“สุเทพ” นัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถกปรายปราบยาเสพติดใน 1-2 วันนี้ เผยทำเป็นวาระแห่งชาติ คาด “มาร์ค” นั่งหัวโต๊ะร่วมวางแผน ระบุเตรียมเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ เน้นยุทธศาสตร์ 5 รั้ว โดยเฉพาะ ชุมชน-หมู่บ้าน-โรงเรียน ย้ำแม้ใกล้เลือกตั้ง ไม่ทำให้เกิดสุญญากาศ เข้มการซื้อขายยาแก้หวัด หลังนักค้ายาหัวใสนำสารบางตัวไปผลิตสารตั้งต้น
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งตนให้นำปัญหายาเสพติดมาเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งภายใน 1-2 วันนี้ ตนจะเรียกประชุมหัวหน้าหน่วย ซึ่งนายกฯอาจจะมานั่งเป็นประธานเองเพื่อดูในเรื่องสำคัญๆ เช่นเรื่องของกำลังที่อาจต้องจัดกำลังเพิ่มเติมในด้านของการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด แต่ทั้งนี้ปฏิบัติการที่รัฐบาลได้ดำเนินการมาตลอดช่วง 3 เดือนนั้น ตนก็จะสั่งการให้เจ้าหน้าที่เดินหน้าต่อไปอย่างเต็มที่ และเข้มข้นเหมือนเดิม ซึ่งเชื่อว่าประชาชนก็เห็นว่าในทุกชุมชนหรือหมู่บ้านยาเสพติดลดลง
นายสุเทพกล่าวว่า การเพิ่มกำลังนั้นจะเป็นการเพิ่มเข้ามาทุกส่วนทั้งการป้องกันและปราบปราม ยุทธศาสตร์ 5 รั้วที่นายกฯ กำหนดไว้นั้น รั้วที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษก็คือรั้วสังคม รั้วชุมชน รั้วโรงเรียน ซึ่งจะต้องเสริมให้แข็งแรงขึ้น ส่วนในเรื่องของชายแดน หรือในเรื่องของการปราบปราม และโครงการบำบัดรักษา ก็พยายามเพิ่มความเข้มข้นเข้ามาในช่วง 3 เดือนที่แล้ว แต่ต้องทำให้แต่ละชุมชน แต่ละสังคมมีความเคลื่อนไหวที่เข้มแข็งขึ้น ให้เป็นด่านป้องกันยาเสพติดไม่ให้แพร่ขยายเข้าไปในชุมชน ในสังคมได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ที่ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้ง อาจจะเป็นช่วงสุญญากาศทำให้มาตรการในการปราบปรามไม่เข้มข้นเหมือนก่อน รองนายกฯ กล่าวว่า ตนกับ พล.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์เศรี ผบ.ตร. ได้ตกลงกันแล้วว่า กำลังเจ้าหน้าที่ที่ทำงานทางด้านยาเสพติดจะต้องคงเอาไว้ในอัตราเดิม คือ 2,500 นาย ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปดูเรื่องความสงบเรียบร้อยในเรื่องของการเลือกตั้งนั้นก็ต้องแยกออกไปต่างหาก ไม่ให้กระทบ
ผู้สื่อข่าวถามว่าความจริงที่ผ่านมารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องการปราบปรามยาเสพติดมาก แต่ทำไมดูเหมือนมีการแพร่ระบาดของยาเสพติดจำนวนมากในขณะนี้ นายสุเทพกล่าวว่า อาจเป็นเพราะสิ่งที่รัฐบาลทำยังไม่ซะใจคนบางกลุ่ม บางคนที่อยากจะให้ใช้ความรุนแรงเข้าไปจัดการ แต่รัฐบาลยังคงยึดหลักที่จะแก้ปัญหาด้วยกฎหมาย และต้องเอาชนะปัญหานี้ด้วยกฎหมาย ด้วยความเป็นนิติรัฐของเราให้ได้ เมื่อถามว่าเป็นเพราะกฎหมายยังไม่เด็ดขาดพอหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่
เมื่อถามว่าปัญหายาเสพติดมักเกิดกับพื้นที่ที่ห่างไกล กทม. และการทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่เด็ดขาดพอ จะต้องเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่ที่ห่างไกลพื้นที่กทม.ด้วยหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ความจริงเราเข้มในทุกพื้นที่ ซึ่งก็จะทำงานให้มากขึ้น เมื่อถามว่าตั้งแต่รัฐบาลนำ กอ.รมน.เข้ามาช่วยในเรื่องนี้ ทำให้บทบาทของสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.)ลดลงหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะการที่รัฐบาลนำ กอ.รมน.มาเป็นกลไกหนึ่งในการปราบปรามยาเสพติดก็เพราะกฎหมายของ กอ.รมน.สามารถบูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้ โดยเฉพาะการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถเป็น ผอ.กอ.รมน.จังหวัด และสามารถสั่งราชการหรือระดมคนจากทุกส่วนในจังหวัดมาช่วยกันได้
ส่วนที่ขณะนี้มีการเปลี่ยนสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด โดยหันมาใช้ยาแก้ไข้หวัดนั้น นายสุเทพกล่าวว่า คนที่ทำก็คิดพลิกแพลงไปเรื่อย โดยเฉพาะที่มีการนำส่วนผสมของยาแก้ไอบางตัวมาใช้ทำยาเสพติดได้ ซึ่งก็ต้องแก้ไขและวางมาตรการกันไปเช่นกำหนดการซื้อขายยาแก้ไอจะสามารถซื้อได้เท่าไหร่ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่ทุกประเทศทั่วโลกก็ต้องต่อสู้กับเรื่องนี้