xs
xsm
sm
md
lg

“จงรัก” โร่แถลงข่าวจับมือข่มขืนฆ่ารัดคอเด็ก 11 ขวบ ท่ามกลางมวลชนนับหมื่นแห่รอดู

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ฉะเชิงเทรา- “จงรัก” โร่แถลงข่าวจับกุมมือข่มขืนฆ่ารัดคอเด็กหญิง 11 ขวบ ก่อนหิ้วนำตัวไปขอขมาศพท่ามกลางความสนใจของมวลชนไทยมุง ที่แห่แหนมาอย่างมากเป็นคดีประวัติศาสตร์ ยาวกว่า 2 กม.จนเจ้าหน้าที่ต้องยุติการทำแผนลงกลางคัน หวั่นต้านแรงแห่งความโกรธแค้นของชาวบ้านไม่อยู่

วันนี้ (28 พ.ย.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาเปิดแถลงข่าว ร่วมกับ พล.ต.ต.มณฑล มีอนันต์ ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.สุรพล วิรัตน์โยสินทร์ รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.ณัฐสิทธิ์ บุญน่วม ผกก.สภ.สนามชัยเขต และ พ.ต.ท.ประวัติ แพพ่วง รอง ผกก.สภ.สนามชัยเขต ถึงผลการจับกุมตัว นายมาโนช (แพ) บุญมาก อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ม.3 ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา

ผู้ต้องหาคดีข่มคืนรัดคอฆ่า ด.ญ.นันทิชา มูลสูตร หรือ น้องเฟิร์น อายุ 11 ขวบ นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านท่าซุง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา เหยื่อเคราะห์ร้าย ที่ถูกคนร้ายบุกลวงฉุดออกจากบ้าน ไปข่มขืนฆ่ารัดคอกลางดึก ก่อนทิ้งศพคาไร่มันสำปะหลังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่อสื่อมวลชนและท่ามกลางแม่ค้าแม่ขาย ที่ต่างพากันปิดร้านค้าเดินทางมารวมตัวมุงดูและคอยรุมสาปแช่งประณามยังด้านหน้า สภ.สนามชัยเขต กว่า 100 คน

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า จากผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์ เนื้อเยื่อผิวหนังของคนร้าย ที่เก็บได้จากเล็บมือซ้ายของเหยื่อผู้เคราะห์ ผลปรากฏว่า ตรงกันกับตัวผู้ต้องหา ที่มีร่องรอยถูกขีดข่วนที่บริเวณขา ซึ่งครั้งแรกให้การปฏิเสธมาโดยตลอด แต่เมื่อเห็นว่าตนเองจำนนด้วยหลักฐานจึงได้ยอมรับสารภาพในที่สุด ซึ่งขณะนี้ถือว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีได้อย่างแน่นหนา ทั้งผลการตรวจดีเอ็นเอ และพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบกัน

ขณะที่ นายมาโนช กล่าวยอมรับว่า คืนวันเกิดเหตุได้เข้ามาทำการล่อลวง ด.ญ.นันทิชา ไปจริง โดยครั้งแรกจะเข้ามาเพื่อให้บิดาของเหยื่อพาไปซื้อของ (ยาบ้า ซึ่งผู้เป็นบิดาสามารถติดต่อหาซื้อให้ได้) แต่เมื่อพบว่านายมานพไม่อยู่บ้าน จึงได้ออกอุบายว่าจะให้เหยื่อพาไปหาพ่อที่วงเล่นไพ่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหลังโรงเรียนบ้านท่าซุง

จากนั้นจึงได้พากันเดินออกจากบ้านไปเมื่อเวลา 20.00 น.โดยเหยื่อได้เตรียมนำผ้าขนหนูเช็ดตัวไปด้วย เพื่อที่จะขอแวะเข้าไปนอนยังในโรงเรียนบ้านท่าซุง กับครูที่โรงเรียน เพื่อเตรียมการเดินทางไปแข่งขันตีกลองยาว ยัง จ.ชลบุรี ในช่วงรุ่งเช้า

