“ประพันธ์” ถึงบางอ้อ!! ผบ.ทบ.ดี๊ด๊าได้งบฯ ซื้อรถถังยูเครน หวังฟอกความผิดให้นายเก่าอย่าง “อนุพงษ์” ที่ยังเป็นคดีอยู่ใน สตง. สุดอึ้งย้อมแมวเอาเครื่องยนต์ของเรือใส่แทน เหน็บพูดโอเวอร์ซื้อแล้วคุ้มใช้ได้ 100 ปี ชี้อย่างเก่งแค่ปีเดียวก็เป็นเศษเหล็กแล้ว ท้าหากดีจริงดังคำอ้าง ช่วยเอารถถังยูเครนล็อตแรกออกมาวิ่งโชว์หน่อย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย นายประพันธ์ คูณมี
วันที่ 8 พ.ค. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวว่า บ้านเมืองเรามีความเป็นปึกแผ่น เป็นเอกราชจนถึงทุกวันนี้ เพราะมี 1.มีผู้นำที่ยิ่งใหญ่ พระมหากษัตริย์ที่เสียสละหลั่งเลือดพลีชีพปกป้องแผ่นดิน 2.มีทหารหรือกองทัพที่เข้มเข็ง และ 3.มีประชาชน ที่กล้าหาญเสียสละ ทั้งนี้ เมื่อบ้านเมืองเปลี่ยนเป็นการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยโดยมีประมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำให้นักการเมืองกลายเป็นผู้นำประเทศ มีแต่การแย่งชิงอำนาจ กอบโกยผลประโยชน์ มากกว่าจะทำเพื่อบ้านเมือง ตนสามารถพูดได้อย่างเต็มปากที่สถาบันกษัตริย์อยู่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้ก็ด้วย กองทัพและกำลังประชาชน นักการเมืองพึ่งไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะในยุคหลังนักการเมืองไม่ได้เป็นที่พึ่งของสถาบันและประชาชน เห็นได้จากก่อนหน้าพันธมิตรฯออกมาปกป้องสถาบันด้วยการไล่ระบอบทักษิณ วันนี้เราต้องลุกขึ้นมาทำหน้าที่ทั้งปกป้องสถาบัน ปกป้องแผ่นดิน และปกป้องผลประโยชน์ประชาชน ไว้ใจนักการเมืองไม่ได้เลย
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า ชักไว้ใจไม่ได้กับกองทัพปัจจุบันในการทำหน้าที่ปกป้องสถาบัน แผ่นดิน ทั้งนี้จากบรรดานักวิชาการ ผู้รู้ในการรบทั้งหลาย เขาดูการสู้รบระหว่างไทยกับเขมร พูดเป็นแนวทางเดียวกันว่าเข้าลักษณะเป็นการสมยอม มวยล้มต้มคนดู เมื่อหันมามองผู้นำเหล่าทัพอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก
เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านมติอนุมัติงบ 7.2 พันล้านบาท ให้กองทัพบกซื้อรถถังยูเครน เหตุใด ผบ.ทบ. ถึงได้ดีใจออกหน้า ให้สัมภาษณ์สอพลอนักการเมือง ทั้งที่ก่อนหน้าน้อยมากที่จะเห็นทหารสอพลอนักการเมือง ตนเลยตั้งข้อสังเกต จากอาการดูเหมือนมีความสุขกับนักการเมืองอย่างออกหน้าออกตาของพล.อ.