xs
xsm
sm
md
lg

“เพื่อแม้ว” เปิดตัวอดีต ส.ส.ปชป.-ภท.-ชพน.เข้ารัง ส่วน “เพื่อแผ่นดิน” ไม่ส่งผู้สมัคร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพื่อแม้วเปิดตัวอดีต ส.ส.ปชป.-ภท.-ชพน.เข้าสังกัดพรรค “องอาจ” อ้างประชาชนเรียกร้อง ด้าน พผ.ถอดใจไม่ส่งผู้สมัคร หลังอดีต ส.ส.ทยอยลาออกไปเข้ารังอื่น

ที่พรรคเพื่อไทย วันนี้ (12 พ.ค.) พรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดตัว ส.ส.ที่ย้ายมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งทั่วไป ได้แก่ พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ เขต 4 พรรคภูมิใจไทย นายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีต ส.ส.สัดส่วน นางทัศนียา รัตนเศรษฐ อดีต ส.ส. นครราชสีมา เขต 4 และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ อดีต ส.ส.นครราชสีมา เขต 7 พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน นายองอาจ วงษ์ประยูร อดีต ส.ส.สระบุรี เขต 4 นายมานิตย์ ภาวสุทธิ์ อดีต ส.ส.ชลบุรี เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ นายอรรถพล วงษ์ประยูร อดีต ส.ส.สระบุรี เขต 2 และนายรส มะลิผล อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 3

นายยงยุทธกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยขอต้อนรับทุกคนด้วยความยินดีอย่างยิ่ง ตนทราบความมุ่งหมายของพวกคนที่ย้ายเข้ามาสู่เพื่อไทยได้ดี ก็คือ การเลื่อมใสการปกครองแบบมีหระมหากษัตริย์เป็นประมุข รักความยุติธรรม แบบมาตรฐานเดียว และสุดท้ายก็คือความเสมอภาค ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีสิ่งเหล่านี้อยู่เพียงแค่พรรคเดียว และที่สำคัฐที่สุดก็คือการดูแลประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดี

ด้าน พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ กล่าวว่า ตนเชื่อว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยสามารถทำได้จริง เพราะตนสามารถสัมผัวได้ตั้งแต่ยุคของพรรคไทยรักไทยมาแล้ว

ขณะที่นายองอาจ วงษ์ประยูร กล่าวว่า สาเหตุในการเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยเนื่องจากว่าตนได้ลงพื้นที่จังหวัดสระบุรี และได้รับการเรียกร้องจากประชาชนให้เข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย และเมื่อตนได้ดูนโยบายของพรรคเพื่อไทยก็เลยไม่แปลกใจที่ประชาชนเรียกร้องเช่นนั้น แต่ตนก็ยังมีความรักและเคารพสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ ซึ่งหากจะพูดถึงอนาคตภายหลังการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์หากจะจัดตั้งรัฐบาลก็จำเป็นที่จะต้องร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยอีก ซึ่งอาจจะทำให้คะแนนสำหรับความซื่อสัตย์ลดน้อยลง จึงเป็นเหตุผลทั้งหมด

ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อแผ่นดิน หลังจากอดีต ส.ส.ที่สังกัดต่างย้ายไปอยู่พรรคการเมืองต่างๆ ล่าสุด นายกว้าง รอบคอบ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เปิดเผยว่า ทางพรรคตัดสินใจไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งในระบบเขตและบัญชีรายชื่ออย่างแน่นอนแล้ว เนื่องจากเห็นว่าสมาชิกส่วนใหญ่ของพรรคได้ย้ายไปสังกัดและส่งสมัครในนามพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน หากส่งผู้สมัครลงในนามพรรคเพื่อแผ่นดินอีก ก็จะทำให้เกิดความสับสนต่อกระบวนการของทั้ง 2 พรรค อีกทั้งเห็นว่าการที่จะรักษาพรรคเพื่อแผ่นดินไว้นั้น ยังไม่จำเป็นที่จะต้องส่งผู้สมัคร เพราะกฎหมายไม่ได้บังคับไว้ จึงยังดำเนินการต่อไป ส่วนที่ห่วงกันว่าจะไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการเมือง เพราะไม่ส่งผู้สมัครนั้น ตนเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะยังมีช่องทางอื่นในการหางบประมาณมาใช้ในการดำเนินกิจกรรมของพรรคต่อไป เพื่อศึกษาและเพิ่มองค์ความรู้ให้แก่สมาชิก สร้างความเป็นสถาบัน มีการอบรม สัมมนาปกติ เพื่อเตรียมความพร้อมในโอกาสต่อๆ ไป

“ครั้งนี้เราถือว่าเป็นการเว้นวรรคชั่วคราว แต่ในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะลงสู้ศึกเต็มรูปแบบอย่างแน่นอน ไม่ว่ารัฐบาลต่อไปจะอยู่ครบวาระหรือไม่”

