณาของศาลโลก และเขาก็ทำจริงๆ เมื่อถามว่า ข้อเสนอของฝ่ายไทยที่เสนอต่อศาลโลก มีหลักกฎหมายแน่นหนาพอที่จะดักกัมพูชาได้หรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่โดยหลักการถ้าเป็นการเสนอเรื่องใหม่เข้าสู่การพิจารณาของศาลโลกเราไม่ได้อยู่ใต้การพิจารณาของอำนาจศาลอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องการตีความก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากกัมพูชาเสนอให้ตีความเรื่องใหม่ศาลก็คงไม่พิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่า การไปประชุมซึ่งกัมพูชายืนยันว่าไม่เลื่อนพิจารณาแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร ปัญหานี้ทางยูเนสโกชี้ขาดได้หรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ทางศูนย์มรดกโลกที่เป็นเลขาฯก็คงมีข้อเสนอของเขาว่าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไรต่อไป ส่วนคณะกรรมการจะพิจารณาอย่างไรก็ต้องดูภาพรวมทั้งหมดอีกที ส่วนการวิจารณ์ที่บอกว่าไทยจะแพ้เขมรนั้น นายสุวิทย์ กล่าวว่า เราก็ต้องสู้เต็มที่