แกนนำแดงอดีตกรรมการสิทธิฯ “จรัล ดิษฐาอภิชัย” บอกปัดเป็นผู้ลี้ภัยในฝรั่งเศส ประจาน “อภิสิทธิ์-กษิต-ก.ต่างประเทศ” เผยพาสปอร์ตยังไม่ถูกยกเลิก วีซ่า US-EU ยังใช้ได้ดี ทั้งที่ถูกออกหมายจับคดีเผาเมือง-จลาจลบ้านป๋าเปรม ทำให้ยังเคลื่อนไหวได้ บอกถ้าเพื่อไทยชนะเมื่อไหร่จะกลับไป แย้มเลือกตั้งปัญหาไม่มีทางจบมีให้เลือกคือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะเด็ดขาด กับเจรจาปรองดองแห่งชาติ
นิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 13 พฤษภาคม 2554 ได้ตีพิมพ์สัมภาษณ์พิเศษ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่ลี้ภัยในต่างประเทศ โดยไม่ขอเปิดเผยชื่อเมืองที่พำนักอยู่ ซึ่งได้สอบถามถึงแนวโน้มทางการเมืองในช่วงที่กำลังมีการเลือกตั้ง รวมทั้งอนาคตของขบวนการเสื้อแดง
ในตอนหนึ่งถามว่า มีข่าวจากทางประเทศไทยว่าได้สถานะเป็นผู้ลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศสแล้วหรือไม่ นายจรัลกล่าวว่า ไม่จริงเลย ตนเคยคิดจะสมัครเหมือนกัน แต่เห็นว่าไม่มีความจำเป็น เพราะตนยังพำนักและเดินทางในต่างประเทศได้ตามปกติ โดยมีสองเหตุผล คือ ตนยังมีพาสปอร์ตของประเทศไทยและยังไม่ได้ถูกยกเลิก และตนมีวีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปตั้งแต่สมัยเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
เมื่อถามว่า ไม่กลัวรัฐบาลทำเรื่องขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน นายจรัลกล่าวว่า รัฐบาลก็ทำได้ถ้าเขาจะทำ แต่ตนคิดว่ารัฐบาลคงไม่ทำ เราไม่ได้เป็นผู้ต้องหาคดีรุนแรงอะไร ตอนนี้ที่เมืองไทยตนมีหมายจับอยู่สองคดี คือ คดีชุมนุมหน้าบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2550 กับคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปีที่แล้ว
“คดีชุมนุมหน้าบ้าน พล.อ.เปรม อัยการสั่งฟ้องไปแล้ว คดีอยู่ในชั้นศาล มีโทษจำคุกสูงสุดห้าปี ส่วนคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โทษสูงสุดแค่สองปี ผมคิดว่าถ้าผมเข้ามอบตัว ศาลท่านก็น่าจะให้ประกันตัว เพราะตอนนี้แกนนำคนอื่นๆ ก็ทยอยได้ประกันตัวหมดแล้ว” นายจรัลกล่าว
• มาแปลก! ไม่กลับเมืองไทยแค่ไม่อยากมอบตัว ธาตุแท้โผล่รอ “เผาไทย” ได้เป็นรัฐบาล
เมื่อถามว่า แล้วทำไมถึงไม่ยอมกลับเมืองไทย นายจรัลตอบว่า สาเหตุที่ตนไม่กลับไม่ใช่เพราะกลัว แต่ตนไม่อยากมอบตัว การเข้ามอบตัวเหมือนกับเรายอมจำนน แต่ไม่ได้หมายความว่าการเข้ามอบตัวจะทำให้ตนกลายเป็นคนผิด เพราะตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสิน ก็ยังถือว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ สาเหตุอีกประการหนึ่งที่ตนยังไม่กลับ ก็เพราะสถานการณ์การต่อสู้ทางการเมืองในบ้านเรายังดุเดือดรุรแรง ยังไม่ Stable (สถานการณ์ยังไม่นิ่ง ยังไม่มีเสถียรภาพ) เหมือนมวยกำลังต่อยยกสาม ยกสี่
