“พิภพ” อัด “มาร์ค” มุ่งไปศาลโลกถลำลึกเลือกทำผิด รธน. ระบุหากวัดกันที่พื้นที่ 4.6 ตร.กม. ตัดสินใจง่ายโหวตโนอย่างเดียว เชื่อทั้ง ปชป.-พท.มีรากฐานเดียวกันดำเนินนโยบายต่างประเทศ-เขาวิหาร ไม่ต่างกัน พร้อมท้า “อภิสิทธิ์” พูดให้ชัดหากกลับมาเป็น รบ.ยังคงนำเนินนโยบายเดิมใช่หรือไม่ ส่วน “ยิ่งลักษณ์” ดำเนินตามแนวทางเหมือนพี่ชาย โดยไม่สนใจว่าจะเสียดินแดนใช่หรือไม่
วันที่ 24 พ.ค. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า หากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินตามเกมกัมพูชาจะตกหลุมเสียท่าทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนในที่สุด ขอเตือนตอนนี้เป็นรัฐบาลรักษาการแล้ว อำนาจคณะรัฐมนตรีมีจำกัด ไม่สามารถดำเนินทางการเมืองกับต่างประเทศที่มีผลผูกพันตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ได้ ดังนั้น นายอภิสิทธิ์ควรยุติการดำเนินการใดๆ ที่จะมีผลผูกพันกับอธิปไตย ทางที่ดีสถานการณ์ตอนนี้เหมาะที่สุดที่จะบอกกับสมาชิกอาเซียนว่าประเทศไทยปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ตอนนี้อยู่ในช่วงยุบสภาและจะเลือกตั้งใหม่ ซึ่งไม่แน่นอนว่ารัฐบาลนี้จะได้กลับมาเป็นรัฐบาลหรือไม่ ไม่มีสิทธิทำการใดที่จะมีผลผูกพันรัฐบาล เพราะหากเกิดข้อผิดพลาด พรรคอื่นได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาลเขาไม่รับอะไรจะเกิดขึ้น
“กรณีศาล และกรณีมรดกโลก ไทยไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไปขึ้น สามารถอ้างอยู่ระหว่างยุบสภารัฐธรรมนูญไทยไม่อนุญาตให้ทำ ในการนี้จะพูดกับคณะกรรมการมรดกโลกว่า ขอให้ถอนวาระพิจารณา พื้นที่ร่วมในการเป็นมรดก ที่จะเกี่ยวข้องต่อการสูญเสียดินแดนในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือขอให้เลื่อนการประชุมออกไปจนกว่าจะมีรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ยังได้”
นายพิภพกล่าวฝากถามนายอภิสิทธิ์ว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ได้เสดงนโยบายอะไรที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาเขาวิหารและพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลกเมตร ให้ประชาชนฟังบ้างหรือยัง เรื่องนี้เป็นเรื่องความเป็นความตายของประเทศ อย่าถือว่าคนรับรู้แนวทางแล้วจากผลงานช่วงเป็นรัฐบาล เพราะวันนี้ท่านเป็นรัฐบาลรักษาการ ยังหวังจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีก ดังนั้นขอความแน่ชัดให้ประชาชนด้วย บอกมาเลยว่าจะดำเนินนโยบายแบบเดิม
นายพิภพกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับพรรคเพื่อไทย ว่ามีเรื่องสืบเนื่องมาจากพรรคไทยรักไทย ซึ่งพรรคไทยรักไทยเคยดำเนินนโยบายเกี่ยวกับเรื่องพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ต่อจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไปทำเอ็มโอยู 43 สืบเนื่องมาถึงนายนพดล ปัทมะ ช่วงเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการผิดพลาดจนถูกฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ทั้งนี้เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกมาร้องขอให้คนเลือกเข้าไปเป็นรัฐบาล อยากขอให้ช่วยออกมาโชว์กึ๋นในเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศว่าจะแก้ไขปัญหาเขตแดนด้วยนโยบายอะไรและตรงข้ามกับนายอภิสิทธิ์อย่างไร ครั้นจะดำเนินตามแนวทางเหมือนพี่ชาย เหมือนนายสมัคร ก็พูดให้ชัดว่าจะดำเนินต่อไปโดยไม่สนใจว่าจะเสียดินแดนหรือไม่