ประยุทธ์ ติดตามเรื่องซื้อรถถังยูเครน พบว่าในดดีต ยุคคณะมนตรีความมั่นคง คมช. เคยมีการอนุมมัติประมูลซื้อรถถังยูเครนมาล็อตหนึ่งแล้ว ปรากฎว่า ส่อไปในทางทุจริต ประมูลผิดเงื่อนไข ซึ่งเรื่องยังเป็นคดีตกค้างอยู่ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำหรับคนที่เกียวข้อง คือยุค พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ต่อเนื่องถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อย่างไรก็ดี เมื่อ พล.อ.อนุพงษ์ จะพ้นจากตำแหน่ง ได้ฝากฝังให้ พล.อ.ประยุทธ์ รับไม้เคลียร์ต่อไม่ให้สืบสาวถึงอดีต ผบ.ทบ. ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุผลทำไม่ต้องจัดซื้อรถถังยูเครนอีกรอบ ตนเชื่อว่าหาก ป.ป.ช.เอาจริงจังกับเรื่องนี้ไม่แน่ อดีต ผบ.ทบ.อาจติดคุกตอนเกษียณก็ได้
“มาวันนี้ผมถึงได้เข้าใจ ลูกน้องเก่าเมื่อมาเป็น ผบ.ทบ. อยากกลบเรื่องเก่าของนาย เพื่อให้สมข้ออ้างรถพังยูเครนมีประสิทธิภาพ ทหารทดลองใช้แล้วดี แต่ในความเป็นจริงยังไม่เคยเห็นเอารถถังล็อตแรกมาวิ่งให้ประชาชนดูเลย เพราะมันวิ่งไม่ได้ ยังไม่เคยมีใครเห็นว่ารถถังยูเครนอยู่ที่ไหน หากมันวิ่งได้ให้เอามาวิ่งให้ประชาชนดูหน่อย”
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ตนไปติดตามข้อมูลรถถังยูเครนที่จะซื้อ ปรากฏว่ารถถังรุ่นนี้เขาเลิกผลิตแล้ว เครื่องยนต์เดิมเป็นของเยอรมนี ซึ่งตอนนี้เยอรมนีก็ไม่ได้ผลิตแล้ว นอกจากนี้เขายังไม่อนุญาติให้ใช้ลิขสิทธิ์เอาเครื่องยนต์ไปใช้กับรถถังรุ่นนี้อีกต่างหาก เมื่อเป็นเช่นนี้ คนขายก็เลยไปเอาเครื่องยนต์ของเรือมาใส่แทน ติดเครื่องทีเสียงดังหูแทบแตก หากนึกภาพไม่ออกก็เสียงดังเท่ากับเรือหางยาวนั่นแหละ ส่วนที่ต้องเอาเครื่องเรือมาใส่ รู้สึกว่าคนที่เป็นต้นคิดนามสกุลเดียวกับคนที่เป็นทหารเรืออยู่กระทรวงตรงข้ามวัดพระแก้ว ที่เอาเรื่องนี้มาพูด ก็อยากขอความกรุณาท่านแม่ทัพ หากบอกว่ารถถังยูเครนมีประสิทธิภาพ ก็ช่วยเอามาวิ่ง ยิง ให้สื่อมวลชนดูหน่อย แล้วเปิดเครื่องพิสูจน์ด้วยว่าที่ตนพูดเป็นเครื่องของเรือจริงหรือไม่
เรื่องการอนุมัติจัดซื้ออาวุูธ ผบ.ทบ.ควรทำให้ได้อาวุธที่ดีหน่อย ท่านคุยซื้อรถถังยูเครนคุ้มจริงๆ ใช้ได้ถึง 100 ปี ตนว่ามันเวอร์ไป อย่างเก่งแค่ปีเดียวก็เป็นเศษเหล็กแล้ว น่าเศร้าใจกองทัพ หากมีผู้นำเป็นแบบนี้ บ้านเมืองจะหันหน้าไปทางไหน องค์กรต่างๆ ที่เคยพึ่งพาเป็นเสาหลักให้บ้านเมือง เริ่มหาความไว้วางใจได้ลำบาก
นายประพันธ์กล่าวว่า ถ้าไม่มีการปฏิรูปบ้านเมือง ยากที่ประเทศจะเดินต่อไปได้ สถาบันต่างๆกำลังอยู่ในสถานะผุกร่อน ในทุกองค์กร เต็มไปด้วยปัญหาในตัวองค์กรเอง ไม่ว่าจะสถาบันทหาร ศาล องค์กรอิสระ สื่อมวลชน นักวิชาการ ล้วนเป็นปัญหา ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายต้องหันมาฟื้นฟูบ้านเมืองใหม่ การเลือกตั้งไม่ใช่ทางออกให้ประชาชน หากไม่ล้างความสกปรกในบ้านเมืองออกไปเสียก่อน
