เลขา กกต.ยันเติมบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าลงหีบเพิ่มคะแนนแบบโบราณ เป็นไปไม่ได้ โวรถขนหีบบัตรติดจีพีเอส รู้ทันทีออกนอกเส้นทางหรือไม่ พร้อมพาสื่อตรวจโรงพิมพ์บัตรอังคารนี้ แนะผู้สมัครไร้ชื่อร้องศาลฎีกา รับมีเรื่องร้องเรียนแล้วแต่ไม่มาก ชี้ ผลโพลแค่คนกลุ่มนึง ซัด “ประเกียรติ” ทำ กกต.เสียหาย
วันนี้ (29 พ.ค.) ที่ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.กล่าวถึงมาตรการในการดูแลจัดการเลือกตั้งให้มีความโปร่งใส เป็นที่เชื่อมั่นของประชาชน หลังจากมีผู้ออกมาตั้งข้อสังเกต ว่า จะมีกลโกงการเลือกตั้ง ว่า กรณีใบรวมคะแนนที่ตามกฎหมายกำหนดให้มีทั้งหมด 3 ชุดนั้น สามารถตรวจสอบได้ว่าคะแนนตรงกันหรือไม่ เพราะในการนับคะแนนที่หน่วยมีประชาชนจำนวนมาก และตัวแทนพรรคการเมืองสังเกตการณ์อยู่ และรู้ว่าคะแนนที่นับเสร็จสิ้นได้เท่าไหร่ ใครแพ้ใครชนะ และหลังจากนับคะแนนเสร็จกรรมการประจำหน่วย (กปน.) ลงชื่อกำกับ และจะติดใบรวมคะแนนไว้ที่หน้าหน่วยเลือกตั้ง หากไม่ตรงกับความเป็นจริงผู้ที่สังเกตการณ์ก็ต้องมีการร้องเรียนอย่างแน่นอน รวมไปใบรวมคะแนนที่อยู่ในหีบ และใบรวมคะแนนที่ส่งไปยังหน่วยเลือกตั้งกลาง ที่หากไม่ตรงกับที่ประชาชน หรือผู้สังเกตการณ์ก็จะต้องมีคนรู้ ไม่สามารถโกงกันได้
“ส่วนการเติมบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าลงในหีบที่ปิดแล้ว เพื่อเพิ่มคะแนนก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เป็นกลโกงแบบโบราณก่อนที่จะมี กกต.เกิดขึ้นมา เพราะการลงคะแนนก็จะมีหลักฐานลายมือชื่อของผู้มาใช้สิทธิ หากจำนวนบัตรไม่ตรงกับจำนวนของประชาชนที่มาลงหลักฐานลายมือชื่อ ก็จะเห็นได้ชัดเจนว่ามีการทุจริต” นายสุทธิพล กล่าว
นายสุทธิพล ยังกล่าวต่อว่า กรณีการขนหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า ที่จะต้องขนหีบบัตรจากหน่วยเลือกตั้งนอกเขตไปนับที่เขตนั้น ก็มีระบบการดำเนินการที่เชื่อถือได้ มีกรรมการส่งและรับหีบบัตรเลือกตั้ง ในรถไปรษณีย์ขนส่งก็จะมีตำรวจนั่งรถไปด้วย รวมถึงบนรถยังมีระบบนำทาง และค้นหา (GPS) ที่จะตรวจสอบได้ว่ารถไปอยู่ที่ไหน ไปจอดที่ไหน ออกนอกเส้นทางหรือไม่ เมื่อไปถึงปลายทางก็ต้องตรวจสอบกันอย่างละเอียดอีก มีการกำกับดูแลกันทุกขั้นตอน
เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า ขณะนี้ กกต.กำลังตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 2 แบบ คือ แบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) และแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่มีขั้นตอนตามกฎหมายอยู่ หาก กกต.ประกาศรายชื่อผู้สมัครแล้ว ผู้สมัครคนใดไม่มีชื่อก็สามารถร้องต่อศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้งได้ อีกทั้งในช่วงนี้ กกต.ต้องเร่งประชาสัมพันธ์เรื่องการลงทะเบียนเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด ซึ่งจะครบในวันที่ 2 มิ.ย.นี้ ถ้าผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องการที่จะมาใช้สิทธ์เลือกตั้งล่วงหน้าก็ต้องมาลงทะเบียนตามกำหนดดังกล่าว