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนักธุรกิจดูแลพนักงานเป็นหมื่นคน อย่าลืมช่วง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีก็อ้างทำนองเดียวกัน แล้วก็บริหารคณะรัฐมนตรี บริหารสภา ประหนึ่งเป็นพนักงานชินวัตรใช่หรือไม่ แสดงว่าหากนางสาวยิ่งลักษณ์ ขึ้นมาบริหารประเทศก็จะเหมือนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ คือไม่ไปประชุมสภาหรือประชุมน้อยที่สุด เหตุคิดว่าพวกนั้นคือพนักงานบริษัทชินวัตร และพ.ต.ท.ทักษิณ อย่าแก้ตั้วแทนน้องสาว ว่า ไม่ค่อยรู้กฎหมาย หากไม่รู้กฎหมายก็อย่ามาบริหารประเทศ เพราะประเทศบริหารด้วยกฎหมาย
“อยากฟัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับนายอภิสิทธิ์ออกมาตอบโต้แลกเปลี่ยนถกเถียงกันเรื่องนโยบายกรณีพื้นที่ 4.6 และเขาวิหาร อย่างไรก็ดี ผมเชื่อว่าทั้งสองคนมีแนวทางไม่ต่างกันเพราะต่างรับทอดนโยบายมาเหมือนกัน แต่อยากได้ยินคำยืนยันจากปาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอภิสิทธิ์ ว่าจะสืบทอดนโยบายที่รับมาเป็นทอดๆ ตั้งแต่ยุคนายชวน มาเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาลนายสมัคร จนถึงรัฐบาลนี้ที่จะนำไปสู่การเสียดินแดนในที่สุด หากเป็นนักประชาธิปไตยที่แท้จริง น.ส.ยิ่งลักษณ์อย่าเอาเงา พ.ต.ท.ทักษิณมาอยู่ข้างหลัง และนายอภิสิทธิ์อย่าเอาเงานายสุเทพ เทือกสุบรรณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาอยู่ข้างหลัง เราอยากเห็นนายอภิสิทธิ์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตัวจริงว่าคิดเรื่องนี้อย่างไร ประชาชนจะได้ตัดสินใจถูก”
นายพิภพกล่าวว่า ศาลโลกไม่ใช่ศาลยุติธรรม เป็นศาลการเมือง ดังนั้นอย่าหวังความยุติธรรรมจากระบบศาลโลก นอกจากนี้คณะกรรมการมรดกโลกเองก็เป็นยิ่งกว่าคณะกรรมการการเมือง เพราะเกี่ยวกับธุรกิจในเรื่องโบราณสภานของโลก ซึ่งมีนายทุนหนุนหลังเต็มไปหมด ทำให้ย่อมโน้มเอียงไปตามผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
“สังเวชนักวิชาการ นักกฎหมายไทย หายไปไหนหมด นายแก้วสรรซึ่งปากบอกว่าเป็นนักกฎหมาย เป็นคนตรง วันนี้ช่วยใช้ความรู้ทางกฎหมายมาพูดกรณีปราสาทเขาวิหารให้ฟังหน่อย จะได้รู้มีกึ๋นทางกฎหมายมากน้อยแค่ไหน และคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยต่างๆ ทำไมถึงเงียบเป็นเป่าสากต่อเรื่องนี้ ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นทางกฎหมายระหว่างประเทศบ้าง”
นายพิภพกล่าวว่า โหวตโน ไม่ใช่เรื่องชอบหรือไม่ชอบนายอภิสิทธิ์ หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ วันนี้ปัญหาทุจริตเป็นเรื่องใหญ่ นายภิสิทธิ์ ถูกกล่าวหาว่าเอื้อให้มีการทุจริต ช่วงหาเสียงเลือกตั้งเช่นนี้ช่วยแถลงนโยบายจัดการปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ถ้าจะให้ดีรวมถึงกฎเหล็ก 9 ข้อให้ฟังอีกสักครั้งได้หรือไม่ ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่เคยบริหารการเมืองเดินแนวทาง พ.ต.ท.ทักษิณคิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำ ก็ต้องถามต่อไปว่าแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณคิดอะไร ซึ่งก็มีหนทางเดียวคิดเป็นอื่นไม่ได้ จากที่เคยคิดและเคยทำคือ สร้างนโยบายเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน หรือที่เรียกว่าทุจริตเชิงนโยบาย นี่คือแนวคิดที่จะให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำ ใช่หรือไม่ หากไม่จริง น.ส.ยิ่งลักษณ์ช่วยบอกด้วยว่าจะปราบคอร์รัปชันได้อย่างไร