ทักษิณจะกลับบ้าน!? คิดง่ายไปหน่อยไหม

การเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ ที่สุดแล้วคือ การต่อสู้ของ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” เพื่อจะได้กลับบ้านเกิด โดยไม่ต้องรับโทษตามกฎหมาย เหมือนกับคนไทยทั่วๆ ไปที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ทำผิดแล้วก็ต้องรับผิด จะอ้างว่าถูกกลั่นแกล้งไม่ได้

คู่ต่อสู้ของ นช.ทักษิณ ก็คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ กับคนไทยจำนวนมาก ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ของประเทศไทย แต่ไม่ใช่เสียงข้างน้อยแน่นอน

ในการโฟนอิน-วิดีโอลิงก์ของ นช.ทักษิณเข้ามาในที่ชุมนุมของคนเสื้อแดงในที่ต่างๆ ในช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมานี้ เขาประกาศทุกครั้งว่าปลายปีนี้จะกลับบ้าน จริงอยู่ว่า นั่นคือการปราศรัยปลุกเร้ามวลชนให้มีความหวังมีกำลังใจ ในยามที่พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.ไม่มีอะไรใหม่ๆ จะนำมาขายให้กับคนเสื้อแดง แต่ก็เป็นความต้องการที่แท้จริงของ นช.ทักษิณ ที่ไม่เคยปิดบังอำพรางว่าอยากจะกลับเมืองไทยอย่างผู้ชนะ ไม่ต้องติดคุก ไม่ต้องขึ้นศาลในฐานะจำเลยอีกหลายๆ คดี ที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว เพราะเขาหลบหนีออกนอกประเทศ

หาไม่แล้วคงไม่เสี่ยงลากน้องสาวของตัวเองเข้ามาเป็นเหยื่อ ขี่ม้าขาวแอ่นอกเป็นเป้าสังเวยการต่อสู้ทางการเมือง ในการเลือกตั้งครั้งนี้แน่ ทั้งๆ ที่มี “คนดีมีฝีมือ” ทั้งในพรรคเพื่อไทย และที่เป็นอีแอบนอกพรรคที่อยากจะอาสาเป็นเบอร์หนึ่งของพรรคให้จิ้มนิ้วเลือกได้ตามใจชอบว่าจะเชิดหุ่นตัวไหนขึ้นมา

แต่ความฝัน ความต้องการที่จะกลับบ้านของ นช.ทักษิณ จะง่ายถึงขนาดเชียวหรือ พอพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาล ปลายปีนี้ก็กลับมา แก้ปัญหาเศรษฐกิจ แก้ปัญหายาเสพติดได้เลยหรือ

ถ้ามันง่ายขนาดนั้น คงไม่ต้องรอถึงป่านนี้หรอก เพราะตลอดสองปีที่ผ่านมา นช.ทักษิณใช้การต่อสู้ทุกรูปแบบ ทั้งบนดิน ใต้ดิน โจมตีทุกเป้าหมายที่เขาคิดว่าเป็นศัตรูของตัวเอง ถึงขนาดตั้งกองกำลังติดอาวุธ ก่อการจลาจล จนโดนตั้งข้อหาก่อการรร้าย ก็ยังไม่สำเร็จ

ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้ตั้งรัฐบาล แล้วเชิดใครสักคนเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว ชัยชนะในการเลือกตั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า นช.ทักษิณ จะกลับประเทศไทยได้โดยไม่ต้องติดคุกในคดีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงท่าสุดแล้ว และในคดีอื่นๆ ที่ศาลจำหน่ายคดีออกไปชั่วคราว รวมทั้งคดีก่อการร้ายด้วย

นช.ทักษิณ อาจจะคิดว่า จะใช้อำนาจทางการเมืองที่ได้มาจากการเลือกตั้งออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับคนทุกสีเสื้อที่ถูกดำเนินคดีอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ทางการเมืองหลังการยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 เพื่อให้ตัวเองพ้นผิดจากทุกข้อหาไปด้วย แต่คนไทยจำนวนมากคงไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นได้โดยง่าย

ชัยชนะจากการเลือกตั้ง อาจทำให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำในการตั้งรัฐบาล แต่ไม่ได้เป็นใบอนุญาตให้ นช.ทักษิณ ทำอะไรตามใจชอบได้