“ตอนนี้แค่พักยก แต่ยังไม่จบ และเวลาคู่ต่อสู้กำลังต่อสู้กันนั้น ก็จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายเสื้อแดงก็โจมตีรัฐบาล ส่วนฝ่ายรัฐบาลก็ใช้วิธีออกหมายจับ ถึงแม้ศาลจะให้ประกันตัวแกนนำบางส่วนแล้ว แต่ก็มีความพยายามถอนประกัน ฉะนั้น ผมจะยังไม่เข้ามอบตัวในช่วงเวลาใกล้ๆ นี้แน่นอน ผมคงต้องดูผลการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นก่อนว่าหลังเลือกตั้งแล้วสถานการณ์เป็นอย่างไร ถ้าพรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาลอีก ผมคงอยู่ต่างประเทศต่อ แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล และปัญหาภายในประเทศน้อยลง ผมก็คงกลับไป” นายจรัลกล่าว
• รับอธิบายเสื้อแดงให้ฝรั่งฟังยาก ปากดีเหน็บ พธม.ราชาชาตินิยม-ฟาสซิสม์
เมื่อถามว่า มาอยู่ต่างประเทศแบบนี้ยังมีบทบาทเชื่อมโยงกับคนเสื้อแดงอย่างไร นายจรัลกล่าวว่า ภารกิจหลักของตนคือพูดให้คนต่างประเทศเข้าใจการต่อสู้ของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แต่ยอมรับว่ายาก เพราะคนอเมริกันไม่สนใจประเทศไทย นอกจากนั้นการเคลื่อนไหวของ นปช.ยังมีปัญหาเรื่องจังหวะเวลา คือมีเหตุการณ์ใหญ่อื่นๆ แทรกตลอด ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการณ์การเมืองในลิเบีย หรือแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น ทำให้ข่าว นปช.หลุดจากข่าวในประเทศไปเลย ประกอบกับประเทศไทยในระยะหลังไม่ค่อยมีบทบาทในเวทีต่างประเทศด้วย และคนต่างชาติจำนวนมากยังคิดว่าเสื้อแดงโปรทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี)
เมื่อถามว่า เวลาที่ได้ไปคุยกับชาวต่างชาติ หรือองค์กรสิทธิมนุษยชนในต่างประเทศ ประเด็นที่เขาสนใจที่สุดและซักถามมากที่สุดคืออะไร นายจรัลตอบว่า สิ่งที่คนสนใจมากที่สุดคือปัญหาการเมืองไทยจะจบอย่างไร ตนก็บอกว่าจบอย่างไรไม่มีใครรู้ No one knows the end อีกปัญหาหนึ่งที่พบก็คือ คนต่างชาติมักคิดว่าทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดงล้วนเป็นกระบวนการทางประชาธิปไตยเหมือนกัน เพราะใช้วิธีการเดินขบวนเหมือนกัน ต่างประเทศเขาแยกไม่ออก ทั้งๆ ที่เสื้อเหลืองไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นรอยัลลิสม์ (ราชาชาตินิยม) และเป็นฟาสซิสม์ (เผด็จการรูปแบบหนึ่ง) ด้วยซ้ำ
• แผ่นเสียงตกร่องโทษชนชั้นสูง-ความแตกแยก-สองมาตรฐาน ฟันธงเลือกตั้งแก้วิกฤตไม่ได้
นายจรัลยังกล่าวอีกว่า ปัญหาการเมืองไทยกำลังเผชิญวิกฤติอยู่สามอย่าง คือ วิกฤตทางการเมือง หมายถึงวิกฤตในการสร้างประชาธิปไตย เพราะคนชั้นสูงไม่เชื่ออำนาจประชาธิปไตยโดยประชาชน ไม่เชื่อว่าประชาชนปกครองตนเองได้ และยังมองว่านักการเมืองเหลวหมด แนวคิดนี้ยังมีอยู่มาก ต่อมาเป็นวิกฤติทางสังคม เพราะคนในสังคมแบ่งเป็นสีเหลืองกับสีแดงลงลึกถึงระดับครอบครัว มีลักษณะเหมือนสงครามชนชั้น แต่มันไม่ใช่การต่อสู้ทางชนชั้นแบบมาร์กซิสม์ (ทฤษฎีคอมมิวนิสต์ของคาร์ล มาร์กซ์) เพียงแต่การแบ่งแยกแบบนี้ทำให้วิกฤตการเมืองดำรงอยู่
อีกอย่างหนึ่งคือวิกฤติความยุติธรรม ที่คนเสื้อแดงใช้คำว่าสองมาตรฐาน สิ่งสำคัญที่สุดคือตอนนี้เราไม่มีคนกลาง คือ ไม่มีใครเป็นกลาง ผู้หลักผู้ใหญ่ในประเทศไทยไม่มีใครเป็นกลางอย่างแท้จริง จึงไม่มีทางแก้วิกฤตทั้งหมดนี้ได้ ทั้งนี้ ตนฟันธงได้เลยว่าการเลือกตั้งไม่สามารถแก้วิกฤตทั้งสามประการนี้ได้ การจะทำให้ความขัดแย้งครั้งนี้จบลงมีแค่สองทางเท่านั้น คือ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะเด็ดขาด กับเจรจาปรองดองแห่งชาติ