xs
xsm
sm
md
lg

"พล.ร.ท.ประทีป" ชี้กำจัดนักการเมืองให้ถึงราก ต้องโหวตโน เปลี่ยนโครงสร้างรัฐ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์
"พล.ร.ท.ประทีป" ลั่นต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างรัฐเพื่อไม่ให้โจรเข้าสู่สภาฯ ระบุจะกำจัดนักการเมืองชั่ว ต้องตัดตอนก่อนเกิด คือโหวตโน อัดรบ. ตั้ง คก.ปฎิรูปประเทศ แต่ดันชูประเด็นโคตรประชานิยมหาเสียง เหน็บยังรอเวลา รบ.หมดความอดทน จัดการเขมรเด็ดขาดดังที่เคยพูด


วันที่ 15 พ.ค.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ กรรมการรวมพลังปกป้องดินแดน กล่าวถึงเรื่องอธิปไตยของชาติบนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ว่า ทั้งเวทีศาลโลกและเวทีมรดกโลก ทั้งสองเรื่องเกี่ยวพันธ์พื้นที่ผืนเดียวกัน บนเวทีมรดกโลก ที่จะมีขึ้นในเดือน มิ.ย.นี้ จะทำให้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแผนบริหารจัดการ ทำให้เขาวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยสมบูรณ์ ส่วนเวทีศาลโลกเขมรยื่นให้พิจารณา ว่า แผนที่เส้นเขตแดนแนบท้ายคำพิพากษาศาลโลกเมื่อปี 2505 เป็นแผนที่ชอบธรรมหรือไม่ หากศาลพิพากษาว่าเป็นแผนที่โดยชอบธรรม เราต้องเสียพื้นที่โดยรอบเขาวิหารไปโดยปริยาย

อธิปไตยบนผืนแผนดินรอบเขาวิหาร อยู่ในภาวะสุ่มเสียง ซึ่งไทยไม่สามารถควบคุมเกมได้ 100% เห็นได้จากการตัดสินตัวปราสาท ใช้หลักกฎหมายปิดปากให้ไทยรับแผนที่ 1:200000 เนื้อหาสาระล้วนเป็นคุณกับเขมรส่งผลให้เขมรใช้บริบทนี้มาเขียนในคำร้องขยายความคำพิพากษาเพิ่ม อย่างไรก็ดีเมื่อเราเคยประกาศพื้นที่รอบปราสาทเขาวิหาร เป็นของแผ่นดินไทย จะทำให้แผ่นดินรอบปราสาทเป็นของอย่างงเต็มภาคภูมิ ต้องทำดังนี้ 1.ยกเลิกเอ็มโอยู43 2. ถอนตัวจากภาคีมรดกโลก และ 3.ขับไล่เขมรออกจากแแผ่นดินไทย แต่ปรากฎว่ารัฐบาลไม่สนใจ ไม่ทำตามข้อเรียกร้อง

ทั้งนี้ สำหรับเหตุผลที่ไม่ทำตามข้อเสนอพันธมิตรฯ นั้น นายอภิสิทธิ์ อ้างว่า เอ็มโอยู43 ข้อ 8 กำหนดให้หากสองประเทศมีปัญหาไม่สามารถตีความขัดแย้งบนพื้นที่ได้ ให้เจรจาด้วยสันติวิธี ซึ่งไทยจะอาศัยข้อตกลงนี้เป็นบทบังคับให้มีการพูดคุยกันบนโต๊ะเจรจา ขณะที่กัมพูชาไม่สนใจข้อตกลงมุ่งบุกยืดพื้นที่รอบปราสาทเขาวิหาร อย่างไรก็ดี เมื่อนายอภิสิทธิ์ บอกการที่เขมรละเมิดเอ็มโอยูข้อ 8 ถือว่าเขมรบุกรุก ซึ่งฝ่ายไทยจะอดทนเพราะรักสันติวิธี แต่หากหมดความอดทนเมื่อไร ไทยย่อมชอบธรรมในการใช้ยุทธวิธีอื่นนอกจากวิธีการประท้วง ตรงนี้นายอภิสิทธิ์ จะใช้เมื่อไร อย่างไร ตนรอมานานแล้ว

