xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” ชำแหละ “ชาติไทย” ตัวอย่างพรรคเลว-ย้ำเหตุต้อง “โหวตโน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ” ขุดกำพืด “ชาติไทย” ตัวอย่างพรรคเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของคนบางกลุ่ม แม้ถูกยุบก็ยังถูก “บรรหาร”ใช้ทำมาหากิน เตรียมแฉทุกพรรคที่ล้วนเป็นแค่แก๊งการเมืองหาประโยชน์ใส่ตัว ไม่ทำงานเพื่อประชาชน ย้ำเหตุผลที่ต้องโหวตโน นำสู่ปฏิรูปาการเมือง ถามกลับนักวิชาการออกมาค้านบนพื้นฐานอะไร ไม่เอาการเมืองน้ำเน่าแล้วหนักหัวใคร


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสนธิ ลิ้มทองกุล”  

เวลา 20.55 น. วันที่ 13 พ.ค.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” โดยได้ย้ำว่า ที่ต้องรณรงค์ให้ประชาชนกาช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนน หรือ โหวตโน ในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ เพราะไม่ต้องการให้ “อัปรีย์ไปจัญไรมา” เพราะพรรคการเมืองทุกพรรคล้วนแต่อัปรีย์จัญไรทั้งสิ้น โดยได้ยกตัวอย่างพรรคชาติไทยที่ถูกยุบไปแล้วและปัจจุบันได้ตั้งพรรคชาติไทยพัฒนาขึ้นมาแทน แต่ก็ยังอยู่ภายใต้การสั่งการของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรค ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้ว โดยพรรคการเมืองพรรคนี้นับแต่ตั้งมาจนถูกยุบ ไม่มีอะไรดีเลย นอกจากวนเวียนอยู่ในน้ำเน่า ซึ่งหลังจากพูดถึงพรรคชาติไทยแล้ว จะพูดถึงพรรคการเมืองอื่นๆ ต่อไป รวมถึงพรรคเพื่อไทยด้วย แล้วย้อนมาพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้เห็นว่าทุกพรรคเหมือนกันหมด

นายสนธิ กล่าวว่า พรรคชาติไทยนั้นก็ตั้งขึ้นมาโดยกลุ่มซอยราชครู นำโดย พล.ต.ประมาณ อดิเรกสาร พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งกลุ่มนี้เคยมีอำนาจมาก่อนแต่ถูกขับไล่ออกไปโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จนประชาชนนิสิตนักศึกษาขับไล่รัฐบาลเผด็จการออกไปในช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และเปิดโอกาสให้นักการเมืองมาปกครองประเทศ กลุ่มซอยราชครูจึงตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพื่อกลับสู่อำนาจทางการเมืองและเพื่อปกป้องกลุ่มทุนญี่ปุ่นที่ตนเองมีความใกล้ชิด โดยมีนายบรรหาร ศิลปอาชา เข้ามาร่วมเพื่อปกป้องผลประโยชน์จากการจำน่ายคลอรีนให้การประปาและรับเหมาก่อสร้างกับกรมโยธาธิการ ซึ่งอุดมการณ์หลักของพรรคนี้ก็คือขอให้ได้เข้าร่วมรัฐบาลเพื่อเข้าไปปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองไม่มีอุดมการณ์อย่างอื่นเลย การเข้าสู่การเมืองของนายบรรหาร จึงไม่ต่างจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ด้านธุรกิจโทรคมนาคมของตัวเอง เช่นเดียวกับนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่เข้ามาเล่นการเมืองเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทประยูรวิศว์ก่อสร้างของพ่อตัวเอง

ขณะที่ในพรรคชาติไทยก็มีก๊กต่างๆ เช่นเดียวกับทุกพรรค ซึ่งแท้ที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่พรรคการเมืองแต่เป็นแก๊งการเมือง โดยนายบรรหารนั้น เคยพูดว่าเป็นฝ่ายค้านนั้นอดอยากปากแห้ง ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล ไม่ว่าจะไปไหว้ใครก็ตาม พรรคชาติไทยจึงได้ร่วมรัฐบาลมาตลอด จนสมัยที่พรรคไทยรักไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้เป็นรัฐบาล ก่อนที่จะถูกยุบในปี 2551 และทำให้นายบรรหาร และแกนนำคนอื่นๆ ของพรรคชาติไทยถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี แต่ก็มีการตั้งพรรคชาติไทยพัฒนาขึ้นมาแทน และนายบรรหารก็ยังกุมอำนาจภายในพรรค เป็นคนไปหารือกับแกนนำพรรครัฐบาลปัจจุบันหลายครั้งทั้งแบบไม่เปิดเผยและออกนอกหน้า เพื่อให้ตัวเองสามารถทำมาหากินได้ตลอด ซึ่งทุกพรรคการเมืองก็เป็นแบบนี้ นี่คือสาเหตุว่าทำไมเราต้องโหวตโน

นายสนธิกล่าวว่า ในวันต่อไป ตนจะพูดถึงพรรคการเมืองอื่นๆ ที่รวมตัวกันเป็นรัฐบาล รวมทั้งพรรคเพื่อไทยที่เป็นฝ่ายค้าน เพราะไม่ว่าพรรคใดก็เป็นสัตว์นรกทั้งสิ้น การโหวตโนคือการปฏิเสธพรรคการเมืองเหล่านี้ทุกพรรค เป็นการแสดงสิทธิว่าพวกเราไม่เอาพวกคุณ เพราะพวกคุณไม่ใช่พรรคการเมืองที่ตั้งมาเพื่อทำงานให้ประชาชน แต่ตั้งมาเพื่อประโยชน์ส่วนตัวทั้งสิ้น โดยที่ประชาชนไม่มีสิทธิอะไรเลย นอกจากช่วง 4 วินาทีตอนที่ไปกาบัตร เราจะใช้ 4 วินาทีนี้ไม่เลือกใครเลยเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการเมือง นักวิชาการบางคนที่ต่อต้านโหวตโน แล้วบอกว่าการปฏิรูปการเมืองต้องค่อยเป็นค่อยไปนั้น การโหวตโนผิดตรงไหน เพราะการโหวตก็เป็นการปฏิรูปแบบค่อยเป็นค่อยไปเหมือนกัน ในเมื่อเราผะอืดผะอมกับนักการเมืองที่มีอยู่ เราจึงขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะไม่เลือกใคร คนที่มาต่อว่าเรานั้น ต่อว่าบนพื้นฐานอะไรกันแน่ มันเป็นสิทธิของเราที่จะโหวตโน มันหนักศีรษะใครที่เราจะไม่เอาน้ำเน่า เพราะเราเป็นคนรักสะอาด

คำต่อคำ “สนธิ ลิ้มทองกุล”ปราศรัย

พี่น้องเอ๊ย ... พี่น้องครับ ท่านผู้ชม ASTV ที่อยู่ทางบ้าน หนังสือการ์ตูนชีวประวัติขององค์พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว นั้น วางตลาดขายทั่วประเทศไทย และมีอยู่ที่เต็นท์นะครับ ทุกบาททุกสตางค์ที่ได้ จะรวบรวมไปบริจาคให้วัดป่าบ้านตาด ขององค์พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว โดยไม่หักค่าใช้จ่ายครับ ค่าพิมพ์ ค่ากระดาษไม่คิด ขายได้เท่าไร รวบรวมเอาไปให้วัดขององค์พ่อแม่ครูอาจารย์ เพราะว่าของหลวงตานั้นขายไม่เอาเงินเข้ากระเป๋า เอาไปบริจาค ร่วมกันทำบุญ ทุกๆ เล่มที่ซื้อไป ผมไม่แน่ใจว่าเล่มละเท่าไร แต่ว่าเป็น มีซีดีชีวิตท่านด้วยนะฮะ เหมาะที่ให้เด็กๆ ลูกหลานได้อ่านนะครับ เป็นชีวประวัติท่านที่สมบูรณ์แบบที่สุด 159 บาทครับ ทุกบาททุกสตางค์ รวบรวมเข้าพกเข้าห่อจะเอาไปถวายพระอาจารย์สุดใจ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสองค์ใหม่ของวัดป่าบ้านตาดนะครับ เอาไปบริจาคให้ท่านเพื่อจะเป็นค่าใช้จ่ายของวัดป่าบ้านตาด โดยที่เรายังไม่ละทิ้งวัดป่าบ้านตาด และองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลาย ที่อยู่ที่วัดนั้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ขององค์หลวงตามหาบัวครับพี่น้องครับ

พี่น้องครับวันนี้ พันธ์ คี มูน ไม่มา คราวที่แล้วพันธ์ คี มูน บอกพี่ แทนที่จะช่วยพูดให้ประชาชนเขาเข้าใจผม พี่กลับเผาผมซะเรียบร้อย ผมไปกินไวน์ ผมบอกว่า เฮ้ยประชาชนเขาเข้าใจ เขาเฮพอผมบอกคุณไปกินไวน์ บอกผมก็พูดไปอย่างนั้น แต่คนที่จัดการกับผมแล้วแทบจะตีผมตายคือ เมียผมที่บ้าน

