“ประยุทธ์” ลั่นไม่เลิก ฉก.315 ปราบยาเสพติด ตามคำร้องของพรรคเพื่อไทย บอกถ้าไม่ได้ทำผิดไม่ต้องไปเดือดร้อน พร้อมย้ำไม่มีการตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร เพราะไม่แทรกแซงการเมือง ส่วน “บิ๊กบัง” อาศัยอยู่ราบ 11 เป็นการให้เกียรติอดีต ผบ.ทบ. หากจะใช้พื้นที่ทหารทำกิจกรรมทางการเมืองต้องไปถามท่านเองว่าเหมาะสมหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ต้องการให้ยกเลิกชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติด 315 ว่า ก็ว่ากันไป เพราะจริงๆ แล้วในช่วงการเลือกตั้ง ถ้าทุกคนมองในแง่การช่วยกันทำหน้าที่ ให้บ้านเมืองปลอดภัย ตนคิดว่าไม่ได้เป็นประเด็น ถ้าใครไม่ได้ทำความผิดก็ไม่ต้องไปเดือดร้อน ในเมื่อไม่ทำความผิดจะไปกลัวอะไร
ทั้งนี้ หากชุดเฉพาะกิจ 315 จะไปทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง เขาไม่น่าจะไปแสดงตนอย่างนั้น แต่เอารถทหารไปด้วย แต่งเครื่องแบบ อย่างไรก็ตาม เราได้หารือกับ ป.ป.ส. ตำรวจ และทหาร ว่าจะทำอย่างไรตามข้อเรียกร้องของประชาชน ว่าในเขตพื้นที่ปริมณฑล มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด 35% ของประเทศทั้งหมด เราได้เพ่งเล็งพื้นที่ชุมชน โรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่ตอนใน ทำให้เกิดแนวคิดว่าจะทำอย่างไรให้ลดการแพร่ระบาดลงทั้งการป้องกันปราบปรามโดยหารือกันตั้งแต่ก่อนยุบสภาและเริ่มปฏิบัติงานในเดือน พ.ค.
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ให้นโยบายดำเนินการเฉพาะเรื่องยาเสพติด การหาข่าว ป้องกัน และปราบปรามร่วมกับ ป.ป.ส. ตำรวจ และทหาร โดยย้ำกับกำลังพลเสมอว่า อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด อย่าไปทำหน้าที่อื่นที่ไม่ใช่หน้าที่ เรื่องที่นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวอ้างเกรงว่าจะทำไปอย่างนั้นอย่างนี้ ในเมื่อไม่ได้ทำอะไรผิดจะไปกลัวเจ้าหน้าที่ทำไม ถ้าจะเลือกตั้ง เลือกของท่านไป หากบอกว่าเลือกตั้งแล้วไม่ต้องทำอะไรเลย ต้องไปแก้กฎหมายว่า เลือกตั้งแล้วทุกอย่างก็ไม่ต้องทำ ยาเสพติด ไม่ต้องปราบ ถ้าจะเลือกตั้งและหาเสียงกัน ตนไม่อยากพูดมาก จะกลายเป็นประเด็นแล้วไปทะเลาะกันอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่าทหารไม่ได้ดูแลเฉพาะพื้นที่ที่มีปัญหาใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราดูพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด ถ้าได้ผลก็จะขยายไปจังหวัดรอบนอก 77 จังหวัด ตามแผนที่วางไว้
“ถ้าหากไปพบว่า ทหารเขาทำอย่างที่ว่าจริง ขอให้แจ้งมา ผมจะลงโทษเป็นรายๆ ไป ถ้าจะมี เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ซึ่งผมได้บอกแม่ทัพภาคที่ 1 คัดเลือกกำลังพลไปทำงานในห่วงเดือน พ.ค. จนถึง ก.ย. 2554 ในระหว่างนี้ให้เปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ มิเช่นนั้น จะกลายเป็นว่าไปหาผลประโยชน์ อยากให้สังคมรู้ว่าชุด ฉก.315 ลงไปทำหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดเท่านั้น ถ้าเขาไปทำหน้าที่อื่นขอให้แจ้งมาผมจะลงโทษเป็นรายๆไป และต้องมีผู้รับผิดชอบ”