คำต่อคำ
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน และกราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องทางบ้านและที่รับชมอยู่ต่างประเทศทุกท่าน วันนี้ก็กลับมาพบกับพ่อแม่พี่น้องอีกเช่นเคย ไปไหนไม่ได้ครับ จนกว่าเราจะหยุดการชุมนุม ภารกิจของเรายังไม่เสร็จสิ้น เราก็สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันจนกว่าจะรู้ผลการประชุมมรดกโลก ใช่มั้ยครับ
เมื่อเป็นดั่งนี้ เราก็ต้องมีเวลาที่มาพบกันทุกวัน มาเติมเต็มความรู้ และมาติดตามข้อมูลข่าวสารและสถานการณ์ความคืบหน้า ขณะเดียวกัน การอยู่และการชุมนุมของพวกเราที่นี่ก็จะเป็นพลังที่สำคัญในการร่วมกันปกป้องแผ่นดิน และเฝ้าติดตามการทำหน้าที่ของรัฐบาล แม้ว่าเป็นรัฐบาลรักษาการ แต่เราก็ไว้ใจคนผู้นี้ไม่ได้เลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่เกี่ยวกับเอกราชและอธิปไตยนั้น รัฐบาลนายอภิสิทธิ์มักจะทำเรื่องอะไรแปลกประหลาด พิกล อัปลักษณ์ อัปยศ และก็ทำในสิ่งที่เราคาดไม่ถึง นั่นก็คือเลวจนกูงงนั่นเองครับ
เพราะฉะนั้นการอนุมัติโครงการก็ดี การไปประชุมที่อินโดนีเซีย เราก็ยังต้องเฝ้าติดตาม เพราะไม่แน่ใจว่านายอภิสิทธิ์จะไปตกลงอะไรที่ทำให้ประเทศเสียเปรียบ และเสียเอกราช อธิปไตยหรือไม่ ไว้ใจไม่ได้เลย คบเด็กสร้างบ้านมันก็เป็นอย่างนี้ล่ะพี่น้องเอ๋ย
พี่น้องครับ ก่อนจะพูดคุยกันถึงเรื่องอื่นๆ วันนี้ก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง ซึ่งก็อยากจะอ่านให้พ่อแม่พี่น้องได้รับฟังไปเสียก่อน เพราะว่าเป็นจดหมายฉบับสำคัญจากคุณยายท่านหนึ่ง ซึ่งท่านเป็นผู้ที่มีความรักความห่วงใยต่อประเทศชาติบ้านเมือง และมีความรักความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชน พันธมิตรฯ ASTV และพี่น้องทุกคนที่มาร่วมชุมนุมภายใต้การนำของคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรที่นี่ ท่านเป็นผู้มีจิตใจเสียสละ และเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสนับสนุนการทำความดี การทำเพื่อชาติบ้านเมืองของพวกเราอย่างถึงที่สุด คุณยายท่านนี้ก็คือคุณยายละไม ชลานันท์ หรือ เจ๊เนี้ยบ พันธมิตรฯ แท้ๆ ที่ อ.พยุหคีรี จ.นครสวรรค์
ท่านเขียนจดหมายมาถึงผม และส่งใบเสร็จมาด้วย ใบเสร็จและจดหมาย นี่ก็เป็นใบเสร็จของพรรคการเมืองใหม่ นี่เป็นจดหมายของคุณยาย ฟังสักนิดนะครับ ว่าเนื้อหาท่านเขียนมาว่าอย่างไร