เมื่อใกล้จะถึงโรงเรียน ตนจึงได้บอกกับเหยื่อ ว่า เปลี่ยนใจแล้วให้กลับบ้าน พร้อมกับได้พากันเดินย้อนกลับมายังบ้านพัก และระหว่างทางบริเวณข้างวัด ตนได้ใช้มือพร้อมด้วยผ้าเช็ดตัวอุดปากของเหยื่อ ก่อนที่จะพาเอาตัวเข้าไปยังไร่มันสำปะหลัง ที่บริเวณด้านหลังวัดท่าซุงเก่า จากนั้นได้ใช้เชือกหูรูดกางเกงมัดปาก และลำคอติดแน่นอยู่กับต้นมันสำปะหลังไว้ และได้ลงมือข่มขืน กระทำการล่วงละเมิดทางเพศ และปล่อยร่างของเหยื่อเคราะห์ร้ายทิ้งไว้ ก่อนหลบหนีออกมา

ขณะที่ พ.ต.ท.ประวัติ กล่าวถึงพฤติการณ์ของผู้ต้องหารายนี้ ว่า เป็นคนอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกันกับเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ซึ่งอยู่ห่างกันเพียง 100 เมตร ซึ่งเป็นบุตรชายของผู้ที่มีฐานะดีในหมู่บ้าน ซึ่งผู้ปกครองประกอบอาชีพค้าขาย เปิดเป็นร้านค้าของชำ ซึ่งปกติผู้ต้องหามีนิสัยเกเร และเสพยาเสพติด (ยาบ้า) จนผู้ปกครองไม่สามารถควบคุมสั่งสอนได้ ที่ผ่านมา ในคืนวันเกิดเหตุ ผู้เป็นบิดาได้พยายามที่จะควบคุมดูแลโดยสั่งห้ามไม่ให้ออกจากบ้าน แต่ผู้ต้องหาก็ยังแอบลักลอบหนีออกมาจากบ้าน เพื่อออกมาหาซื้อยาเสพติดเสพอีก และได้ก่อเหตุดังกล่าวขึ้น

หลังผู้ต้องหายอมรับสารภาพ ขณะนี้ได้ตั้งขอกล่าวหาไว้หลายข้อกล่าวหา คือ 1.“ฆ่าผู้อื่นโดยการทรมาน หรือกระทำการทารุณโหดร้าย” และ 2.“กระทำชำเลาเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตน โดยเด็กมิได้ยินยอม” และ 3.“พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้กำลังประทุษร้าย” และ 4.“พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร” และ 5.“กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยทำการประทุษร้าย”

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายมาโนช ขึ้นรถควบคุมตัวผู้ต้องหาขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นรถยนต์ตู้หกล้อติดลูกกรง พร้อมมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 15 นาย คุ้มกันอยู่ภายใน เดินทางไปยังวัดอัมพวัน พื้นที่ ม.6 ต.ลาดกระทิง เพื่อเข้าไปขอขมาศพ ด.ญ.นันทิชา ท่ามกลางบรรดากลุ่มญาติ พร้อมชาวบ้านที่ตั้งท่ารอรับกว่า 100 คน และต่างรุมสาปแช่ง โดยหลายคนได้พยายามที่จะฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่เข้ามาทำร้าย แต่ได้ถูกเจ้าหน้าที่กันตัวไว้ได้ และเมื่อเข้ามาขอขมาศพผู้เสียชีวิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวเดินทางต่อไปยังบ้านพักที่เกิดเหตุของผู้ตาย เพื่อชี้ระบุสถานที่

เมื่อเดินทางเข้ามาถึงยังหมู่บ้าน ต้องถึงกับตกตะลึง เมื่อมีประชาชนจำนวนมากจากทั่วทุกสารทิศ เดินทางมารอดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเนืองแน่น โดยจอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์เรียงเป็นแถวแนวยาวทั้งสองฝั่งของขอบถนน ตลอดความยาวของเส้นทางในหมู่บ้านกว่า 2 กม.ตั้งแต่บริเวณวัดท่าซุงใหม่ไปจนถึงบริเวณวัดท่าซุงเก่า มีประชาชนยืนเรียงรายอยู่เต็มพื้นที่ ตั้งแถวรอรับพร้อมกับส่งเสียงก่นด่า รุมประณามสาปแช่งผู้ต้องหา ตลอดเส้นทางที่รถผู้ต้องหาขับเคลื่อนผ่าน นอกจากนี้ยังมีฝูงชนอีกจำนวนมาก ที่มายืนรออยู่เต็มแน่นบริเวณวัดท่าซุงเก่า ใกล้เมรุช่องทางเข้าไปยังจุดที่เกิดเหตุอีกจำนวนหลายพันคน

