"รศ.ดร.พิชาย" เปิดมุมมองวิบัติจากนักการเมือง ระบุใช้ประชานิยมมอมเมาปชช. เป็นบันไดสู่อำนาจ จนมีแต่คนเลวเข้ามาครองเมือง ทำให้ความยุติธรรมสูญสลาย จัดการนักการเมืองโกงไม่ได้ แพร่โรคระบาดคอร์รัปชั่นจนเป็นเรื่องปกติ เป็นตัวอย่างขายตัวขายวิญญาณให้กับเงิน เปลี่ยนจากสังคมเอื้ออารีเป็นหวาดระแวง เกลียดชั่ง ถึงขั้นปล่อยปะละเลยให้เขมรรุกล้ำดินแดนไทย จนความมั่นคงของชาติกำลังสั่นคลอน
วันที่ 26 พ.ค.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวถึงวิบัติ 10 อย่างในช่วงเวลา 10 ปี นับตั้งแต่พ.ศ. 2544 สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นมามีอำนาจ ประชาชนอย่างเราต้องเชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต จากน้ำมือของนักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศ
1.การเมืองล้มเหลว กล่าวคือ มีแต่คนเลวเข้ามาครองเมือง สิ่งที่บ่งชี้ให้เห็นคือ 1.ตั้งแต่ปี 2544เป็นต้นมา รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพในการบริหารงาน ไม่สามารถแก้ปัญหาสังคม ใช้อำนาจฉ้อฉลสร้างประโยชน์แก่พวกพ้องตัวเองเป็นหลัก ทุจริตคอร์รัปชั่น 2.ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขถูกบ่อนทำลาย จนเหลือแต่ซาก ไม่ต่างจากบ้านที่โดนปลวกกัดกินเนื้อในไม้จนหมดสิ้น เหลือแต่เปลือกไม้ให้เราเห็นว่าเป็นประชาธิปไตยอยู่ 3.เกิดความขัดแย้งขึ้นอย่างมากมาย และรุนแรงจน มีคนบาดเจ็บล้มตาย ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง
2.สังคมแตกสลาย ทั้งนี้สังคมไทยในอดีตเป็นสังคมที่เอื้ออารี ไว้วางใจกันสูง ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่หลังจาก ปี 2544 ความไว้วางใจระหว่างคนในสังคมสูญสลาย มีแต่ความหวาดระแวง ความเกลียดชั่งค่อยๆก่อตัวมากขึ้นทุกวัน มีอาชญากรรมแปลกๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก เช่นอาชญากรต่อเนื่องที่ฆ่าโสเภนีหลายราย เด็กอายุ 13 ข่มขืนฆ่าเด็ก 9 ขวบ วัยรุ่นใจแตกจนกระทั่งเกิดสถิติใหม่วัยรุ่นติดเอดส์จำนวนมาก ทำแท้งมากอย่างน่าใจหาย ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี่นับวันจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
3.ประชาชนถูกมอมเมาจนงมงาย แบ่งออกเป็น 1.ถูกนักการเมืองมอมเมาด้วยประชานิยม ใช้ประชาชนเป็นบันไดสู่อำนาจ ถือได้ว่าเป็นโรคชนิดหนึ่งเป็นยาเสตพติดที่ติดเชื้อ กำเนิดจากไทยรักไทย แล้วแพร่ระบาดไปทุกพรรค 2.ถูกมอมเมาด้วยละครน้ำเน่า ทำให้คนตกอยู่ในโลกความฝัน เรียนแบบละครจนทำให้เด็กบางคนเปลี่ยนนิสัยกลายเป็นเด็กขี้อิจฉา ริษยา 3. ถูกมอมเมาด้วยลัทธิความเชื่อแบบแก้กรรม เพราะเขาไมมีความมั่นคงในชีวิต เครียด อันเป็นสาเหตุมาจากเพราะนักการเมือง ที่ไม่สามรถทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความมั่นคง เลยทำให้คนไปหาไสยศาสตร์ ความงมงายมากขึ้น