พี่น้องครับ วันนี้มีจดหมายมาจากพันธมิตรฯ คนหนึ่งจาก จ.ขอนแก่น อย่าเอ่ยชื่อเลย ท่านบอกว่า คุณสนธิ ใบปลิวที่แจกไปมันดี แต่ชาวบ้านที่เขาไม่ได้สนใจที่จะอ่านเยอะๆ น่ะ ทำขึ้นมาใหม่ได้มั้ย สั้นๆ ว่าทำไมต้องโหวตโน เป็นข้อๆ ตอบสั้นๆ ผมก็บอกว่า ได้ครับ ผมก็ส่งเรื่องไปให้ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อาจารย์ท่านก็เผอิญ วันนี้อาจารย์ท่านโทรมมากนะครับ ท่านเหนื่อยมาก ท่านไม่มานะครับ ก็เลยต้อง ปรบมือให้กำลังใจ อ.ปานเทพ หน่อยนะครับ ก็ก่อนที่จะพิมพ์ออกมา เรามาทบทวนความเข้าใจซึ่งกันและกันเสียก่อนนะครับ

ทำไมต้องโหวตโน การโหวตโนนั้น เป็นการใช้สิทธิ์ของเรา พี่น้องครับ ใช้สิทธิ์ของเราในการเข้าคูหาเลือกตั้ง และไม่เลือกใคร อันนี้เป็นสิทธิ์ของเรานะครับ ทำไมเราถึงใช้สิทธิ์ว่าไม่เลือกใคร ที่เราใช้สิทธิ์ว่าไม่เลือกใครนั้น เพราะว่า เราเห็นว่าระบบการเมืองทุกวันนี้ เข้าข่ายที่พวกเราเข้าใจกันดีว่า อัปรีย์ไปจัญไรมา เพราะฉะนั้น เราจะไม่ยอมให้เสียงของเราไปสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เพื่อส่งเสริมความอัปรีย์และจัญไรของนักการเมืองในระบบปัจจุบัน พี่น้องครับ เรียบเรียงความคิดกันให้ดี ถามต่อว่า ระบบการเมืองปัจจุบันนี้ ทำไมถึงอัปรีย์ไปจัญไรมา ประเดี๋ยวผมจะยกตัวอย่าง วิวัฒนาการของพรรคการเมือง 1 พรรค วันนี้จะไม่พูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ ประเดี๋ยวจะหาว่า เจาะจงทำร้ายทำลายพรรคประชาธิปัตย์ พรรคทุกพรรคในระบบการเมืองปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่เป็นพรรคอัปรีย์หรือพรรคจัญไรทั้งสิ้น เดี๋ยวผมจะยกตัวอย่างพรรคการเมืองพรรคหนึ่งซึ่งถูกยุบไปแล้ว พรรคนั้นคือพรรคชาติไทย ซึ่งคุณบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรค แล้วผมจะเล่าให้ฟัง วิวัฒนาการตั้งแต่สมัยคุณบรรหารมาเข้าพรรคชาติไทยแล้วถูกยุบพรรคไป พัฒนามาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงปัจจุบันแล้วไม่มีอะไรดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว ก็ยังวนเวียนอยู่ในน้ำเน่า หมดจากพรรคชาติไทยแล้ววันต่อไปผมจะเอาพรรคอื่นขึ้นมา ไล่ไปเรื่อยๆ และจะไม่พูดถึงพรรคประชาธิปัตย์อีกนานพอสมควร เพราะว่าเดี๋ยวเขาจะกล่าวหาว่า เราเจาะจงมาทะเลาะกับเขาโดยเฉพาะ ไม่ใช่ จริงๆ แล้วไม่อยากพูดถึงพวกพรรคประชาธิปัตย์เลย เพราะว่า มันเป็นเสนียดต่อปาก

พี่น้องครับ ก่อนที่เราจะดูว่าพรรคการเมืองมีวิวัฒนาการจากการเริ่มต้นที่อ้างคำว่า อุดมการณ์ เข้ามาจนกระทั่งมันมากลายเป็นน้ำเน่าอย่างนี้ เราต้องดูตัวบุคคลก่อน ใช่/ไม่ใช่ พี่น้อง เพราะว่าพรรคมันเกิดไม่ได้ มันพัฒนาต่อไม่ได้ และมันเลวไม่ได้ถ้าไม่ใช่ตัวบุคคล ใช่/ไม่ใช่ พี่น้อง พี่น้องครับฝนเริ่มตกแล้ว หลบๆ กันนิดหนึ่งนะครับ

คุณบรรหาร ศิลปอาชา นั้น คนซึ่งมีบทบาทในปัจจุบันในการเมือง ใครเป็นคนสุพรรณฯ ยกมือหน่อยซิ เอ้า มีสุพรรณฯ มา เอ้าพี่น้องจัดการหลบๆ เข้ามาข้างในก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวผมค่อยปราศรัยต่อ จะได้ไม่เสียโอกาส โทษฐานที่มาจองที่นั่งข้างหน้า ก็ต้องโดนฝนนะ ถ้าฝนมาแล้วไม่นั่งข้างหน้า ก็ต้องหลุดไปนั่งข้างหลังโน้นนะครับ มันมีดี-มีเสีย

พร้อมรึยังครับพี่น้อง ถ้าพร้อมแล้วปรบมือดังๆ หน่อย พี่น้องครับ ตัวอย่างพรรคการเมืองที่ผมจะเล่าให้ฟัง จำเป็นต้องมีประวัติ ที่มาที่ไปของระบบการเมืองบ้านเรา ขออนุญาตเล่ามาตั้งแต่ปี 2475 เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง การยึดอำนาจของคณะราษฎร์ ที่ยึดอำนาจสมบูรณาญาสิทธิราชจากสถาบันกษัตริย์เข้ามาสู่คณะราษฎร์ ในลักษณะนั้น ในวันนั้น ทุกคนมองเห็นว่า จากนี้ไปแล้วอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไม่ได้อยู่ในมือพระเจ้าอยู่หัวอีกต่อไป แต่จะอยู่ในมือของคณะราษฎร์ เมื่ออยู่ในมือของคณะราษฎร์แล้วทุกคนมองว่า การเมืองจากนี้ไปแล้วจะต้องมีการเลือกตั้ง จะต้องมีพรรคการเมือง และพรรคที่เกิดขึ้นในขณะนั้นคือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นพรรคของอำมาตย์ และศักดินา ที่เกิดขึ้นเพราะต้องการเอาพรรคนี้ เอามาปกป้องสถานภาพของอำมาตย์ และสถานภาพของศักดินา เพราะฉะนั้นถ้าเราไปดูผู้ร่วมก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ในยุคนั้น 70-80 ปีที่แล้ว จะเห็นได้ชัดว่าล้วนแล้วแต่เป็นศักดินาทั้งสิ้น หรือไม่ก็เป็นอำมาตย์ทั้งสิ้น ลูกเจ็กลูกจีนอย่างพวกเราไม่มีสิทธิ์ เพราะตอนนั้นแค่ใช้แซ่ หรือว่าใช้นามสกุลที่ขึ้นด้วยชื่อแซ่ ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะรับราชการอยู่แล้ว เป็นทหารก็ไม่ได้ เป็นตำรวจก็ไม่ได้ แล้วจะไปร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองกับเขาได้อย่างไร

พรรคประชาธิปัตย์เกิดขึ้นและก็มีพรรคหลายๆ พรรคเกิดขึ้น มีการต่อสู้ทางการเมืองกันขึ้นมา การต่อสู้ในทางการเมืองในยุคนั้นคือการแย่งชิงอำนาจกัน อำมาตย์และศักดินาก็ใช้พรรคประชาธิปัตย์ปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง และในขณะเดียวกัน ในช่วงนั้นทหารเริ่มเข้ามายึดอำนาจ นำเข้าสู่ระบอบเผด็จการ เป็นช่วงๆ ไป เมื่อเป็นช่วงๆ ไปแล้ว อำมาตย์และศักดินาต้องการอำนาจตัวเองคืน ก็ใช้พรรคประชาธิปัตย์เป็นนักต่อสู้พวกเผด็จการ พรรคประชาธิปัตย์ก็เลยเป็นพรรคที่ต่อสู้เผด็จการ เมื่อใดก็ตามที่ทหารเข้ามายึดครองอำนาจ เมื่อใดก็ตามที่พรรคประชาธิปัตย์ปราศรัย คนก็จะไปฟังพรรคประชาธิปัตย์เต็มท้องสนามหลวง สนุกส นานกับการเสียดสี กับการประชดประชันของบรรดานักปราศรัยฝีปากกล้าของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นคุณธรรมนูญ เทียนเงิน ไม่ว่าจะเป็นนายควง อภัยวงศ์ หรือไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองรุ่นหนุ่ม เช่น คุณชวน หลีกภัย หรือคุณบัญญัติ บรรทัดฐาน วิวัฒนาการของพรรคประชาธิปัตย์ เลยถูกพัฒนาขึ้นมาจากเก่งแต่ปาก เพราะพูดเก่งด่าเก่ง แล้วดีเอ็นเอของการพูดเก่งด่าเก่งนั้น ถูกฝังเข้าไปในตัวพรรคประชาธิปัตย์ และก็ถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นหนึ่ง และไปสู่รุ่นหนึ่ง ไปสู่รุ่นหนึ่งตลอดเวลา