ท่านเขียนว่า สวัสดีจ้ะ คุณสนธิ คุณประพันธ์ คุณชัช และแกนนำรุ่น 1 ที่เหลือ 4 ท่าน และรุ่น 2 และวิทยากรที่มาให้ความรู้ทุกท่าน และพันธมิตรฯ แท้ๆ ทุกท่าน รวมถึงพนักงาน นักข่าว สื่อมวลชนของ ASTV ทุกท่าน ขอได้โปรดรับการกราบคารวะจากคุณยายละไม เจ๊เนี้ยบ ด้วยใจจริง ไม่มีคำใดที่จะกล่าวได้เหนือกว่าคำๆ นี้ คุณยายไม่มีการศึกษา พูดไม่เก่ง คุณยายมีเชื้อสายจีนแท้ๆ แต่คุณยายก็เกิดในประเทศไทย คุณยายรักประเทศไทย คุณยายดูทีวีทุกช่อง ทุกช่องดูแล้วไม่รักประเทศตัวเองเลย ถ้าไม่มีทีวีช่อง ASTV และทุกท่านที่คุณยายกล่าวมานี้ ป่านนี้ไม่รู้ประเทศไทยไม่รู้จะเป็นอะไรไปแล้ว และเป็นสื่อช่องเดียวที่ให้ปัญญาและให้ความรู้แก่คนไทยที่รักความจริง และเป็นสื่อช่องเดียวที่พูดได้เต็มปากว่ารักประเทศไทย สมแล้วที่พันธมิตรฯ ทุกท่าน ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ของประเทศไทย ไม่ใช่คำว่าเป็นคนของประเทศไทย คำว่า "คน" คำนี้ควรใช้กับพวกนักการเมืองเลวๆ พวกฉ้อโกงประเทศ พวกมีกิเลสหนา ไม่มีรู้อะไรผิด อะไรถูก ขอให้กรรมเวรชาตินี้สนองคนพวกนี้เทอญ
ปล. คุณยายส่งใบเสร็จที่จ่ายให้พรรคการเมือง ฝากให้คุณสมศักดิ์ด้วย
ฝากผ่านผมไปให้คุณสมศักดิ์ คุณยายบริจาค 100,000 บาท คุณยายก็ส่งใบเสร็จมาด้วย ตอนที่บริจาคให้พรรคการเมืองใหม่ ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2552 คุณยายก็บอกว่า
ฝากให้คุณสมศักดิ์ด้วย คุณยายบริจาคเพราะเห็นแก่คุณสนธิ และพันธมิตรฯ แท้ๆ ไม่ได้เห็นแก่พรรคการเมืองใหม่ ขอคืนใบเสร็จ คืนเงินได้ไหม ถ้าได้คืน มอบให้คุณลุงจำลองนำไปเลี้ยงสุนัข (หมา) เสียความรู้สึกเหลือเกิน สมแล้วที่มีจิตใจต่ำเหมือนกับบุคลิกรูปร่างของตัวเอง นี่คุณยายเขียนมานะ ไม่ใช่ผมพูดเอง
มี ปล.ซ้อน ปล.มาอีกนะ คุณยายยังมี ปล.มาอีกรอบหนึ่ง ปล.นี่แปลว่าปัจฉิมลิขิตนะ ถ้าเป็นจดหมายอีกฉบับหนึ่งอ่านแล้วจะตลก ผมไม่เล่าดีกว่า ปล.คุณยายละไม (เจ๊เนี้ยบ) ขอบริจาคเงิน คราวนี้เงินจริงๆ นะ ไม่ใช่เฉพาะใบเสร็จ ใบเสร็จนี่บอกให้เราไปทวงเอาคืนมา แล้วเอาไปให้ลุงจำลองเลี้ยงหมา แต่ว่านอกจากส่งใบเสร็จมาแล้ว คุณยายส่งเงินมาด้วยครับ บริจาคเงินที่สะสมด้วยศรัทธา ด้วยใจที่ศรัทธา เป็นเงินที่คุณยายสะสมไว้ ก็บริจาคมาด้วยใจที่ศรัทธา และเป็นกำลังใจให้พันธมิตรฯ แท้ๆ ผ่านให้คุณประพันธ์ คือผ่านผมไปเฉยๆ นะครับ ไม่ได้อยู่ในกระเป๋าผมนะครับ ผ่านไปแล้วครับตอนนี้ ผ่านไปจริงๆ ผ่านคุณประพันธ์มอบให้ 1. ASTV 100,000 บาท 2. โรงครัวพลังธรรม (สันติอโศก) 10,000 บาท 3. โรงครัวพันธมิตรฯ 10,000 บาท 4. ให้ทุนนักเรียนคุณพิภพ ธงไชย 10,000 บาท รวมแล้วเป็น 130,000 บาท ปรบมือให้คุณยายละไมด้วยนะครับ
