ผบ.ทร.ระบุรับได้หมดไม่ว่าใครจะเป็นนายกฯ ติงอย่าคิดปฏิวัติหลังเลือกตั้งถ้าไม่มีหลักการ เหน็บไม่ใช่มีกำลังในมือคิดทำอะไรก็ทำ คาดหวังหลังเลือกตั้งจะปรองดองกันได้ เผยทำหนังสือยืดเวลาซื้อเรือดำน้ำเยอรมนีพร้อมเสนอจ่อคิวรอรัฐบาลใหม่อนุมัติ
เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ที่หอประชุมกองทัพเรือ พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหวของการเลือกตั้งว่า กองทัพเรือยึดถือตามระบบ ข้าราชการทุกคนเราแนะนำให้ไปใช้สิทธิใช้เสียง ชอบใครหรือไม่ชอบใครก็ตามใจแล้วแต่จะเลือก ไม่มีการบังคับหรือกำหนดกฎเกณฑ์ ส่วนพรรคการเมืองต่างๆ กองทัพเรือเปิดให้เข้ามาหาเสียงเท่าเทียมกัน ในการชี้แจงนโยบายให้สิทธิเท่าเทียมกัน อะไรที่เป็นไปตามกรอบของระบบที่ถูกต้องเราสนับสนุนทุกประการ เมื่อถามว่าหลังเลือกตั้งไม่ว่าพรรคไหนมาเป็นรัฐบาลกองทัพจะวางตัวอย่างไร พล.ร.อ.กำธรกล่าวว่า หากมาโดยถูกต้องตามระบบใครมาเป็นรัฐบาล เราก็ต้องยอมรับกลไกของรัฐ มิเช่นนั้นระบบการทำงานของประเทศจะไปไม่ได้ เมื่อถามย้ำว่าพรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์ใครเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลกองทัพก็รับได้ พล.ร.อ.กำธรกล่าวว่า ก็ต้องรับได้เพราะเขามาด้วยความถูกต้องจะไม่รับได้อย่างไร ก็ตรงไปตรงมา
เมื่อถามว่า เชื่อว่ากองทัพสั่งให้กำลังพลเทคะแนนเลือกพรรคไหนก็ได้ พล.ร.อ.กำธรกล่าวว่า กองทัพเรือไม่เคยสั่งใคร ส่วนใครจะโหวตอย่างไรก็แล้วแต่ในเมื่อระบบเป็นอย่างนั้นเขาคงใช้วิจารณญาณได้เองว่าจะเลือกใครโดยดูที่นโยบาย เมื่อถามว่าโอกาสที่ประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก พล.ร.อ.กำธรกล่าวว่า เราต้องให้ความเสมอภาคในการเท่าเทียมกันทางเพศ ผู้หญิงเก่งๆก็มี ตนไม่ได้หมายถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ในการบริหารงานทั่วไปผู้หญิงสามารถเป็นอธิบดีฯ เป็นปลัดกระทรวงมากมาย เพราะสมัยนี้ผู้หญิง ผู้ชายเก่งเท่ากัน ผู้หญิงทั่วไปมีความสามารถก็มีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีได้ สุดแล้วแต่ประชาชนจะเลือกใคร
เมื่อถามว่า หลังเลือกตั้งไปแล้วจะไม่มีการตั้งรัฐบาลเพราะจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นก่อน พล.ร.อ.กำธรกล่าวว่า ก็ต้องดูว่า เป็นไปโดยถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องก็ไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น ตน คิดว่าจะทำอะไรต้องมีหลักการทุกอย่าง ถ้าไม่ยึดหลักอะไรแล้วจะโอนเอนไปเรื่อย ตนเชื่ออย่างนั้น ส่วนใครจะมองอย่างอื่นตนไม่ทราบ แต่สำหรับตนแล้วต้องยึดหลักให้ถูกต้อง เมื่อถามย้ำว่าไม่ใช่ว่าอยากทำอะไรก็ทำเพราะมีกำลังอยู่ในมือ พล.ร.อ.กำธรตอบว่า ทำแบบนั้นก็ไม่ถูก ทหารเป็นเครื่องมือกลไกของรัฐ เมื่อกฎหมายกำหนดแบบนี้ ถ้าเราไม่ยึดหลักก็ไม่รู้จะยึดอะไร ต้องปล่อยให้เป็นไปตามประชาธิปไตย เพราะประชาชนมีสิทธิว่าจะเลือกใครหรือไม่เลือกก็เป็นสิทธิ ถือเป็นแนวทางตามสิทธิของทุกคน ผลออกมาอย่างไรก็ควรจะยอมรับ
“หลังเลือกตั้งผมอยากให้เกิดความปรองดอง สมานฉันท์ภายในประเทศ ในใจลึกๆของทุกคนต้องการความสงบสุข ความรักสามัคคีกัน ดังนั้นอย่ามองโลกในแง่ร้าย ต้องมองอะไรในแง่ที่ดีบ้างอาจจะมีความหวัง หากมีคนกลางที่สามารถทำให้ทุกฝ่ายปรองดองได้ก็ดี” พล.ร.อ.กำธรกล่าว
ส่วนการส่งหนังสือไปยังประเทศเยอรมนีเพื่อขอยืดเวลาในการจัดหาเรือดำน้ำเพื่อรอรัฐบาลใหม่ของไทยอนุมัตินั้น พล.ร.อ.กำธรกล่าวว่า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรจะได้นำเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ได้ชี้แจงกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีแล้ว ท่านเข้าใจดี ในหลักการรัฐบาลนี้จบไปแล้ว ต้องรอรัฐบาลต่อไป อย่างไรก็ตาม หากมีคำตอบจากเยอรมันก็จะนำเข้าไปหารือกับรมว.กลาโหมอีกครั้ง เมื่อถามว่าเราจะเดินหน้าแผนอย่างไรเพราะที่ผ่านมากองทัพเรือไม่ค่อยเห็นด้วยในแผนกระชับพื้นที่ พล.ร.อ.กำธรกล่าวว่า เรามีหน้าที่ในการดูแลฝั่งโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเกี่ยวกับพื้นที่ตรงนั้น เราให้ความร่วมมือรัฐบาลทุกอย่าง และส่งสารวัตรทหารเข้าไปดูทำเนียบรัฐบาล