นายสุทธิพล กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องของการร่วมมือการหลายฝ่าย ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ กกต.จะมีการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแนะนำเรื่องของข้อควรปฎิบัติต่างๆ และในช่วงบ่ายของวันที่ 31 พ.ค.กกต.จะเชิญสื่อมวลชนและตัวแทนของพรรคการเมืองลงพื้นที่ดูสถานที่พิมพ์บัตรเลือกตั้งทั้งสองแห่ง คือ ที่โรงพิมพ์อาสารักษาดินแดน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และโรงพิมพ์สลากกินแบ่งรัฐบาล หากมีข้อสักถามอะไรก็ขอให้ถามมา เพื่อให้บรรยากาศเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในขณะนี้มีการร้องเรียนเรื่องคุณสมบัติของว่าที่ผู้สมัครเข้ามาที่ กกต.หรือยัง เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาบางส่วนแล้ว แต่ไม่มาก โดยส่วนใหญ่จะไปเปิดประเด็นเรื่องของการไม่เชื่อใจ หวาดระแวงกรรมการที่ดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการ จึงขอเตือนให้ระมัดระวังในเรื่องการแสดงความคิดเห็นที่สามารถทำได้ในกรอบ หากอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ที่จะให้โทษให้คุณกับผู้สมัครหรือพรรคการเมืองไม่ได้
“ผมอยากให้บรรยากาศครั้งนี้ไปอย่างสร้างสรรค์ ในส่วนของการทำงานของ กกต.และหน่วยที่รับผิดชอบ ขอยืนยันว่า จะทำไปในสิ่งที่ดีที่สุด ให้เป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม” นายสุทธิพล กล่าว
นายสุทธิพล กล่าวถึงผลสำรวจคะแนนความนิยมที่สำนักโพลต่างๆ ออกมาในขณะนี้นั้น ว่า การสำรวจความคิดเห็นในแต่ละครั้งที่ผ่านมา ก็จะเป็นการสำรวจแค่ความคิดเห็นของคนกลุ่มหนึ่ง และคนกลุ่มนั้นก็อาจจะมีพรรคในดวงใจเรียบร้อยแล้ว แต่ว่ายังเหลือมีคนกลุ่มใหญ่ที่มีกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เวลานี้บรรยากาศการเตรียมการเลือกตั้งเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยพื้นฐานคนส่วนใหญ่นั้นเบื่อการเมืองอยู่แล้ว ถ้าหากว่ามีใครมาจุดประเด็นหรือบอกให้หวาดระแวงเขาก็คงไม่คิดจะออกไปเลือกตั้ง
ส่วนกรณีที่ นายประเกียรติ นาสิมมา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวอ้างว่า นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ได้เดินทางไปพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ นั้น นายสุทธิพล กล่าวว่า การออกมาให้ข่าวนั้นก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าขาดการตรวจสอบ ซึ่งคนที่ได้ข่าวมาพูดแต่เพียงว่า‘ได้ข่าวว่า’แบบนี้ก็ทำให้เสียหาย ซึ่งเรื่องนี้นั้น กกต.ก็เปรียบเสมือนกรรมการที่จัดการแข่งขัน แล้วเกิดมีผู้เล่นลงมาวิ่งและต่อยกรรมการ ถ้ากรรมการลงไปต่อยด้วยก็คงไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ก็คือ ดูแลตามกติกา ถ้าเลยเถิดเราก็เตือน โดยอาจดำเนินตามกฎหมายได้ ผมว่าประชาชนส่วนใหญ่เขาคิดได้ว่าควรจะเชื่อใคร