ทีนี้พอการต่อสู้ช่วงชิง พัฒนาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ การเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ นั้น เป็นครั้งแรกมวลมหาประชาชน นิสิต นักศึกษา ลุกขึ้นมาต่อสู้กับระบบเผด็จการ และเมื่อจอมพลถนอม และจอมพลประภาส ถูกขับไล่ออกนอกประเทศ ช่วงนั้นพอ ฯพณฯ สัญญา ธรรมศักดิ์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกฯ พระราชทานขึ้นมา เพื่อมาปกครองประเทศไทย ตรงนั้นแหล่ะ เป็นจุดเริ่มต้นของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ นานา ที่ไม่ใช่เฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นตัวแทนของพวกศักดินา และพวกนายทุนเก่า ตลอดจนเป็นตัวแทนของอำมาตย์ มีพวกบรรดาพ่อค้า นักธุรกิจ หรือว่าบรรดาอดีตนักการเมือง หรือกลุ่มคนที่มีอำนาจทางการเมือง หรือทหารที่สูญเสียอำนาจไปในยุคหนึ่ง เริ่มกลับมา แล้วจะใช้การลงทุนทางการเมืองเพื่อกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง การกลับมามีอำนาจนั้น วัตถุประสงค์ก็ต้องการที่จะ 1. ล้างแค้นทางการเมืองของตัวเอง และ 2. แสวงหาประโยชน์ของตัวเอง นะครับพี่น้อง ต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน

ในยุคนั้น พรรคที่โดดเด่น และกลับมาแล้วตั้งตัวเองขึ้นมาก็คือพรรคชาติไทย พรรคชาติไทยนั้นเกิดขึ้นในปี 2517 พรรคชาติไทยเกิดขึ้นจากตระกูลชุณหะวัณ และตระกูลอดิเรกสาร คือ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ พล.อ.ประมาณ อดิเรกสาร

ภรรยาของ พล.อ.ประมาณ อดิเรกสาร นั้น เป็นพี่สาวของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เขาก็เรียกว่าซอยราชครู ซอยราชครูนั้น อดีตถูกขับไล่โดยจอมพลสฤษดิ์ คือ จอมพลผิน ชุณหะวัณ ถูกจอมพลสฤษดิ์นั้น ปฏิวัติ แล้วยึดอำนาจ แล้วขับไล่คนพวกนี้ออกไป โดยที่ พล.อ.ชาติชาย นั้น ถูกเตะไปเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงอาร์เจนตินา แล้วก็อยู่ ตอนหลังก็กลับมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในยุคของ ฯพณฯ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ นะครับพี่น้อง

ด้วยเหตุนี้ ผมกำลังยกตัวอย่างพรรคชาติไทยก่อน เพราะฉะนั้นพรรคชาติไทย คือพรรคอะไร ก็คือในอดีตก็คืออีกกลุ่มหนึ่งผลประโยชน์ ซึ่งก็ศักดินาเหมือนกัน แต่เป็นศักดินาที่มีสายสัมพันธ์กับทุน พรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นศักดินาและอำมาตย์ที่มีสายสัมพันธ์กับทุนเก่า ทุนเก่าก็คือบรรดานายธนาคารเก่า พวกตระกูลล่ำซำ พวกตระกูลหวั่งหลี หลายๆ ตระกูลโบราณ พวกจีนโบราณ พวกจีนเก่าที่มีมาหลายรุ่นแล้ว ที่รุ่นลูกรุ่นหลานเป็นคนซึ่งเกิดในเมืองไทย

(เกิดอะไรขึ้นพี่น้อง อ๋อ ไฟช็อตเหรอพี่น้อง ฝนตกผมเตือนอย่างหนึ่งนะ อย่าใช้โทรศัพท์มือถือ พี่น้องเอ๊ย ใครที่คิดจะโทรศัพท์ตอนฝนตก อย่าใช้เป็นอันขาดนะครับ มีคนถูกฟ้าผ่าตายไปแล้วในช่วงฝนตกนะครับ)

พี่น้องครับ จะให้พูดต่อ หรือจะรอให้ฝนหยุดหน่อย (พูดต่อ) เอาล่ะ ผมพูดถึงว่าพรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นตัวแทนของศักดินาและอำมาตย์ ร่วมมือกับทุนเก่า พรรคชาติไทยนั้น เมื่อดูให้ดีๆ แล้ว ก็คือตัวแทนของศักดินาและอำมาตย์เช่นกัน แต่เป็นศักดินาและอำมาตย์ที่สูญเสียอำนาจไปในยุคที่จอมพลสฤษดิ์เข้ามายึดอำนาจ พี่น้องต้องเข้าใจตรงนี้นะครับ

แต่เผอิญในช่วงที่สูญเสียอำนาจ พล.ต.ประมาณในยุคนั้น ยศแค่พลตรี อดิเรกสาร เมื่อถูกกีดกันไม่ให้เข้ามามีบทบาททางการเมือง ก็เริ่มไปค้าขาย

เพราะฉะนั้น ซอยราชครูก็เลยเป็นกลุ่มอำมาตย์ กลุ่มศักดินาเดิม ศักดินาและอำมาตย์รวมถึงทหารด้วย พวกนี้พ่ายแพ้ต่อทางการเมืองเลยไปคบกับนายทุนที่ไปลงทุนในเมืองไทย และนายทุนนั้นก็คือญี่ปุ่น ตระกูลศรีเฟื่องฟุ้ง โรงงานกระจกศรีเฟื่องฟุ้ง โรงงานทอผ้า ที่มาจากญี่ปุ่น ไทยโทเร พวกนี้ก็คือสายของพวกคุณประมาณ อดิเรกสาร เมื่อเป็นสายพวกคุณประมาณ อดิเรกสาร นั่นคือสายพรรคชาติไทย นะครับ เพราะฉะนั้นแล้ว พูดได้เลยว่า พรรคชาติไทยคือพรรคการเมืองที่ตั้งมาโดยมีทุนต่างชาติหนุนหลัง หรือคนที่อยู่ในพรรคชาติไทยล้วนแล้วแต่มีความสัมพันธ์ทางญี่ปุ่นทั้งสิ้น

2517 คนที่เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก คือ พล.ต.ประมาณ อดิเรกสาร เป็นหัวหน้าพรรคขณะนั้น มีคนๆ หนึ่ง ได้เข้ามาพี่น้อง ได้เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย คนๆ นั้นชื่อ บรรหาร ศิลปอาชา หรือชื่อเดิมชื่อ เต็กเชียง แซ่เบ๊

เต็กเชียง แซ่เบ๊ นั้น พื้นเดิมนั้นเป็นลูกชาวจีนโพนทะเล มาจากเมืองจีน ตัวเองเป็นคนสุพรรณ เรียนจบประถม 4 ที่สุพรรณ ชีวิตบรรหารนั้น เมื่อก้าวสู่เมืองกรุงเทพฯ โดยการชักนำของน้าชาย ก็เห็นแววค้าขายในตัวบรรหาร สมัยก่อนนั้น น้าชายบรรหาร มีร้านกาแฟเล็กๆ อยู่ข้างๆ กรมโยธาธิการ เชิงสะพานผ่านฟ้า บรรหารนั้น สมัยนั้น นุ่งกางเกงขาสั้นไม่สวมรองเท้าวิ่งส่งกาแฟให้กับข้าราชการในกรมโยธา แต่ความที่ บรรหาร ศิลปอาชา หรือ เต็กเชียง แซ่เบ๊ เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน จึงทำให้เขาเป็นที่รู้จักมักคุ้นของข้าราชการระดับต่างๆ อย่างกว้างขวาง ประกอบกับเป็นคนที่ประหยัด หรือ คนที่ใกล้ชิดบรรหารจะบอกว่า ขี้เหนียว บรรหารก็พอจะมีเงินสะสม เมื่อสนิทสนมส่งกาแฟให้กับข้าราชการแล้ว ความที่คนเขาเมตตาบรรหาร เขาก็เลยให้งานบรรหาร สมัยนั้น การประปาส่วนภูมิภาคกำลังเริ่มขยาย และน้ำประปานั้นต้องใช้คลอรีนในการฟอกน้ำ บรรหารเลยเอาเงินที่มีอยู่ที่สะสมจากการส่งกาแฟ ได้ทิปบ้าง เอาไปซื้อคลอรีนแล้วก็ขายให้กรมโยธาธิการโดยผ่านข้าราชการที่มีความเมตตาบรรหาร ศิลปอาชา ครับพี่น้องครับ