อย่าลืมว่า แม้กระทั่งในช่วงที่ นช.ทักษิณมีอำนาจเด็ดขาด ที่ใครๆ ก็ยอมสยบ ก็ยังต่อพ่ายแพ้ต่อพลังประชาชนที่ไม่เห็นด้วยต่อการกระทำที่แม้จะถูกกฎหมาย แต่ขัดกับความรู้สึก และสำนึกอันดีงามที่ผู้นำพึงมี

การขายหุ้นชินคอร์ป เมื่อเดือนมกราคม ปี 2549 โดยไม่เสียภาษี เป็นไปตามกฎหมาย ที่ยกเว้น ภาษีเงินได้จากการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยนิติบุคคล แต่ขัดต่อสามัญสำนึกของคนทั่วไปในสังคม ที่รับไมได้กับพฤติกรรมแสวงหาประโยชน์ใส่ตัวมากเกินไป ทำให้ กระแสการต่อต้านระบบทักษิณ ที่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นแกนนำขยายตัวไปอย่างกว้างขวาง

การชิงยุบสภา เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 เพื่อหนีการอภิปรายโดยไม่ต้องลงมติ ในกรณีการขายหุ้นชินคอร์ป และจัดเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน เป็นอำนาจของ นช.ทักษิณ ตามรัฐธรรมนูญ แต่เป็นพฤติกรรมที่หลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ตามระบอบประชาธิปไตย และเป็นการกำหนดวันเลือกตั้ง ที่เอาเปรียบฝ่ายค้านมากเกินไป ทำให้พรรคฝ่ายค้านบอยคอต ไม่ส่ง ผู้สมัคร และประชาชนแสดงเจตนารมณ์ต่อต้านระบอบทักษิณ ด้วยการ “โหวตโน” ถึง 10 ล้านคน เป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนุญ มีวินิจฉัยให้การเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นโมฆะ

ในทางกลับกัน การยึดอำนาจ นช.ทักษิณ โดย คมช. เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ขัดต่อหลักการประชาธิปไตย แต่กลับได้รับการสนับสนุนจากประชาชน เพราะเป็นการหยุดการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมของ นช.ทักษิณ

ประชาชนจากทุกสารทิศที่ไปรวมพลัง ต่อต้านระบอบทักษิณ ภายใต้การนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก่อนและหลังการยึดอำนาจ 198 กันยายน 2549 พวกเขาไปเพราะไม่ชอบทักษิณ ไม่ใช่เพราะมือที่มองไม่เห็น หรือผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ หรือเป็นเพราะเสียผลประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลทักษิณ แต่เป็นเพราะมองเห็นอันตรายของระบอบทักษิณ

ตลอดระยะเวลา 4 ปีกว่า นับตั้งแต่ นช.ทักษิณถูกประชาชนขับไล่ และถูกยึดอำนาจ พฤติกรรมของ นช.ทักษิณที่ดำเนินมา ทั้งการให้การสนับสนุนคนเสื้อแดง ท่าทีทัศนคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ยิ่งทำให้คนไทยที่ต่อต้านระบอบทักษิณเหล่านี้มีความแน่ใจในตัวตนที่แท้จริงของ นช.ทักษิณ ว่าไม่ผิดจากที่พวกเขาคิดเลย

คนเหล่านี้แหละที่จะทำให้ความฝัน ความต้องการที่จะกลับบ้านของ นช.ทักษิณ โดยให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย แก้กฎหมายนิรโทษกรรม ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ โดยอ้างแต่เพียงชัยชนะจากการเลือกตั้ง

นช.ทักษิณ อาจจะประเมินว่า พลังของประชาชนที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณ อ่อนแรง สลายตัวลงไปมากแล้ว และเบื่อหน่ายกับสถานการณ์การเมืองในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ด้วยอำนาจที่ได้มาจากชัยชนะในการเลือกตั้ง จะทำให้เขากลับบ้านได้อย่างผู้ชนะ ซึ่งจะเป็นการประเมินสถานการณ์ ประเมินสังคมไทย และประเมินประชาชนอย่างผิดพลาดอีกครั้งหนึ่ง เหมือนกับที่เคยประเมินผิดมาทุกครั้ง