จนทำให้ พล.ต.อ.จงรัก ต้องแถลงต่อสื่อมวลชน ท่ามกลางฝูงชนจำนวนมาก ว่า ไม่สามารถที่จะนำตัวผู้ต้องหาลงมาจากรถเข้าไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพได้ เนื่องจากมีฝูงชนเกลียดชังตัวผู้ต้องหาเป็นจำนวนมาก และพร้อมที่จะเข้ามารุมทำร้าย เกินกว่ากำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ระดมกำลังมาจาก 5 หน่วยงาน ทั้งจาก สภ.ข้างเคียง คือ สภ.แปลงยาว สภ.บางคล้า สภ.พนมสารคาม และ สภ.สนามชัยเขต รวมถึงเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) และฝ่ายสืบสวนนอกเครื่องแบบ รวมหลายร้อยนาย จะต้านทานไว้ได้ แต่จะให้ผู้ต้องหาชี้ไปยังจุดเกิดเหตุอยู่บนรถควบคุมตัวแทน โดยการเปิดประตูด้านท้ายเพื่อทำการบันทึกภาพ

แต่เมื่อผู้คนที่มามุงดูเป็นจำนวนมาก ได้เห็นหน้าผู้ต้องหาโผล่ออกมาจากทางด้านประตูหลังเมื่อใด ทุกครั้งก็จะมีการส่งเสียงโห่ร้อง ก่นด่าสาปแช่งใส่ และอีกหลายคนได้พยายามที่จะฝ่าวงล้อมเข้าไปทำร้าย แต่ได้ถูกเจ้าหน้าที่กันตัวไว้ได้ และรีบนำตัวผู้ต้องหาผุบหายหลบเข้าไปเก็บไว้ยังข้างในรถลูกกงทันที แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังทนเสียงเรียกร้องของชาวบ้านที่มาขอดูหน้าของผู้ต้องหาไม่ได้ เนื่องจากหลายคนต่างต้องการที่จะเข้ามาดูให้เห็นหน้ากันชัดๆ จึงได้ขอร้องให้เจ้าหน้าที่นำตัวออกมายังหน้าประตูท้ายรถอีกหลายรอบ พร้อมกับรับฟังเสียงก่นด่าสาปแช่งอยู่ตลอดเวลาทุกครั้งไป จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ต้องนำตัวผู้ต้องหาเดินทางกลับมายัง สภ.สนามชัยเขต ก่อนที่จะนำตัวส่งไปยังศาลจังหวัดฉะเชิงเทราเพื่อฝากขังต่อไป

ขณะที่ นางสายพิน เหมือนศรี อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 651 ม.6 ต.ลาดกระทิง ซึ่งมีศักดิ์เป็นย่าของน้องเฟิร์น (อาของพ่อเหยื่อเคราะห์ร้าย) กล่าวว่า หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายได้ ทางบรรดาญาติๆ ต่างพากันดีใจมากที่ได้ทวงคืนความยุติธรรมมาให้หลานสาวได้ และจะได้จบสิ้นกันเสียที ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมการออกไปซื้อของเพื่อนำมาประกอบพิธีฌาปนกิจศพในวันพรุ่งนี้เวลา 16.00 น. โดยจะทำการสวดพระอภิธรรมคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย ที่วัดอำพวัน (กม.7)

ก่อนหน้านี้ ทางญาติๆ พร้อมด้วยนักการเมืองท้องถิ่น นายก อบต.ลาดกระทิง ได้เตรียมการที่จะจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน พร้อมกับเตรียมการที่จะเคลื่อนไหว ด้วยการแห่โลงศพน้องเฟิร์นไปยัง สภ.สนามชัยเขต ในวันจันทร์นี้ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษได้ และเมื่อได้เห็นหน้าคนร้ายแล้ว ก็เป็นคนที่ได้เคยสงสัยไว้ตั้งแต่แรกจริงๆ เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นคนที่มีจิตใจวิปริตผิดมนุษย์ และเข้าหาพ่อของเด็กได้อย่างสะดวก



กำลังโหลดความคิดเห็น