เพียงอายุแค่ 21 เองพี่น้อง บรรหาร ศิลปอาชา หรือ เต็กเชียง แซ่เบ้ ก็ก่อสร้างตนเอง ตั้งบริษัท สหศรีชัยก่อสร้าง เพื่อรองรับการขยายงานประปาส่วนภูมิภาค แล้วยังเป็นผู้ขายอุปกรณ์ สารเคมีให้กับหน่วยงานดังกล่าว อธิบดีกรมโยธาธิการ ซึ่งมีบุญคุณกับบรรหาร ศิลปอาชา มีอยู่ 2 คน คนหนึ่งคือ หลวงยุกตะเสวีวิวัฒน์ และ ดำรง ชลวิจารณ์ ซึ่งคนหลัง ดำรง ชลวิจารณ์ เป็นอธิบดีกรมโยธาธิการถึง 2 ครั้ง 2 ครา 9 ปีเต็มๆ และเป็นคนซึ่งสนับสนุนให้ บรรหาร ศิลปอาชา นั้นมีความร่ำรวยขึ้นมา เพราะฉะนั้นกิจการบรรหารเลยเป็นกิจการผูกขาด ฟังดีๆ นะครับ ผูกขาดการขายส่งคลอรีนให้กับการประปา นี่ไงพี่น้อง จะเข้าใจพรรคแต่ละพรรคต้องเข้าใจคน เหมือน เหมือนกับจะเข้าใจพรรคการเมืองใหม่วันนี้ ก็ต้องเข้าใจคุณสมศักดิ์ โกศัยสุข ใช่ไหมใช่ เพราะฉะนั้นแล้ว ช่วงที่บรรหารร่ำรวยมากคือ ช่วงปี 2509-2515 เพราะฉะนั้น 6 ปี เป็น ช่วงที่การประปาส่วนภูมิภาคขยายงานออกไปทั่วประเทศไทยเลย

เพราะฉะนั้น เลยต้องการคลอรีน และมีการก่อสร้าง และช่วงนั้นปรากฏหลักฐานว่า บรรหาร ได้ตั้งบริษัทขึ้นมาเยอะเลย เพื่อมารองรับงาน นอกจากบริษัท สหชัยศรีก่อสร้างแล้ว ยังมีบริษัท วารีทิพย์ ยังมีบริษัท นทีทอง บริษัท บีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทเหล่านี้ประมูลงานก่อสร้างอย่างคึกคักครอบงำงานต่างๆ พี่น้องเชื่อไหม งานทั้งหมด เริ่มมาเรื่อยๆ จนสู่ระดับ 100 ล้าน ของบรรหาร ศิลปอาชา ยึดถือโครงการงบประมาณ 100 ล้านไปถึง 60-70% หมายความว่า 60-70% ของงบประมาณกรมโยธา อยู่ในมือบรรหารหมด แล้วพี่น้องรู้ไหม ช่วง 6 ปี 2509-2515 กลุ่มของบรรหาร ศิลปอาชา ประมูลรับงานเป็นมูลค่าเท่าไร ทายซิ 500 กว่าล้านบาท พี่น้องรู้หรือเปล่า ช่วงนั้น 2515 พี่น้อง 40 ปีที่แล้ว 500 ล้านบาทมันเท่าไรพี่น้อง 500 ล้านบาทมันจะต้องถึงเกือบหมื่นล้านบาทพี่น้อง

เพราะฉะนั้นแล้ว กำไรที่กลุ่มของบรรหารได้ มีประมาณ 40% เพราะฉะนั้นแล้ว ความที่อะไรๆ ก็ได้มาง่าย มันมีกำไร รู้จักอธิบดีกรมโยธาธิการ โยนงานให้ พอเกิด 14 ตุลาขึ้นมา กำลังจะเกิดการเมือง มีพรรคการเมืองขึ้นมา จะต้องมีรัฐบาลชุดใหม่ ไม่ให้รัฐบาลเผด็จการอีกต่อไปแล้ว จากนั้น หมายความว่านักการเมืองจะมาเป็นรัฐบาล นั่นคือ จุดเริ่มต้นของนักธุรกิจอย่างนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่จะต้องดู เพื่อสร้างความมั่นคงของตัวเอง กับธุรกิจของตัวเอง พี่น้อง นั่นคือที่มาว่า ทำไมบรรหารถึงจำเป็นต้องเดินเข้าสู่การเมืองไงพี่น้อง

การเดินเข้าสู่การเมืองของบรรหาร ไม่ได้ต่างกว่าการเดินเข้าสู่การเมืองของทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร นั้น สมัยก่อน ออกจากตำรวจมาขายคอมพิวเตอร์ ไปประมูลคอมพิวเตอร์กับกรมตำรวจ ไปประมูลคอมพิวเตอร์กับหน่วยงานต่างๆ ต้องไปยกมือไหว้เขา ต้องพาเขาไปกินข้าว พาเขาไปเลี้ยงข้าว เอาเงินใต้โต๊ะ เงินหลายๆ อย่างให้เขา เพื่อให้ตัวเองได้งาน พอตัวเองพัฒนาไปจับเอาโทรศัพท์มือถือเข้ามา กิจการของตัวเองก็เริ่มเจริญเติบโตขึ้นมา เครือข่าย AIS ก็เยอะขึ้นมา มูลค่าก็เริ่มจากร้อยล้าน เป็นพันล้าน จากพันล้าน เป็นหมื่นล้าน เป็นหมื่นๆ ล้าน ทั้งหมดนี้ก็เลยทำให้ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งไม่ได้ต่างกว่าบรรหาร ศิลปอาชา ตรงไหน ตรงที่ว่าต้องการจะปกป้องผลประโยชน์ทางธุรกิจของตัวเอง ใช่มั้ย นั่นคือจุดที่ทักษิณ ชินวัตร ตัดสินใจเข้าเล่นการเมืองเช่นกัน เห็นหรือยัง

ผมยกตัวอย่างคน 2 คน ให้ดู ว่าจริงๆ แล้วนักการเมืองในขณะนี้มีอยู่ 2 ประเภท ประเภทหนึ่งก็คือว่า ประเภทที่ทำภาพให้ตัวเองดี แต่ทำงานไม่เป็น แล้วเข้ามาก็โกงกิน ก็คือพรรคประชาธิปัตย์ อีกประเภทหนึ่งคือประเภทนักธุรกิจที่เข้ามาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง นั่นคือพรรคชาติไทย เป็นตัวอย่าง และพรรคของทักษิณ ชินวัตร

สุวัจน์ ลิปตพัลลภ เข้ามาเล่นการเมืองเพราะอะไร สุวัจน์ ลิปตพัลลภ เข้ามาเล่นการเมืองเพราะว่าพ่อตัวเองเป็นเจ้าของบริษัทประยูรวิทย์ก่อสร้าง บริษัท ประยูรวิทย์ก่อสร้าง คือบริษัทที่รับเหมาก่อสร้างกับกรมทางหลวง สร้างทาง สร้างทางไปสร้างทางมา ด้วยความที่ตัวเองเป็นนักวิศวะ แล้วสร้างทางไปทางโคราชตลอดไป ก็ไปรู้จักกับทหารภาค 2 เผอิญทหารภาค 2 คนหนึ่งชื่อ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ตอนนั้น ก็เลยไปจับมือเป็นลูกน้อง พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก พอ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก มาตั้งพรรคการเมือง สุวัจน์ก็ไปสนับสนุน และ พล.อ.ชาติชาย ก็เห็นว่าสุวัจน์มีแววที่ดี ก็ดึงสุวัจน์เข้ามาสู่พรรคชาติไทย สุวัจน์เข้ามาก็เพียงต้องการปกป้องการประมูลของบริษัท ประยูรวิศว์ ของพ่อตัวเอง ในที่สุดตัวเองก็เข้ามาเล่นการเมืองเต็มตัว เห็นหรือยังพี่น้อง พี่น้องเข้าใจหรือยังตอนนี้ ว่าการเมืองแท้ที่จริงแล้วไม่ได้เข้ามาเล่นเพื่อจะทำให้ราคาน้ำมันปาล์มลด ที่จะทำให้ต้นทุนค่าครองชีพพ่อแม่พี่น้องลดลง ที่จะขจัดการคิดดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงจนเกินไป ที่จะให้โอกาสพ่อแม่พี่น้องได้เจริญเติบโตทำมาหากินได้ดี ไม่ได้เปิดโอกาสให้ลูกหลานพ่อแม่พี่น้องได้มีสิทธิ์ตั้งตัวได้ แต่เข้ามาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง และตระกูลตัวเอง จากกรณีของ บรรหาร ศิลปอาชา, สุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยพี่น้องครับ