คุณยายละไมเป็นพันธมิตรฯ หน้าจอทีวี เปิดตั้งแต่ เวลาทำการของคุณยายนะ 6 โมงเช้า ถึงตี 2 ทุกวัน ขอเป็นกำลังใจให้พันธมิตรฯ พันธุ์แท้ๆ ทุกท่าน สู้ๆๆ รักพวกคุณจริงๆ
โอ้โห สำนวนคุณยายนี่สุดยอดเลย คุณยายละไม ชลานันท์ (เจ๊เนี้ยบ) ปรบมือให้คุณยายอีกครั้งหนึ่งด้วยครับ
นี่ก็เป็นจดหมายคุณยายที่บริจาคเงินผ่านผมมา ส่วนอันนี้สงสัยต้องให้ใครที่มีหน้าที่ทวงหนี้ ไปทวงเอาคืนแล้วกัน ซึ่งไม่รู้จะได้หรือเปล่า แต่ก็สะท้อนว่า คุณยายศรัทธาพันธมิตรฯ ศรัทธาคุณสนธิ และพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ ศรัทธาคุณลุงจำลอง จึงบริจาคและสนับสนุน วันนี้ก็บริจาคมาอีกด้วยเงินที่สะสมของตัวเอง ก็ขอให้คุณยายมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง อยู่เป็นกำลังสำคัญกับลูกหลานเพื่อต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองต่อไปด้วยครับ
พี่น้องครับ เมื่อวานนี้ ผมก็ได้คุยกับพ่อแม่พี่น้องไปในเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องของบ้านเมือง เรื่องของการเมือง ทำไมผมจึงนำเรื่องเหล่านี้มาพูดคุย ก็เพราะว่าสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้มันอยู่ในระยะเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ ถ้าแม้นจะมีเลือกตั้ง ความคิด สติปัญญาของพวกเราก็จะได้แจ่มชัด เป็นเอกภาพ จะได้มีหลักในการไปพินิจพิจารณาปัญหาต่างๆ ว่าถ้าเราจะตัดสินใจเลือกหรือลงคะแนนอย่างไรนั้น เราจะได้นำหลักที่ถูกต้องไปคิดไปพิจารณา จะเห็นได้ว่าเมื่อวานนี้ผมพูดไปแล้ว ก็จะเห็นว่าการเมืองของบ้านเรานั้น การเมืองในที่นี้หมายถึงนักการเมือง พรรคการเมือง ผู้นำประเทศ ผู้ที่ใช้อำนาจทางการเมืองในขณะนี้ มันใช้ไม่ได้ มันปราศจากความรู้ความสามารถ ไร้สิ้นซึ่งคุณธรรม ความซื่อสัตย์ ไม่มีความดีงามอันเป็นคุณลักษณะที่จะพาชาติบ้านเมืองไปสู่ความเจริญได้เลย แม้แต่คนเดียว จึงเป็นที่มาของเรื่องที่เราจะต้องโหวตโน และลงคะแนนไม่เลือกใครนั่นเอง
ทีนี้ ผมก็ติดค้างว่า แล้วเมื่อนักการเมือง พรรคการเมือง มันพึ่งไม่ได้ ปัญหาก็คือ ที่ผ่านมาถ้านักการเมือง พรรคการเมือง มันพึ่งไม่ได้ ก็ยังมีอีกสถาบันหนึ่งที่เราพึ่งได้ตลอดมา นั่นก็คือสถาบันกองทัพ และทหาร ใช่มั้ยครับ ถ้าจะว่าไปแล้ว พี่น้องครับ บ้านเมืองที่อยู่รอดปลอดภัยมา มีความเป็นปึกแผ่น มีความเป็นประเทศ มีความเป็นเอกราช ไม่เป็นประเทศราชเมืองขึ้นของใครมานั้น ปัจจัยสำคัญมีอยู่ 3 ประการ 1. เรามีผู้นำที่ยิ่งใหญ่ มีพระมหากษัตริย์ บูรพมหากษัตริย์ที่เสียสละ หลั่งเลือดพลีชีพต่อสู้ปกป้องเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน นั่นก็คือบรรพบุรุษของเราที่เราร้องและเปิดให้กันฟังทุกเช้า เพลงต้นตระกูลไทย นั่นล่ะครับ นี่คือปัจจัยสำคัญอันที่ 1 คือผู้นำ คือบรรพบุรุษ คือวีรบุรุษ ของชาติของเรา ที่ได้ต่อสู้ปกป้องชาติบ้านเมืองมาให้เรา