ส่วนที่มีข่าวว่ามีทหารไปเดินตามนักการเมืองหาเสียงตรวจสอบหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ได้ไปตรวจสอบแล้วปรากฏว่า เป็นนายทหารยศพันเอกคนหนึ่ง สังกัดกรมสารวัตรทหารบก ใส่เสื้อเจ็กแกต และ ภายในแต่งเครื่องแบบทหาร ซึ่งสำรองราชการอยู่ จึงสั่งให้ต้นสังกัดเรียกมาสอบสวนว่า ทำไมไปเดินตามเขาอยู่ได้ เพราะตนเองความผิดเดิมก็มีอยู่ คดีกรรโชกทรัพย์ ซึ่งเป็นเรื่องส่วนบุคคล ต้องลงโทษไป ตนบอกแล้วว่าจะไม่มีการเดินตามนักการเมือง ในส่วนของชุดรักษาความปลอดภัย ได้ถอนกลับมาหมดแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา
ส่วนชุด รปภ.ของนายกรัฐมนตรีก็ได้ถอนออกมาทั้งหมดแล้ว ที่ไปติดตามตัวใกล้ชิดได้เอาออกมา แต่ส่วนอื่นๆ กฎหมายไม่ได้ว่าอะไรไม่ผิด เพราะว่านายอภิสิทธิ์ยังเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องให้เกียรติรัฐบาล ใครที่เข้ามาเป็นรัฐบาลก็เป็นรัฐบาล หรือว่านายกฯ ไม่ได้เป็นนายกฯ เป็นนายกฯเฉพาะกลางวัน ถึงเย็นหรือไม่ ตนไม่รู้ ถือว่าเป็นส่วนบุคคล ต้องให้เกียรติกันหน่อย และไม่ได้เป็นการได้เปรียบเสียเปรียบกันเท่าไหร่หรอก
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้ทหารเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนได้ประสานกับทาง กกต.แล้วว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง อะไรไม่ควรทำ เราก็พยายามหลีกเลี่ยงและระมัดระวังที่จะไปเกี่ยวเนื่องยึดโยงกับการเมือง แต่ขอให้เข้าใจว่า ทหารมีหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยและได้ประสานกับตำรวจอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันชุด รปภ.ที่ติดตามขบวนนายกฯ เป็นตำรวจแล้ว
อย่างไรก็ตาม อยากให้ช่วยกันและดูแลทหาร เพราะเราก็พยายามมุ่งสู่ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งคนไทยยอมรับมา และเป็นระบบการปกครองประเทศมาตลอด เราต้องรักษาระบอบนี้ให้ได้ ปัญหาอยู่ที่จะรักษาอย่างไร จะต้องไม่ใช่กฎหมายมาเป็นประโยชน์กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ที่ผ่านมาทหาร ทำตามหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งช่วงนี้เราพยายามไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกับใครทั้งสิ้น พรรคใดก็ตาม ที่ต้องการเข้าไปหาเสียงในค่ายทหารก็สามารถติดต่อได้ ทุกพรรคสามารถเข้าไปหาเสียงได้
ผู้สื่อข่างถามว่า หลังเลือกตั้งหากคะแนนไล่เลี่ยกันอาจมีการเข้าไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า ค่ายไหน ตนไม่รู้ว่ามีใครเข้าไปจัดตั้ง ไม่มีแน่ เมื่อถามว่า สมมุติว่าหากมีกรณีนี้เกิดขึ้นจะทำอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องไม่สมมุติ จะไปสมมุติได้อย่างไร ตนพยายามจะไม่ให้มีเกิดขึ้น จะมาจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมายที่ระบุว่า พรรคใดพรรคหนึ่ง ถ้ารวมเสียงข้างมากได้ สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เลือกนายกรัฐมนตรี ว่ากันไปตามนั้น จะไปตั้งที่ไหนตนไม่รู้ อย่าเพิ่งไปพูดในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง วันนี้เลือกตั้งให้ได้เสียก่อน อย่าใช้ความรุนแรง อย่าเอาทหารไปเกี่ยวข้อง ทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบ อย่าทำร้ายกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทหารจะไม่เข้าไปแทรกแซงการเมืองหลังการเลือกตั้งใช่ไหม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะก่อนจะหน้าจะหลังอะไร ทหารไม่ได้แทรกแซงทั้งนั้น เพราะแทรกแซงไม่ได้อยู่แล้ว
