นายกฯ แนะเพิ่มทักษะแรงงานรับประชาคม ศก.อาเซียน

“มาร์ค โพเดียม” ปาฐกถา “นโยบายรัฐบาลในการผลิตกำลังคนโดยมุ่งเน้นสมรรถนะและทักษะ” รับ 2 ปีไทยขาดแรงงานที่มีทักษะ แนะหามาตรการรับมือประชาคม ศก.อาเซียน ชี้ถ้า ศก.โลกฟื้นโอกาสเกิดวิกฤตอาหารสูง ทำเกษตรเติบโต ต้องเพิ่มทักษะสมรรถนะงานให้สอดคล้องตลาด ชูตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพปฏิรูปการศึกษา

วันนี้ (24 พ.ค.) ที่โรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการสัมมนา “ความต้องการกำลังคนของภาคอุตสาหกรรมการผลิตและบริการกับการจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และปาฐกถาหัวข้อ “นโยบายรัฐบาลในการผลิตกำลังคนโดยมุ่งเน้นสมรรถนะและทักษะ” ตอนหนึ่งว่า เศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายในแง่ความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอย่างมาก 2 ปีก่อนยามที่เราประสบปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นวิกฤตการเงินของโลกไม่ต่างจากประเทศอื่น ที่เจอผลกระทบการจ้างงานซึ่งหลายประเทศมีปัญหาการว่างงานและยังเป็นปัญหาใหญ่ถึงปัจจุบัน และ 2 ปีกว่าสิ่งที่เราสัมผัสคือ การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องมีมาตรการรับมือสำหรับอนาคตที่เป็นแนวโน้มเชิงโครงสร้างที่ทำให้ปัญหารุนแรงหากไม่เตรียมการ อาทิ การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่มีการโยกย้ายฐานการผลิตและปรับการลงทุนเพื่อการผลิตในสาขาต่างๆ มีความเปลี่ยนแปลงเรื่องทักษะในตลาดแรงงาน

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปัจจัยที่เราต้องคำนึงถึง คือ 1.โครงสร้างเศรษฐกิจในภาพรวมที่จะได้รับผลกระทบแน่นอนเมื่อวิกฤติเศรษฐกิจโลกฟื้นปัญหาต่อไปคือเรื่องวิกฤตอาหาร จึงต้องปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ เพราะสินค้าเกษตรจะมีราคาเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นก็เป็นที่เข้าใจว่าภาคการเกษตรจะกลับมาเติบโต 2.สังคมไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุ โครงสร้างประชากรเปลี่ยนและจำนวนหนุ่มสาวเข้าสู่ตลาดแรงงานเริ่มทรงตัวและลดลง ดังนั้น เราต้องสร้างแรงงานให้มีทักษะ มีความสามารถในการปรับตัวเพื่อให้มีโอกาสทำงานให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน

นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า 2 ปีที่ผ่านมามีการเตรียมการร่วมกันของกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงแรงงาน ที่สัมผัสปัญหาต่างกัน แต่ต้องทำงานใกล้ชิดกับภาคเอกชนเพื่อเชื่อมโยงกันในการเพิ่มทักษะ รวมทั้งต้องปรับแรงจูงใจ ดังนั้น มาตรการหลายอย่างของทุกหน่วยงานจะไปในทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ข้างหน้าโครงสร้างค่าจ้างจะสูงขึ้น จึงต้องเร่งผลักดันเรื่องประสิทธิภาพและคุณภาพควบคู่กันไป ดังนั้นการจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพจึงเป็นเป้าหมายในการปฏิรูปการศึกษา และมีการเห็นสมควรให้มาสังกัดสำนักนายก โดยทำงานในรูปแบบขององค์การมหาชน ซึ่งงานจะเชื่อมโยงกันแต่ไม่ซ้ำซ้อนกับภารกิจของหน่วยงานอื่น และขณะนี้การจัดตั้งดำเนินการเสร็จและมีผลตั้งแต่ มี.ค. และอยู่ในช่วงกำลังสรรหาผู้บริหารมาทำงานต่อไป