อันที่ 2 ก็คือเรามีทหาร เรามีกองทัพ ที่เข้มแข็ง เกรียงไกร สู้รบพลีชีพปกป้องชาติบ้านเมืองมา สถาบันกองทัพจึงเป็นสถาบันที่ปกป้องชาติบ้านเมือง ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และปกป้องชาติ แผ่นดิน มาโดยตลอด สู้รบกับอริราชศัตรู ก็โดยกองทัพ โดยกำลังทหารของประเทศของเรา แต่ละยุคแต่ละสมัย นี่เป็นสถาบันและเป็นกำลัง และเป็นปัจจัยที่ 2 ที่ผมอยากจะพูดถึง คือกองทัพ และกองทหาร ต้องปรบมือให้ทหารและกองทัพเขาแล้วกันครับ
แต่อันที่ 3 ที่ขาดไม่ได้ ก็คือเรามีประชาชน มีพลเมือง ที่เข้มแข็งและกล้าหาญ เสียสละ มีผู้นำ มีพระมหากษัตริย์ มีกองทัพ และมีประชาชน 3 ส่วนนี้ล่ะครับคือสิ่งที่รักษาชาติบ้านเมืองมาจนทุกวันนี้
ทีนี้ มาถึงวันนี้เมื่อบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข บทบาทของผู้นำ จากที่เรามีพระมหากษัตริย์เป็นผู้นำในยุคเดิม ก็กลายมาเป็นนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง มาเป็นผู้นำประเทศ ผมกล่าวได้โดยเต็มปากเลยครับ ตั้งแต่เรามีนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง มาเป็นผู้นำ และเป็นผู้ปกครองประเทศ บ้านเมืองของเรานั้นมีแต่ปัญหา มีแต่ความสับสนวุ่นวาย มีแต่การโกง การทุจริต การแย่งชิงอำนาจเพื่อตนเองและพวกพ้อง มากกว่าจะทำเพื่อชาติบ้านเมืองครับ
และสถาบันพระมหากษัตริย์ที่อยู่รอดมาได้จนเท่าทุกวันนี้ จะว่าไปแล้วก็พึ่ง 2 องค์กรที่สำคัญ คือกองทัพ และกำลังของพี่น้องประชาชนเท่านั้น เป็นสำคัญ นักการเมืองพึ่งไม่ค่อยได้ครับ ผมกล้าพูดได้เต็มปาก น้อยครับที่จะมีนักการเมืองที่สร้าง รักชาติ รักแผ่นดิน หวงแหนเอกราช อธิปไตย รักประชาชน รักสถาบัน รักประโยชน์ของส่วนรวม ส่วนใหญ่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมามีอำนาจแล้วก็กอบโกย โกงกิน หาประโยชน์เพื่อพรรคพวกตนเองเป็นส่วนใหญ่ครับ
แม้กระทั่งมาในยุคหลังนี้ นักการเมืองก็ไม่ได้เป็นที่พึ่งที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่ได้เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนเลย จนกระทั่งขณะนี้ วันนี้เรามาชุมนุมเพื่อปกป้องเอกราช อธิปไตย ก่อนหน้านี้เราออกมาสู้เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อสู้ขับไล่ระบอบทักษิณ แต่วันนี้เราต้องเผชิญทั้ง 2 เรื่องนะครับ 1. เราต้องมาต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2. เราต้องมาต่อสู้ปกป้องแผ่นดิน