สำนักนายกรัฐมนตรีเผยแพร่พระราชกฤษฎีกายุบสภาลงราชกิจจานุเบกษา ระบุยุติขัดแย้งด้วยการเลือกตั้ง
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้เผยแพร่พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 ลงในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 128 ตอนที่ 33 ลงวันที่ 10 พฤษภาคม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกำหนดวันเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. 2554
ที่น่าสังเกตยังได้มีการประกาศ แถลงการณ์สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการยุบสภาผู้แทนราษฎร และการกำหนดวันเลือกตั้ง ลงในราชกิจจานุเบกษาฉบับเดียวกันด้วย ระบุว่า โดยที่ได้มีพระราชกฤษฏีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 แล้ว เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนสิ้สุดลงตามมาตรา 106 ของรัฐธรรมนูญ และจะมีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2554 นั้น รัฐบาลขอชี้แจงเกี่ยวกับการยุบสภาผู้แทนราษฎร ดังนี้
1.การยุบสภาผู้แทนราษฎรเป็นกระบวนการปกติของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ดังที่ปรากฎอยู่ในหลายประเทศที่ใช้ระบอบนี้ ซึ่งประเทศไทยได้ยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติดังกล่าวมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากการที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ บัญญัติรองรับการยุบสภาผู้แทนราษฎรไว้ และได้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วหลายครั้ง เช่น เมื่อ พ.ศ. 2539 พ.ศ. 2543 และ พ.ศ. 2549
2.ตามที่รัฐบาลได้เข้ารับหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินในช่วงปลายปี พ.ศ. 2551 ซึ่งได้เกิดวิกฤติกาณณ์ภายในประเทศหลายประการ ทั้งในด้านผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกตกต่ำ เป็นผลทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจถดถอยลง มีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น และการลงทุนของประเทศชะงักงัน ประกอบกับได้เกิดปัญหาความขัดแย้งและความแตกแยกของชนในชาติ มีการใช้กำลังและความรุนแรงในการชุมนุมประท้วง นั้น
บัดนี้ รัฐบาลได้คลี่คลายปัญหาดังกล่าว จนสามารถฟื้นฟูสภาวะเศรษฐกิจของประเทศให้พ้นจากภาวะวิกฤตแลกลับคืนสู่ภาวะปกติ โดยมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เป็นลำดับอย่างต่อเนื่อง ส่วนปัญหาความขัดแย้งและความแตกแยกในสังคมก็ได้รับการแก้ไขโดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะผ่อนคลายความรุนแรงลงแล้ว ประกอบกับรัฐสภาได้พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีความเหมาะสมแลสอดคล้องกับสถานการณ์ของบ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเห็นควรยุบสภาผู้แทนราษฎรและจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งท่วไป ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองให้แก่ประชาชน และให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง
3. รัฐบาลได้หารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว และมีความเห็นร่วมกันว่าสมควรกำหนดวันเลือกตั้งเป็นการทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2554
4. เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรแล้ว รัฐมนตรีทั้งคณะย่อมพ้นจากตำแหน่งไปด้วย แต่จำเป็นต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 181 กำหนดไว้ เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศและบริหารราชการแผ่นดินในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะได้สั่งการให้ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ตามปกติและให้ระมัดระวังที่จะไม่กระทำการใดอันจะทำให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นไปโดยไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรม
5. ขอให้ประชาชนทั้งหลายให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2554 ด้วยการทำหน้าที่และใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยความตื่นตัวและรอบคอบ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมที่สุดซึ่งจะเป็นการแสดงเจตจำนงทางการเมืองอันเป็นการตัดสินความขัดแย้งอย่างชัดเจน ที่จะส่งผลให้ปัญหาและความขัดแย้งทางการเมืองทั้งปวงยุติลงได้โดยสันติตามวิถีทางรัฐธรรมนูญและการปกครองในระบอบ