พี่น้องครับพักสักครู่ให้คนหลบฝนอยู่ตัวสักหน่อยผมจะได้หลบด้วย เอาละพี่น้องพร้อมแล้ว ไม่เป็นไรครับเปียกๆ กันหน่อยก็ดีนะครับ ได้กลิ่นไคลเหงื่อขี้ไคลอีกแบบหนึ่ง เราผ่านมาแล้ว 193 วัน เราผ่านมาแล้วที่สะพานมัฆวานตั้งไม่รู้กี่ครั้งใช่/ไม่ใช่พี่น้อง เพราะฉะนั้นแล้ว พร้อมหรือยังพี่น้อง ต่อได้ไหม เพราะฉะนั้นแล้ว นี่ผมยกตัวอย่างพรรคชาติไทยพรรคเดียวก่อน แล้ววันต่อไปจะเป็นพรรคอื่น

พรรคชาติไทยก็เลยกลายเป็นพรรคของศักดินาและอำมาตย์เก่าที่สูญเสียอำนาจ และตอนนั้น จอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลประภาส ได้หนีไปอยู่ต่างประเทศ จอมพลถนอม กับจอมพลประภาส ก็มีพรรคการเมืองของตัวเอง ชื่ออะไรพี่น้อง พรรคสหประชาไทย เพราะฉะนั้นแล้วกลุ่มพรรคชาติไทย คือที่รวมของซอยราชครูที่เคยหมดอำนาจไป และกำลังจะสู้เพื่อเอาอำนาจกลับมา เมื่อการเมืองเปิด และรวมกลุ่มพรรคสหประชาไทย ซึ่งเป็นพรรคของ จอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลประภาส ซึ่งหมดอำนาจไปเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วก็เป็นที่รวมของอำมาตย์เก่า คือพวกอดีตพลเอก อดีตจอมพล ศักดินาเก่า คือคนที่อยู่ในชาติตระกูลเก่าๆ และสูญเสียอำนาจในการปกครอง นี่คือที่มาของพรรคชาติไทย

พรรคชาติไทยเกิดขึ้นมาในช่วงที่กระแสฝ่ายซ้าย คือ นิสิตนักศึกษา กรรมกรผู้ใช้แรงงาน กำลังรุ่งเรือง เพราะ 14 ตุลา นั้นเป็นยุคของนิสิตนักศึกษาที่ออกมาสู้กับพวกทหารฝ่ายเผด็จการ เพราะฉะนั้นแล้วพรรคชาติไทยก็คือ พรรคฝ่ายขวา ประชาชน นิสิตนักศึกษาคือ พวกฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวามีใครบ้าง มีทหาร มีตำรวจ มีกระทิงแดง มีนวพล มีลูกเสือชาวบ้าน ทั้งซ้ายทั้งขวาก็ปะทะกัน พิฆาตกันหลายต่อหลายอย่าง วันนั้นเวลานั้นผมยังจำได้ ผมเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย ในขณะนั้นมีพวกกระทิงแดงมาขู่ฆ่าผม จะเอาระเบิดมาขว้างที่โรงพิมพ์ผม ซึ่งอยู่ตรงถนนเพชรบุรี ทั้งหมดนี้ไม่ได้ต่างกว่าสมัยนี้เลยแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่ว่ามันกลับข้างกัน พวกเสื้อแดงคือ พวกกระทิงแดง พวกทหารตำรวจคือ พวกทักษิณ ในยุคนั้น มารังแกพวกเรา ซึ่งพวกเราต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เพื่อความยุติธรรม มาวันนี้เหตุการณ์ไม่ต่างกว่าสมัยที่เราสู้กับเสื้อแดง กลายเป็นว่า เราต้องมาสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์ก็ใช้ทหาร ใช้ตำรวจ สมัยสมัคร สุนทรเวช พรรคเพื่อไทย ใช้ทหารใช้ตำรวจเช่นกัน ฉันใดฉันนั้น เพราะฉะนั้นแล้วในทุกยุคทุกสมัยก็จะมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งต้องการที่จะเอาอำนาจด้วยความรุนแรง กับกลุ่มหนึ่งซึ่งออกมาต่อสู้อย่างสันติวิธีและอหิงสา ใช่/ไม่ใช่ พี่น้องครับ

พี่น้องได้ยินหรือเปล่า หรือว่าจะพักสักครู่หนึ่ง ถ้าอยากให้พูดต่อ ตบมือ หรือถ้าอยากให้พักตบมือ ถ้าอยากให้พักตบมือ (เงียบ)

เอาล่ะครับพี่น้อง เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อภาพของพรรคชาติไทยในยุคนั้น ส่วนใหญ่เป็นทหาร เพราะฉะนั้นอุปสรรคในการเลือกตั้งครั้งแรก ในปี 2518 ก็เป็นอุปสรรคใหญ่ คือต้องต่อสู้กับกลุ่มนิสิต นักศึกษา ซึ่งพยายามสร้างกระแสต่อสู้รัฐบาลทหารต่อเนื่องมา จนกระทั่งนิสิต นักศึกษา ล้มล้างรัฐบาลทหารได้เมื่อปี 2516 จนถึงในขณะนั้นกลุ่มนิสิต นักศึกษา ก็เรียกกลุ่มพวกทหารพวกนั้นว่า กลุ่มทรราช คำนี้ก็ถูกเผยแพร่ไปสู่ประชาชนอย่างรวดเร็ว นักศึกษาเสนออะไรมาก็ตามในยุคนั้น ประชาชนก็คล้อยตาม ด้วยเหตุผลอันนี้ ทำให้คะแนนนิยมของพรรคชาติไทยก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ

เพราะฉะนั้นแล้ว พี่น้องจะเห็นได้ชัดว่า ฉายาของพรรคในขณะนั้นถูกตั้งขึ้นมากมาย เช่น พรรคชาติไทยถูกตั้งว่าเป็นพรรคนายทุน ขุนศึกศักดินา สมุนทรราช และหนังสือพิมพ์ที่เป็นแกนหลักในการโจมตีพรรคชาติไทย คือหนังสือพิมพ์อธิปัตย์ หนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย ที่ผมเป็นบรรณาธิการ

หลังจากการเลือกตั้งในครั้งนั้น พรรคชาติไทยได้เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคกิจสังคม ที่มี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี พี่น้องจะเห็นได้ชัด ว่าตั้งแต่วันแรกที่เขาตั้งพรรคแล้ว วัตถุประสงค์ของเขาก็คือการเข้าร่วมรัฐบาลเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นแล้ว อุดมการณ์เขาไม่มีเลย พรรคชาติไทยก็ได้โควต้า ได้รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีของพรรคชาติไทยก็มีหลายกระทรวง เท่ากับว่าตอนนั้นพรรคชาติไทยจะต้องถูกโจมตีทั้ง 2 ฝ่าย คือ นักการเมืองด้วยกันเอง และฝ่ายซ้าย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการปล่อยข่าวสร้างกระแสว่า พรรคชาติไทยกำลังจะยึดอำนาจการปกครอง เพื่อกลับไปดำเนินวิถีทางแบบรัฐบาลทหารอีกครั้ง พรรคชาติไทยเจอปัญหาการหยุดงาน การข่มขู่การประท้วง จากกลุ่ม 3 ประสาน มีนักศึกษา กรรมกร ชาวนา รวมทั้งการยึดถนนหน้าทำเนียบ ของกลุ่มขบวนการไทยการ์ด จากปัญหาต่างๆมา ก็มีการปรับ ครม.เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2519 แต่อย่างก็ตาม พรรคชาติไทย ก็อยู่ร่วมรัฐบาลเป็นระยะเวลา 9 เดือน หลังจากนั้น มีการเลือกตั้งปี 2519 รัฐบาลชุดพรรคกิจสังคม หรือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อยู่สั้นๆ 9 เดือน ปี 2519 พรรคชาติไทย เลือกตั้งใหม่ พรรคชาติไทยก็เข้าร่วมรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ พี่น้องจะเห็นได้ชัด นี่ผมยกตัวอย่าง วิวัฒนาการของพรรคการเมือง ว่า ไม่ได้มีอะไรเลย นอกจากขอเข้าร่วมรัฐบาล