ส่วนการประสานกับตำรวจในการดูแลมือปืนที่ออกมาอาละวาดช่วงเลือกตั้งอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ได้ประสานกับตำรวจ และบูรณาการด้านการข่าว โดยเชื่อมต่อกันทุกกระทรวงมี 70 กว่าหน่วยงาน ฉะนั้นรูปของมือปืน 50 คน และ อีก 25 คน ถ่ายทอดกันไป ตนสั่งให้ถ่ายทอดไปยังด่านตรวจ จุดสกัดตามแนวชายแดนรวมทั้งพื้นที่ตอนใน ว่าต้องจับกุม และช่วยเหลือตำรวจในการเฝ้าระวัง หากมีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องมือปืน ต้องดำเนินคดี ในส่วนของทหารจะนำประวัติกำลังพลที่ออกจากราชการไปแล้ว และที่กระทำความผิดเคยติดคุกมาไล่ดูกันว่าอยู่ที่ไหน แต่เท่าที่ตรวจพบยังไม่มีการเคลื่อนไหว
ส่วนที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ในฐานะอดีตผบ.ทบ.อาศัยอยู่ในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) จะเป็นการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตามระเบียบต้องดูแลผู้บังคับบัญชาที่เกษียณอายุราชการ ซึ่งถือเป็นกรณีพิเศษ และท่านก็เคยนำพากองทัพไปในห้วงที่มีสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งช่วงที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ถือว่าท่านได้ทำคุณประโยชน์กับกองทัพบกให้ฝ่าอุปสรรคมาได้ ถือว่าเป็นการให้เกียรติท่าน เพราะฉะนั้นการที่ท่านจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร หรือไปเคลื่อนไหวทางการเมือง ถือเป็นวิจารณญาณของท่าน จะควรทำหรือไม่ควร เหมาะสมหรือไม่ ตนเป็นผู้น้อยต้องให้เกียรติ ซึ่งต้องไปถาม พล.อ.สนธิ เองว่าจะทำอย่างไร
“ท่านต้องเห็นใจผม เพราะผมตอบเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ถือเป็นการให้เกียรติ ซึ่งกันและกัน ทหารอยู่ด้วยกันด้วยเกียรติยศ และดูแลกัน เหมือนกับที่มีการกล่าวหาว่า ผมจะไปไล่บ้านใครในกรมทหาราบที่ 1 รักษาพระองค์ ซึ่งผมไม่เคยไปไล่แต่ถ้าอยู่ต้องไม่ทำอะไรที่เสื่อมเสีย ซึ่งเป็นเรื่องที่ท่านต้องมีวิจารณญาณเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราต้องให้เกียรติท่าน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกอึดอัดหรือไม่ ที่ใช้พื้นที่ทหารทำกิจกรรมทางการเมือง โดยเฉพาะบ้านพัก พล.อ.สนธิ และอาจส่งผลกระทบต่อกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้รับผลกระทบมาก แต่กองทัพบกให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งคนที่อึดอัดน่าจะเป็น พล.อ.สนธิ ด้วย ส่วนประชาชนจะอึดอัดหรือไม่ ตนไม่รู้ ขอให้ไปถามท่านดู
ผู้สื่อข่าวยังพยายามถามว่าจะเป็นการวางตัวไม่เป็นกลาง หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า พรรคการเมืองอื่นมีบ้านอยู่ในค่ายทหารหรือไม่ ถ้าไม่มีจะขอบ้านกับตนหรือไม่ และเขาเป็นทหารหรือไม่ มีตำแหน่งเป็น ผบ.ทบ.หรือไม่ ถ้าหากมีตำแหน่งเป็น ผบ.ทบ.ก็ได้ แต่นี่ไม่มี และ เท่าที่มีเราก็ให้เกียรติมาตลอด ซึ่งการเป็น ผบ.ทบ.ไม่ใช่ตนเอง แต่เป็นตำแหน่งที่ต้องระมัดระวังตนเอง เป็นตัวอย่างที่ดี เช่นเป็นคนขี้โมโห หงุดหงิดก็ต้องปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น มิเช่นนั้นจะมีคนพูดว่าตนอีก