“พรรคประชาธิปัตย์ ใช้แนวทางขับเคลื่อนบริหารประเทศสุ่มเสียงเสียอธิปไตย เป็นคุณกับเขมร สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีใครพูดถึง คือ การผลัก 7 คนไทย ไปติดคุกเขมรทั้งที่อยู่ในแผ่นดินไทย ทำให้เกิดนัยยะแผ่นดินที่ “นายวีระ-นางสาวราตรี” ถูกจับอยู่ภายใต้อำนาจศาลเขมร ทำให้เขมรใช้อ้างอิงในบริบทต่อศาลโลก หากสำเร็จในเวทีศาลโลกจะมาอ้างซ้ำบริเวณบ้านหนองจานว่าเป็นของเขมรด้วย ทั้งนี้ในฐานะที่ตนเป็นทหารเรือ อยากสะท้อนภาพให้แง่คิดดังนี้ แม้เรือรบไทยเดินเรือออกจากน่านน้ำไทย ไม่ว่าจะไปประเทศใดก็ตามเมื่อเที่ยบท่าต่างประเทศ ตราบใดที่ชักธงราชนาวีท้ายเรืออยู่ ถือว่าอาณาเขตบนเรือรบไทยเป็นอธิปไตยของไทย หากมีการกระทำผิดกฎหมายบนเรือ ต้องใช้กฎหมายไทยตัดสินและขึ้นศาลไทย”

พล.ร.ท.ประทีป กล่าวถึงแนวทางการต่อสู้ เพื่อเข้าสู่อำนาจของพรรคเพื่อไทย ว่า เดิมทีใช้การเมืองภาคประชาชน ให้กลุ่มคนเสื้อแดง ก่อความรุนแรง เผาบ้านเผาเมือง แต่ปรากฎว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง จึงเปลี่ยนยุธศาสตร์มาเป็นการเมืองภาครัฐสภา คือ เน้นกระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งยังคงเป้าหมายเดิ 1.ต้องนำพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศ 2.นิรโทษกรรม ส่วนการขับเคลื่อนหาเสียงเพื่อให้เข้าสู่อำนาจรัฐของพรรคเพื่อไทยเน้นประชานิยม เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ใช้โคตรประชานิยม

พล.ร.ท.ประทีป กล่าวต่อว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ ได้ตั้งคณะกรรมการปฎิรูปประเทศไทย นำโดย นายอานันท์ ปันยารชุน มีเป้าหมายเหมือนกับที่เรารณรงค์ก้าวแรกขอประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยการ โหวตโน เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศไทย เพียงแต่วิธีการแตกต่างด้านวิธีการอย่างไรก็ดี เมื่อผลการศึกษาของคณะกรรมการที่นายอภิสิทธิ์ตั้ง ออกมาว่า การสร้างประเทศให้เข็มแข็งจำเป็นต้องเพิ่มอำนาจประชาชน ลดอำนาจรัฐ และการใช้โครงการประชานิยมรุนแรง เท่ากับเป็นการทำลายประชาชนให้อ่อนแอลงตามความรุนแรงของการใช้ประชานิยม ซึ่งตนเชื่อว่าท้ายที่สุดผลการศึกษาของ นายอนันท์ ต้องถูกยัดในตู้เซฟแน่นอน เพราะนักการต่างชูประเด็นประชานิยม เป็นหลักในการเลือกตั้ง

“ทัศนคติของนักการเมืองที่เป็นหัวเรื่อใหญ่ในการขับเคลื่อนพรรค ย่อมมีความสำคัญต่อการบริหารบ้าน ไม่ว่าจะเป็น นายบรรหาร นายเสนาะ นายสนั่น ต่างพร่ำบอก "ในเวทีการเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร" เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ก็อยากถามพรรคการเมืองใหม่ด้วยว่าท่านเคลิ้มไปกับเขาด้วยหรือไม่ อุดมการณ์เช่นนี้ไม่ต่างจากโจรที่ยึดหลัก "ไม่มีสัจจะในหมู่โจร" พฤติกรรมของนักการเมืองกอดกับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยเท่ากับไม่มีสัจจะ การหักหลังเอาประโยชน์ตัวเองเป็นใหญ่ถือว่าไม่ต่างจากโจร เพียงแต่โจรเมื่อทำความผิดไม่มีกฎหมายรับรอง ขณะที่นักการเมืองโกงกินมีกฎหมายรองรับ ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ประชาชนจะกำจัดนักการเมืองชั่ว ด้วยเหตุนี้จำเป็นต้องกำจัดตังแต่เริ่มแรก ตั้งแต่การผลิตนักการเมือง คือ ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างรัฐเพื่อไม่ให้โจรเข้าสู่สภาฯ” พล.ร.ท.ประทีป กล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น