ต่อมา เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 จนกระทั่งมีการยึดอำนาจ โดยคณะปฏิรูปที่มี พลเรือเอก สงัด ชลออยู่ เป็นหัวหน้าคณะปฏิรูป การยึดอำนาจครั้งนั้น ผ่านไปจนกระทั่งปี 2526 พรรคชาติไทยก็กลับมาเป็นพรรคการเมืองอย่างถูกต้องอีก หลังจากจดทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว ในการประชุมพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อหารือเรื่องจัดตั้งรัฐบาล พรรคการเมืองนั้นคือพรรคชาติไทย พลเอกชาติชาย อาสาเป็นตัวแทน ไปคุยเพื่อจัดแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ถือว่าตัวเอง เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ตอนนั้นยังไม่ได้ห้ามคนนอกเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้บังคับว่า คนที่เป็น ส.ส.เท่านั้น เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะฉะนั้นแล้ว ทหาร และแกนนำทุกคนมีมติว่า ต้องให้ พล.อ.เปรม เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป พล.อ.เปรม ถึงได้เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุนี้ พล.อ.เปรม การที่ท่านไม่ได้มาจาก ส.ส. และท่านไม่ได้ต้องแสดงความจงรักภักดี ต่อพรรคใด นอกจากการแสดงความจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง ท่านเลยเป็นนายกรัฐมนตรีที่ซื่อสัตย์สุจริตที่สุดในประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย

พี่น้องครับ เพื่อให้เห็นว่า พรรคการเมืองที่มีอยู่ตั้งแต่ปี 2517 มันไม่ใช่พรรคการเมือง มันคือแก๊งการเมือง พี่น้องรู้ไหม ว่า พรรคชาติไทยขณะนั้นมีอยู่ 7 ก๊ก ก๊กแรกคือ ชาติชาย ชุณหะวัณ มีแนวทางดำเนินการเพื่อให้เข้าไปร่วมรัฐบาล เนื่องจากมีความสนิทสนมกับทหารบางคน แล้วมี ส.ส.โคราช อยู่ 10 คน นี่ก๊กแรก ก๊กที่ 2 กลุ่มนายบรรหาร มีแนวคิดคล้ายคลึงกับกลุ่มแรก เพราะต้องการจะร่วมรัฐบาลเพื่อทำมาหากิน มี ส.ส.อยู่ 20 คน กลุ่มที่ 3 ทายซิกลุ่มใคร พล.ต.ประมาณ อดิเรกสาร และเสนาะ เทียนทอง เป็นกลุ่มที่ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทอง เพราะตัวเองมีเงิน พล.ต.ประมาณ เป็นที่ปรึกษา มีหุ้นส่วนอยู่ในโรงงานทอผ้า ไม่เดือดร้อน ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าร่วมรัฐบาล คงมีจุดประสงค์ที่สำคัญคือ เป็นฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพ เพราะประมาณเคยลั่นวาจาว่า ถ้ามีประมาณ ต้องไม่มีเปรม เป็นความขัดแย้งส่วนตัว พี่น้องจะเห็นว่า 3 ก๊กที่เล่ามา 2 ก๊กแรกต้องการมีอำนาจเพื่อไปทำมาหากิน ก๊กที่ 3 คือ ก๊กประมาณและเสนาะ เทียนทอง ก๊กที่ 4 คือ กลุ่มของ พ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์ พี่น้องรู้จักไหม พ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์ คือ อดีต ทส. ทหารคนสนิทของ พล.อ.กฤษณ์ ศรีวรา พล.อ.กฤษณ์ ศรีวรา ตอนเป็นผู้บัญชาการทหารบก มีเงินมีทองเท่าไหร่ใส่ในบัญชี พ.อ.พล มีที่ดินเท่าไหร่ ใส่ชื่อ พ.อ.พล พอ พล.อ.กฤษณ์ ตายไป พ.อ.พล เลยสวมวิญญาณ พล.อ.กฤษณ์ ฮุบทุกอย่างไปอยู่กระเป๋าตัวเอง ในที่สุด พ.อ.พล ก็มาเล่นการเมือง โดยใช้เงินของ พล.อ.กฤษณ์ ศรีวรา แล้วไปสร้างไร่สับปะรดเกือบหมื่นไร่ ที่ชะอำ พี่น้องเคยได้ยินชื่อไหม

กลุ่มที่ 5 คือกลุ่มใคร กลุ่มนายวัฒนา อัศวเหม มีสมาชิกประมาณ 10 คน กลุ่มที่ 6 คือ กลุ่มนายทวิต กลิ่นประทุม รองหัวหน้าพรรค ประกอบด้วยสมาชิก 10 คน นายทวิต กลิ่นประทุม มีใครไม่รู้จักยกมือ นายทวิต กลิ่นประทุม เป็นพ่อนายสรอรรถ กลิ่นประทุม นายทวิต กลิ่นประทุมนั้นอดีตคือคนซึ่งทำการขนส่งอยู่ที่ท่าเรือคลองเตย แล้วมาร่วมกับพรรคกิจสังคม ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ตอนหลังมาอยู่พรรคชาติไทย กลุ่มที่ 7 เป็นกลุ่มยังเติร์ก ผมเอ่ยชื่อพี่น้องต้องโห่และหัวเราะกันด้วยความสนุกสนาน มีใครบ้าง มี ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ นายปองพล อดิเรกสาร นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร เพราะฉะนั้น แล้วจะเห็นได้ว่า มี 7 ก๊ก พี่น้องว่า ในพรรคประชาธิปัตย์มีก๊กไหม มี พรรคเพื่อไทยมีก๊กไหม มี ทุกพรรคการเมืองไทยมีก๊กทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่า นี่ไม่ใช่พรรคการเมืองแล้ว มันเป็นแก๊งการเมืองใช่ ไหมใช่ พี่น้อง นี่ผมเอาประวัติศาสตร์มาเล่าให้ฟังเลย ตอนหลัง พล.อ.เปรม ท่านปฏิเสธที่จะเป็นนายกฯต่อไป ทำให้การเลือกตั้งปี 2531 พรรคชาติไทยได้เป็นรัฐบาล มีการจัดตั้งโดยมี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี การบริหาร พล.อ.ชาติชาย เป็นมิติใหม่ในยุคนั้น มีทีมงานที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก ประกอบด้วยความหนุ่ม ที่มีความรู้ความสามารถ เอาคนหนุ่มมาทำงาน มันคล้ายๆ กับยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหรือเปล่า ที่เอาแก๊งไอติมมาทำงาน มี นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ลูกชาย พล.อ.ชาติชาย นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ไม่ต่างอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่วันนี้ นายอภิสิทธิ์ โฆษณาว่า เลือกคนรุ่นใหม่ เข้ามาสมัคร ส.ส. และท้ายที่สุด ก็โกงกินได้ยาวนาน เพราะอายุยังน้อย แล้วปรากฏว่า รัฐบาลยุคพลเอกชาติชาย ก็ถูกปฏิวัติด้วยข้อหาของบุฟเฟ่ต์

เห็นไหมพี่น้อง ในที่สุดแล้วทั้งก๊กของพลเอกชาติชาย กับพล.ต.ประมาณ ก็ปะทะกัน จนกระทั่ง พล.ต.ประมาณ จำเป็นต้องเปิดทางให้ พล.อ.ชาติชายเป็นหัวหน้าพรรค แต่ทั้ง 2 ฝ่ายยังขัดกันอยู่ จนกระทั่ง วันที่ 9 มกราคม 2533 มาถึงจุดแตกหักที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ สั่งปลด พล.อ.ประมาณ อดิเรกสาร ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่เขยออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และโยกไปอยู่กระทรวงยุติธรรม สลับกับนายบรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ลูกจีนเข้าไปบริหารกระทรวงมหาดไทย การตัดสินใจของ พล.อ.ชาติชาย ยุคนั้น ทำให้พรรคชาติไทยแบ่งเป็น 2 ขั้ว ๆ หนึ่งคือกลุ่มซอยราชครู และอีกขั้วคือ กลุ่มชาติไทย

หลังมรสุมการเมืองผ่านไปมีการตั้งพรรคการเมืองขนาดใหญ่ขึ้นมา 2535 พฤษภาทมิฬ พี่น้องจำได้ใช่ไหม มีการตั้งพรรคการเมืองอันใหม่ คือ พรรคสามัคคีธรรม มีนายณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรค ชนะการเลือกตั้ง รวมมือกับ ทายซิใคร พรรคชาติไทยอีก เห็นไหม พรรคกิจสังคม ประชากรไทย พรรคราษฎร จัดตั้งรัฐบาล แต่ข้อผิดพลาดเขาใหญ่สุดคือ เขาไปตั้ง พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เลยก่อให้เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พี่น้องเห็นได้ชัด ว่า วันนี้ มาจนวันนี้ พี่น้องเห็นได้ชัดว่า บุคลิกลักษณะของพรรคชาติไทย ซึ่งก็เป็นบุคลิกของพรรคการเมืองเมืองไทยพรรคหนึ่งที่ทุกพรรคมีบุคลิกเหมือนกันหมด คือ ไม่ได้สนใจจะเข้ามาทำงานเพื่อการเมือง แต่สนใจจะเข้ามาทำงานเพื่อส่วนตัว เพื่อตัวเองทั้งสิ้น ไม่ได้คิดเข้ามาเพื่อทำงานให้การเมืองเลย ให้ประชาชนเลยแม้แต่นิดเดียว