4.สิ่งแวดล้อมย่อยยับ ใน 10 ปีที่ผ่านมาทรัพย์ยากรถูกทำลายล้างอย่างไม่เคยมีมาก่อน ป่าไม้ถูกบุกรุก จนเกิดภาพที่เราเห็นภูเขาถล่มทำให้ทั้งตำบลจมหาย หรือกรณีมาบตาพุด คนเจ็บ ตายมากมาย จากสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ต้องถามว่าการปล่อยให้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ เป็นฝีมือใคร ก็นักการเมืองนั่นแหละ มีอำนาจอยู่ในมือไม่เข้าไปจัดการ รับประโยชน์จากนายทุนแล้วปล่อยปะละเลย ขืนปล่อยให้นักการเมองชั่วอยู่ต่อไปจะวิบัติมากกว่านี้
5.เศรษฐกิจคลอนแคลน ที่ผ่านมาระบบเศรฐกิจของเราเหมือนอยู่บนเส้นด้าย ข้าวของแพง มีช่วงหนึ่งคนว่างงานจำนวนมาก จนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ นี่แหละต้องออกเช็กช่วยชาติแจกคนละ 2,000 บาท ซึ่งทำเป็นอยู่เรื่องเดียวแจกเงิน นโยบายไหนที่อาศัยปัญญาความกล้าหาญแก้ไข แกทำไม่ได้สักอย่าง ไม่ว่าเขาวิหาร คอร์รัปชั่นจัดการไม่ได้เลย ที่สำคัญหนี้สินเพิ่มขึ้นตอนนี้พวกเรามีหนี้สาธารณะเฉลี่ย ครัวเรือนละ 100,000 บาท เกิดตั้งแต่สมัยพ.ต.ท.ทักษิณสะสมมาถึงปัจจุบัน เถ้าคนพวกนี้ข้ามาบริหารประเทศอีก หนี้สินก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจน ประเทศล้มละลายในที่สุด
6.การศึกษาตกต่ำ ตั้งแต่มีการปฏิรูปการศึกษาทำให้ครูดีๆ เก่งๆ ออกเกือบหมด เหลือแต่ครูที่ไม่รู้จะไปไหนอยู่ แล้วครูพวกนี้ยังไม่มีเวลาสอนเด็กอีก ต้องเอาเวลามาทำผลงานทางวิชาการเพื่อแสวงหาความก้าวหน้า หรือไม่ก็ไปทำอาชีพเสริม ระบบประกันคุณภาพ ไม่ได้ช่วยทำให้นักศึกษาเก่ง เห็นได้จากนักเรียนสอบโอเน็ตตกเกือบทั้งประเทศ ซ้ำร้ายสภาบันที่สอนปริญญาโท แข่งกันเปิด คนจบเต็มไปหมดแต่มีความรู้จริงๆไม่ถึงครึ่ง ร้ายกว่านั้นบางที่เปิดปริญญาเอกไปเชิญนักการเมืองมาเรียน เพื่อให้นักการเมืองเอาทำโก้ ไปอวด ทั้งที่ปัญญามีเท่าหางอึ่ง
7.คุณธรรมเสื่อมทราม แบ่งเป็น 1.เกิดการแพร่ระบาดของการคอรัปชั่น จนคนมองเป็นเรื่องปกติหากได้ผลประโยชน์ด้วย 2.มีคนในหลากหลายอาชีพ ขายตัว ขายวิญญาณให้กับเงิน โดยไม่คำนึงความเป็นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตั้งแต่ในสภาจนถึงหมู่บ้าน 3.เกิดลัทธิบูชาคนชั่วเป็นพระเจ้าอย่างไม่ลืมหูลืมตา 4.โกหกตอแหลแพร่ระบาด คนที่เราเคยคิดว่าดีๆ ก็ติดเชื้อไปด้วย
8.ยาเสพติดและคอร์รัปชั่นเกลื่อนเมือง เห็นได้จากช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเยาวชนติดยาเพิ่มขึ้น ปี 51เยาวชนติดยาเสตติดไม่ถึง 1% ปี52 เพิ่มเป็น 4% ปี53 7% และปี45เพิ่มเป็น 12% โดยที่รัฐบาลไม่ทำอะไรเลยไม่ทำอะไรเลย ส่วนคอร์รัปชั่นเห็นๆกันอยู่โกงกินอย่ามโหฬาร ในทุกระดับทุกองค์กร
9.กฎหมายหมดสภาพ ความยุติธรรมสูญสลาย ทั้งนี้หากจำได้ตอนเสื้อแดงประท้วง ละเมิดกฎหมาย ละเมิดสิทธิมนุษย์ กฎหมายจัดการไม่ได้ แถมผู้รักษากฎหมายจำนวนหนึ่งยังให้ท้ายอีกต่างหาก และตลอดตั้งแต่ปี 50 นอกจากกรณีพ.ต.ท.ทัก โดนคดีไป 2 ปี ก็ไม่เคยมีนักการเมืองรายอื่นโดนคดีทุจริต ซึ่งไม่รู้ว่า ป.ป.ช. หลับอยู่หรือไม่
10.ความมั่นคงของชาติกำลังสั่นคลอน รัฐบาลปล่อยปะละเลยให้กัมพูชาเข้ามาอยู่ในดินแดนไทย ปัญหาอธิปไตยของชาติไม่เคยอยู่ในสายตา ในภาวะหาเสียงเลือกตั้งเช่นนี้ ก็ไม่เห็นมีพรรคการเมืองไหนใช้ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องดินแดนหาเสียง ฉะนั้นเราจะเอามันเข้ามาอีกหรือ หากไม่เอาต้องไปโหวตโน