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อไม่ส่งผู้สมัครแล้วจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งหรือไม่ นายกว้างกล่าวว่า ตนอยากให้กำลังใจ กกต.ในการทำหน้าที่มากกว่า เพราะส่วนตัวเชื่อมั่นในการทำงานของ กกต.ชุดนี้ อยากให้ทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และที่สำคัญอยากให้ทุกพรรคการเมือง และประชาชนเชื่อมั่นในกติกาของ กกต. แต่ถ้าให้พรรคเพื่อแผ่นดินไปลงพื้นที่ลงประชาสัมพันธ์ตรวจสอบการเลือกตั้ง คงไม่ใช่บทบาทที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม หาก กกต.มีการจัดสัมมนา หรือการประชุมใดๆ ทางพรรคยินดีให้ความร่วมมือ อย่างการลงสัตยาบันที่ผ่านมา เราก็เข้าร่วมตลอด

ต่อข้อถามว่า ประเมินว่าการหาเสียงเลือกตั้งจะมีความรุนแรงมากน้อยขนาดไหน นายกว้างกล่าวว่า ตนไม่อยากให้มองว่าจะมีความรุนแรง และไม่อยากให้ไปเน้นในกรณีของใครเป็นพิเศษ เพราะอาจทำให้ปัญหาจุดเดียวไปกระตุ้นความรุนแรงทั้งประเทศ ตนไม่อยากให้ไปกระตุ้นเช่นนั้น เหมือนไปชี้โพลงให้กระรอกมากกว่า วันนี้ประชาชนอยากเห็นประชาธิปไตย และอยากให้มีการเลือกตั้งมากกว่า เมื่อเลือกเสร็จแล้วใครชนะก็มาบริหารประเทศ ความขัดแย้งทางการเมืองก็จะลดลง ทุกคนก็จะเคารพซึ่งกันและกัน ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีใครนับถือเรา อย่างที่ผ่านมาจากที่เราเป็นประเทศใหญ่ในอาเซียนมาวันนี้พอมีความแตกแยก ก็เลยกลายเป็นประเทศเล็กๆที่ประเทศอื่นจะไม่ให้เกียรติ รวมไปถึงสื่อมวลชนที่ต้องทำหน้าที่ให้ดี อย่าไปกระตุ้นให้เกิดความรุนแรง หรือมุ่งแต่นำเสนอข่าวในทางลบ

“อยากให้ช่วยกันแสดงความรักต่อประเทศไทย ใครชนะก็ว่ากันไป ใครแพ้เลือกตั้งครั้งหน้าก็ยังมีโอกาสกลับมา เหมือนที่อเมริกา ที่มี 2 ขั้วสลับกันไปมา ฝ่ายแพ้ก็ไปเป็นฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างสุภาพบุรุษ ต้องไม่เป็นขี้แพ้ชวนตี” นายกว้างกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าสนับสนุนให้พรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น นายกว้างกล่าวว่า หากพรรคใดได้เสียงเกินครึ่ง ก็ได้รับสิทธิ์ขาดไป 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าไม่เกินครึ่งก็มีสิทธิ์ที่พรรคอันดับ 2 หรือพรรคอื่นจะจัดตั้งรัฐบาลแข่งด้วย ซึ่งมีให้เห็นทั้งที่ประเทศญี่ปุ่น หรือในมาเลเซีย ที่ขึ้นอยู่กับว่าพันธมิตรในทางการเมืองของใครจะสามารถจับมือกันได้มั่นคงกว่า หรืออย่างในประเทศไทยก็มีมากแล้ว สมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ก็มีเพียง 18 เสียงก็สามารถเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลได้ เมื่อถึงเวลานั้นเราต้องให้เกียรติผู้ที่จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ ให้ทำงานไป เพราะไม่นานก็มีการเลือกตั้ง ตรงนี้ต้องขอชื่นชมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้ในการประกาศยุบสภา ขอเป็นกำลังใจให้ ส่วนใครจะมาเป็นนายกฯต่อไปนั้นก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กรรมการบริหารพรรค อดีต ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ที่มีความประสงค์ไปลงสมัครในนามพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และพรรคการเมืองอื่น ได้ยื่นใบลาออกจากพรรคเพื่อแผ่นดินแล้วทั้งหมด รวมไปถึง นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง อดีตหัวหน้าพรรค และนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ อดีตรองหัวหน้าและเลขาธิการพรรคด้วย ทำให้เหลือกรรมการบริหารพรรค 22 จาก 35 คน โดยหลังจากนี้ นายกว้าง รอบคอบ จะทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ตันติวงศ์ เป็นรักษาการเลขาธิการพรรค




กำลังโหลดความคิดเห็น