พี่น้องครับ นายบรรหาร จัดตั้งรัฐบาลผสม 7 พรรค ในยุคหลัง หลังจากที่ นายชวน หลีกภัย ยุบสภา แล้วมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ นายบรรหาร เป็นนายกรัฐมนตรี สมใจอยาก บรรหารตั้งรัฐบาล มีส่วนผสม 7 พรรค มี ส.ส. 233 คน มีทายซิใคร พรรคชาติไทย พรรคความหวังใหม่ พรรคพลังธรรม พรรคกิจสังคม พรรคนำไทย พรรคประชากรไทย และพรรคมวลชน ของ เป็ด เฉลิม อยู่บำรุง พี่น้องครับ ความขัดแย้งในพรรคชาติไทย เพราะมีการแย่งตำแหน่งกัน เสนาะ เทียนทอง เลขาธิการพรรค ที่ตัวเองไม่ได้รับตำแหน่งโควต้ารัฐมนตรีมหาดไทย เพราะบรรหาร รักษาการรัฐมนตรีมหาดไทย ก็เลยเกิดความขัดแย้ง คนของพรรคชาติไทย ณรงค์ วงศ์วรรณ นายวัฒนา อัศวเหม ถูกรัฐบาลสหรัฐอเมริกา กล่าวหา ในคดีหนึ่ง ทำให้พรรคชาติไทย มีปัญหา และพรรคชาติไทยถูกกล่าวหาว่า ติดสินบน ก่อนการเลือกตั้ง บริษัทค็อกคูมของสวีเดน เพื่อหวังผลการขายเรือดำน้ำให้กับประเทศไทย เมื่อพรรคชาติไทยได้เข้ารัฐบาลแล้ว

พี่น้องครับ พรรคฝ่ายค้านตอนนั้น ประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติพัฒนา พรรคชาติพัฒนาตอนนั้นของใคร ก็ของพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ พรรคเสรีธรรมของใคร ก็ของพินิจ จารุสมบัติ พรรคเอกภาพ ก็ของเครือข่ายพินิจ ได้ยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อขับนายบรรหาร ออกจากนายกรัฐมนตรี ตามกระแสความเบื่อหน่าย นายบรรหารก็ดัดหลังทุกพรรค ด้วยการยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ นายบรรหารก็พูดอย่างนี้ นายบรรหารบอกว่า การเป็นพรรคฝ่ายค้านต้องอดยากปากแห้ง อยู่กันด้วยความลำเค็ญเข็ญใจ เพราะฉะนั้นต้องทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะไปกราบไหว้คนทั่วทั้งสิบทิศ หรือกระทำอะไรก็ได้เพื่อให้เป็นรัฐบาล

หลังจากที่พรรคชาติไทยเข้าไปร่วมรัฐบาลกับพรรคของนายทักษิณ ชินวัตร พรรคไทยรักไทย จนครบวาระ 4 ปี พรรคชาติไทยถูกพรรคไทยรักไทยดึงแกนนำสำคัญออกไปมากมาย ยกตัวอย่าง พี่น้องจำได้หรือเปล่า ตระกูลคุณปลื้ม แยกออกไปอยู่พรรคไทยรักไทย กลุ่มบุรีรัมย์ของนายเนวิน ชิดชอบ แยกไปอยู่พรรคไทยรักไทย จนกระทั่งนายบรรหาร ตั้งเป้า ส.ส.ตัวเองไว้แค่ 10 คนเอง แต่ก็ได้มาตั้ง 25 คน

วิกฤตที่หนักหนาสาหัสกลับไม่ใช่เรื่อง ส.ส.ได้น้อย แต่เป็นเรื่องของคดียุบพรรค และในที่สุดพรรคชาติไทยก็ถูกยุบ เมื่อพรรคชาติไทยก็ถูกยุบ ก็เลยตั้งพรรคชาติไทยพัฒนาขึ้นมา เห็นหรือยังพี่น้อง ไม่มีอะไรใหม่เลยในวงการเมือง พรรคชาติไทยพัฒนาก็คือกลุ่มคนที่ต้องการจะเข้ามาเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ไม่ใช่ประโยชน์ของมวลชนเลยแม้แต่นิดเดียว

การล่มสลายของพรรคชาติไทยในการถูกยุบ นอกจากเป็นการปิดฉากของพรรคการเมืองเก่าแก่ มีอายุ 34 ปีแล้ว ยังเป็นผลให้แกนนำสำคัญ อย่างนายบรรหาร นายประภัตร โพธิสุธน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา นายวราวุธ ศิลปอาชา นายจองชัย เที่ยงธรรม นายอนุรักษ์ จุรีมาศ นายนิกร เนื่องจำนงค์ ต้องปิดชีวิตทางการเมืองลงเป็นเวลา 5 ปี และจะหมดอายุเมื่อปี 2556 อีก 2 ปีพี่น้อง

พี่น้องครับ เมื่อกลายมาเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา นิสัยของพรรคชาติไทยเปลี่ยนมั้ย ไม่เปลี่ยน ถึงจะเปลี่ยนชื่อใหม่ มันคือขวดใหม่ แต่เหล้าเก่าเหมือนเดิม เหล้าที่เหม็นโฉ่ ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 นายบรรหาร ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคชาติไทยพัฒนา เพราะตัวเองถูกห้ามเล่นการเมือง ใช่/ไม่ใช่ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่ายังไง ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 แสดงความไม่พอใจในการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งกระทรวงที่ตัวเองดูแลอยู่ น้องชายตัวเองดูแลอยู่ คือกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ชาติไทยพัฒนาดูอยู่ ได้รับงบประมาณน้อย พูดว่าอย่างไรรู้ไหม "ที่รัฐบาลให้ไปไม่แก้ปัญหาเลย ถ้าจะฟื้นฟูกันจริงๆ ก็เรื่องท่องเที่ยว ต้องเพิ่มให้ ที่ผ่านมาให้งบแค่ 500 ล้านบาทเอง อย่างถนนปลอดฝุ่น" อะพูดเอาใจพรรคภูมิใจไทย "น่าจะให้ไป เพราะไม่ใช่งานที่ทำ 4-5 เดือนเสร็จ เมื่อเงินลงไปก็จะได้แรงงาน ประชาชนจะมีเงินใช้จ่ายสะท้อนกลับมาเป็นภาษี" แล้วเกิดอะไรขึ้นพี่น้อง นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ออกมาระบุว่า ต้องขอเคลียร์ใจกับนายบรรหาร และจะนำข้อท้วงติงไปทบทวนการจัดทำงบประมาณปี 2553 จนกระทั่งในการประชุม ครม. วันที่ 10 ก.พ. หลังจากบรรหารออกมาบ่น วันที่ 5 ก.พ. 10 ก.พ.ออกมาอนุมัติงบประมาณเพิ่มให้กระทรวงท่องเที่ยวอีก 1,000 ล้านบาท นี่ไงล่ะพี่น้อง เราวันนี้ไม่พูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ เราเอาพรรคชาติไทยมายกตัวอย่าง มาเป็นตัวตั้งให้เห็นว่ามันเป็นการเมืองน้ำเน่าใช่/ไม่ใช่พี่น้อง น้ำเน่าจริงๆ

แล้วมองไปประเด็นสำคัญ การแก้รัฐธรรมนูญ ก็จะยิ่งพบความชัดเจนว่า นายบรรหารคือผู้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของพรรค เพราะนายบรรหารนั้นเข้าไปหารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการลับไม่เปิดเผย หรือการกระทำอย่างออกนอกหน้า เช่น หารือแกนนำพรรครัฐบาล เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2552 ที่ทำเนียบรัฐบาล หารือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล 24 ส.ค. 2552 ที่บ้านพรรคนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ หารือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2552 ที่ทำเนียบรัฐบาล หารือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 13 ต.ค.2552 หารือแกนนำรัฐบาล เมื่อ 23 พ.ย.2552 ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี หารือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2552 ที่โรงแรมโอเรียลเต็ล หารือนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2553 หารือแกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่โรงแรมสยามซิตี้ 20 ม.ค.2553 แถลงข่าวแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกับ นายวรรณรัตน์ ชาญนุกุล พรรครวมใจชาติพัฒนา และนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคกิจสังคม ที่โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส 25 ม.ค.2553 หารือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2553 ที่โรงแรมโอเรียลเต็ล หารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2553 ที่โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน หารือแกนนำพรรครัฐบาล เมื่อวันที่ 4 พ.ค.2553 ที่โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ

พี่น้องทำไมต้องเล่าอย่างนี้ให้ฟัง เล่าให้เห็นว่า นายบรรหาร ไม่มีหน้าที่อะไรเลยในพรรคชาติไทยพัฒนา แต่เป็นตัวแทนแกนนำไปหารือแกนนำ แสดงว่า พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นของใคร ของนายบรรหาร นี่คือการเมือง เข้าใจหรือยัง นี่คือการเมืองน้ำเน่า การเมืองเก่า ทั้งหมดหารือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์ ออกมาพูดจากบอกว่า งบประมาณตัวเองได้น้อย นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ กลัวจะเสียคะแนนพรรคร่วมรัฐบาล ก็เพิ่มงบประมาณให้อีกพันล้านบาท ชาติบ้านเมืองพี่น้องมันจะอยู่อย่างนี้ได้อย่างไร ตอนนี้พี่น้องที่ฟังอยู่เข้าใจหรือยังว่าทำไมถึงต้องโหวตโน นี่แค่พรรคนายบรรหาร ต่อไปพี่น้องจะฟัง พรรคนายสุวัจน์ พรรคนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ทุกพรรคที่รวมหัวกันเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และจะมีพรรคเพื่อไทยด้วยพี่น้อง จะได้เห็นว่าไม่เว้นพรรคใดก็ตามมันเป็นสัตว์นรกทั้งสิ้น

พี่น้องครับ เพราะฉะนั้นการโหวตโน คือการปฏิเสธพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และทุกๆ พรรค ไม่เว้นแม้กระทั่งพรรคเพื่อไทย ทุกพรรคหมดในระบบรัฐสภาว่า เราต้องการแสดงสิทธิ์ของเราว่า ผมไม่เอาพวกคุณ เป็นสิทธิของผม เหตุผลที่ผมไม่เอาพวกคุณเพราะคุณไม่ใช่พรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อส่วนรวม คุณเป็นบริษัทพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ของคุณเอง พวกพ้องคุณ ญาติพี่น้องคุณทั้งสิ้น ประชาชนไม่มีสิทธิ์อะไรเลย มีสิทธิ์อยู่อย่างเดียวคือ 4 วินาที หย่อนบัตรเลือกพวกคุณ เพราะฉะนั้นเราจะใช้ 4 วินาทีนี้ไปหย่อนบัตรไม่เลือกใครเลยพี่น้อง ใช่/ไม่ใช่พี่น้อง นี่คือคำตอบว่า ทำไมเราต้องโหวตโน นี่คือการปฏิรูปการเมือง หลายคน นักวิชาการ บอกว่าการปฏิรูปการเมืองต้องค่อยเป็นค่อยไป แล้วการแสดงออกการโหวตโนว่าเราไม่เอานักการเมืองปัจจุบันเป็นการปฏิรูปการเมือง มันผิดตรงไหน เราก็แสดงออกค่อยเป็นค่อยไปเหมือนกันใช่/ไม่ใช่พี่น้อง การปฏิรูปการเมือง ที่นักวิชาการบางคนบอกต้องค่อยเป็นค่อยไป หมายความว่า ต้องออกไปลงคะแนนเสียงหรอ เราจะไปลงได้อย่างไร ในเมื่อเราพะอืดพะอม เราขัดข้องใจ เราคับข้องใจ เราไม่สบายใจที่จะลงให้ใคร เราขอใช้สิทธิ์ไม่ลงให้ใครตามรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นแล้วนักวิชาการ หรือสื่อมวลชน หรือนักการเมืองคนใด ที่มาต่อว่าเรา ว่าเราไม่ควรจะโหวตโน คุณต่อว่าเราบนพื้นฐานอะไรกันแน่ เพราะนี่คือสิทธิส่วนตัวของเรา ใช่/ไม่ใช่ ใช่/ไม่ใช่ พี่น้อง เหมือนอย่างที่ผมพูดมาตั้งนานแล้ว และคำพูดนี้ พ่อแม่พี่น้องท่องจำกันได้ทุกคน ว่า เราจะโหวตโน แล้วมันหนัก (หัวใคร) ใช่ พี่น้อง เราจะโหวตโนแล้วมันจะหนักศีรษะใคร ใช่/ไม่ใช่ พี่น้อง

ผมเอาดวงของผมไปผูกแล้ว ผมถามหมอดูที่เก่งมาก หมอดูดูดวงผูกลักขณา ดูพฤหัส บอกคุณสนธิ ผมดูดวงดาวแล้ว คุณไปโหวตโนไม่ได้หนักกบาลใคร ใช่/ไม่ใช่ พี่น้อง เพราะฉะนั้นแล้ว หนักแน่นเอาไว้ เดินหน้าอย่างเดียวเพื่อโหวตโน พี่น้อง

พรรคชาติไทยเป็นตัวอย่างของความเป็นน้ำเน่าทางการเมือง วันนี้ไม่ต้องพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ ไม่พูด เราพูดพรรคชาติไทยให้เห็นเป็นอย่าง วันต่อๆ ไปเราจะพูดถึงพรรคอื่น แล้วเมื่อพูดจบ พี่น้องจะเห็นด้วยกับผมว่ามันน้ำเน่าเหมือนกันหมดทุกๆ พรรคเลย

เราไปโหวตโนเพื่อแสดงเจตนารมณ์ว่าเราไม่ขออยู่ในวังวนของน้ำเน่านี้ พวกเราเป็นคนที่รักสะอาด ใช่/ไม่ใช่ พี่น้อง ขนาดฝนตกหนักอย่างนี้ผมยังไม่ได้กลิ่นเหงื่อไคลพี่น้องเลย ได้กลิ่นแต่กลิ่นหอม หอมจริงๆ

อมร เดี๋ยวพี่เดินลงเวทีเอง อย่ามาเข้าใกล้พี่นะ .. เอาล่ะพี่น้อง ทำหน้าที่แทนพันธ์ คีมูน ได้ดีพอสมควร เสียดายฝนตก แต่ว่า สัญญาว่าจะมันส์ขึ้นเรื่อยๆ พี่น้องครับ

เอ้าพี่น้อง เรามาทักทายกันหน่อยซิพี่น้อง พี่น้องสุพรรณฯ บ้านเจ๊กเคียง แซ่เบ๊ พี่น้องประจวบฯ 1864 โค้ง พันธมิตรฯ ขุนยวม แม่ฮ่องสอน โอ้ มาไกลจังเน้อ อุทัยธานี ม.หอการค้า จรัญฯ 12 โหวตโน สะพานเหลือง กูไม่เลือกมึง โหวตโน พันธมิตรฯ นครนายก พันธมิตรฯ ฮ่องกงมาด้วยเหรอ โหวตโน พันธมิตรฯ บางโพ อุบลฯ พันธมิตรฯ บางคอแหลม ระยอง (ฮิ) เจียงฮาย นั่นที่ไหนน่ะ รณรงค์โหวตโน พันธมิตรฯ นครปฐม น่าน กาญจนบุรี พันธมิตรฯ แม่สอด พันธมิตรฯ เพชรบุรี คลองจันทร์ดี เชียงดาว เชียงใหม่ แมริแลนด์ พันธมิตรฯ มิชิแกน ตรัง อุตรดิตถ์ ภูเขียว พันธมิตรฯ พัทยา นาเกลือ อยุธยาโหวตโน นครศรีฯ หนองแค อุบลราชธานี แก่งคอย เชียงใหม่ โหวตโน เถ้าแก่ตัวจริงสู้ๆ สู้เว้ย บุรีรัมย์โหวตโน พันธมิตรฯ ท่าลี่ พันธมิตรฯ ราชรี บ้านสร้าง โคราช สมุย 2 หมวยกู้ชาติโหวตโน อุทัยธานี หัวหิน พันธมิตรฯ ชาวปทุม บรรพตพิสัย สงขลา บางใหญ่ บางบัวทอง ท่าพระ บางแค ศรีมหาโพธิ์ ปราจีนฯ กบินทร์บุรี เลย นนทบุรี ข้างหลังนั่นอะไร ชลบุรี มุสลิมบ้านครัว อัสลามโมไลกุน (***) บ้านมอญ บ้านโป่ง โหวตโน ยายพิศโหวตโน ประจวบฯ โหวตโน พี่น้องครับ นั่นอะไร เมืองอะไร พันธมิตรฯ พัทลุงโหวตโน พันธมิตรฯ กรุงเทพมหานคร โหวตโน พันธมิตรฯ ตากโหวตโน ขอบพระคุณครับ พ่อแม่พี่น้องครับ สวยงามเหลือเกิน พันธมิตรฯ ตัวจริง ผู้ชายก็หล่อ ผู้หญิงก็สวย พี่น้องครับ พี่น้องเอ๊ยยย...
กำลังโหลดความคิดเห็น