เอกราช และอธิปไตย 3. เราต้องมาต่อสู้ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ของประชาชน นั่นคือทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นสมบัติร่วมกันของประชาชน งบประมาณเงินทองที่เป็นภาษีของพี่น้องประชาชน ผลประโยชน์ของประชาชน เราก็ต้องเป็นคนมาต่อสู้มาปกป้องเอาเอง ไว้ใจให้นักการเมืองดูแลรักษาผลประโยชน์ของพวกเราไม่ได้เลยครับ
แต่ทีนี้สถานการณ์มาถึงวันนี้ ผมก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่า เมื่อหันมาดูกองทัพยุคปัจจุบัน จะเห็นได้ว่ากองทัพมันแตกต่างจากยุคก่อนๆ มาก สิ่งที่พวกเราอยากจะพึ่ง อยากจะหวัง ว่ากองทัพจะมาเป็นกำลังสำคัญในการปกป้องเอกราช ปกป้องแผ่นดิน และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ดูเหมือนว่ามันพึ่งไม่ค่อยได้สักเท่าไร และเป็นที่ไม่น่าไว้วางใจ
ผมฟังเวทีเมื่อเย็นนี้ ทีมนักวิชาการที่เป็นอดีตนายทหาร ทหารที่ผ่านการศึก การรบ ปกป้องเอกราชอธิปไตยมา ฟังนักวิชาการ นักกฎหมาย ท่านผู้พิพากษา ผู้รู้ทั้งหลาย เขาดูการสู้รบ การปะทะกันระหว่างกัมพูชากับไทย ดูเหมือนมันจะเป็นการรบกันในลักษณะสมรู้ร่วมคิดและสมยอม เป็นมวยล้มต้มพี่น้องประชาชน ดูเหมือนไม่ได้มีการสู้รบเพื่อจะปกป้องดินแดน เอกราช และอธิปไตยของเราอย่างแท้จริง นี่เป็นเรื่องที่เราเริ่มสงสัยแล้ว วันนี้ก็ต้องพูดถึงทหาร
ส่วนเมื่อเราจะหันมามองผู้นำเหล่าทัพ ผมมาเอะใจว่า เอ๊ะ ทำไมเมื่อ ครม.ผ่านมติให้อนุมัติงบประมาณ 7.2 พันล้านบาท ให้กองทัพบกจัดซื้อรถถังยูเครน ทำไม ผบ.ทบ.จึงออกมาให้สัมภาษณ์กระดี๊กระด๊า ชื่นชม ยกย่องนักการเมืองที่มีมติ ครม.อนุมัติงบประมาณให้ทหาร ทั้งๆ ที่ปกติทหารยุคก่อนๆ น้อยครับที่จะมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะสอพลอนักการเมือง ใช่มั้ยครับ น้อยครับ ไม่ค่อยมี
มายุคนี้มันแปลก ผมก็เลยตั้งข้อสังเกตว่า วันนี้ผู้นำเหล่าทัพ พล.อ.ประยุทธ์ ดูท่าทีเหมือนท่านจะมีความสุขกับการเมืองและนักการเมืองในขณะนี้อย่างออกหน้าออกตา และทำไมจึงขออนุมัติให้ซื้อรถถังยูเครน ทั้งๆ ที่ถ้าพี่น้องติดตามเรื่องนี้มาในอดีต ในยุคคณะมนตรีความมั่นคง ในเขตการปฏิวัติ 19 กันยาฯ หลังจากนั้น คมช. ในยุคนั้นเคยมีการอนุมัติประมูลซื้อรถถังยูเครนมาล็อตหนึ่งแล้ว และเรื่องนี้เป็นเรื่องเก่าที่ตกค้างอยู่ เพราะปรากฏว่าเมื่อมีการตรวจสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ปรากฏว่าการประมูลจัดซื้อจัดจ้างเรื่องนี้มีความไม่โปร่งใสและมีความไม่ชอบหลายประการ เรื่องยังตกค้างอยู่ที่ศาล และอยู่ที่ สตง.
คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ในการจัดซื้อรถถังยูเครนในยุคนั้น ก็คืออยู่ในยุค พล.อ.สนธิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และมาต่อเนื่องเต็มๆ ก็คือยุค พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ต้องติดแหง่ก ติดพันกับปัญหาเรื่องจัดซื้อรถถังยูเครนที่มีปัญหาว่าจะส่อไปในทางทุจริต ใครที่ติดตามเรื่องนี้ย่อมจะรู้ และก็ดูเหมือนว่า เมื่อ พล.อ.อนุพงษ์ จะพ้นจากตำแหน่งไป ไอ้ชนักติดหลังเรื่องนี้ล่ะครับ เป็นเรื่องหนึ่งที่เขาฝากฝังกันให้ พล.อ.ประยุทธ์ ช่วยรับไม้ และมาช่วยเคลียร์ และมาช่วยดูแลเรื่องนี้เพื่อไม่ให้เรื่องนี้ถูกสาวราวเรื่องไปถึงอดีต ผบ.ทบ.ที่พ้นตำแหน่งไปแล้ว คือ พล.อ.อนุพงษ์ ครับ
เพราะฉะนั้นวันนี้มันจึงเป็นที่มาว่าทำไมจึงมาซื้อรถถังยูเครนอีก ทั้งๆ ที่เรื่องเก่าก็ยังค้างอยู่ และมีปัญหาว่าส่อไปในทางทุจริต และผู้ที่ประมูลได้นั้นก็ประมูลโดยผิดเงื่อนไข เรื่องนี้ได้มีการชี้มูลความผิดแล้วครับ ผมก็เลยมาถึงบางอ้อ อ๋อ เช็กข้อมูลข่าวสารแล้ว เนื่องจากว่าลูกน้องเก่า เมื่อมาเป็น ผบ.ทบ.ก็อยากจะกลบเรื่องเก่าขอนายที่ทำเอาไว้ เพื่อจะให้สมข้ออ้างว่ารถถังยูเครนมันใช้ได้ มีประสิทธิภาพ ก็เลยซื้ออีกล็อตหนึ่ง เพื่อจะได้บอกว่าทหารทดลองใช้แล้ว มีประสิทธิภาพดี แต่โดยความเป็นจริงรถถังล็อตแรกที่ซื้อมานั้น ยังไม่เคยเอามาวิ่งให้ประชาชนเห็นเลยครับ เพราะมันวิ่งไม่ได้ มันไม่มีประสิทธิภาพ ถ้าแน่จริงเอามาวิ่งให้พี่น้องประชาชนดูสิครับ ล็อตแรกน่ะ รถถังล็อตแรกยังมีปัญหาอยู่ ยังไม่มีใครเคยเห็นเลยรถถังยูเครนอยู่ที่ไหน เอาส่งตัวอย่างมาคันหนึ่ง 2 คัน เวลานี้ยังวิ่งไม่ได้เลย
พอๆ กับสมัย พล.อ.ชวลิต ซื้อรถถัง ซื้อรถสะเทินน้ำสะเทินบก พอเอามาขับมาวิ่งแล้ว ปรากฏว่าพอวิ่งลงน้ำ ไปไม่ได้เลย ต้องใช้ไม้พายพายเอาครับ จนมีคำล้อเลียนกันในสมัยนั้นว่า ซื้อรถถัง รถสะเทินน้ำสะเทินบกจากจีน จีนเขาแถมไม้พายมาด้วย คือพอวิ่งลงน้ำแล้วมันไปไม่ได้ ตายแหง่ก ต้องเอาไม้พายค้ำถ่อ ก็เลยมีแถมถ่อกับไม้พายมาด้วย
ปัญหาเรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ละยุคสมัยที่มีผู้บัญชาการทหารบก มีปัญหามาโดยตลอดครับ ยุค พล.อ.ชวลิต ก็มีปัญหา ที่ซื้อปืนใหญ่ ยิงแล้วแตกใส่ทหารตายน่ะ ก็ยุค พล.อ.ชวลิต ซื้อรถมาแล้ววิ่งไม่ได้ ต้องแถมถ่อ ก็ยุค พล.อ.ชวลิต
ทีนี้ รถถังยูเครนมันมายุคของ พล.อ.อนุพงษ์ ตอนนี้ยังเป็นชนักติดหลังอยู่ ถ้าหากว่า ป.ป.ช.ชี้มูล มีการสืบสาวราวเรื่องเอาความผิดกันจริงๆ ไม่แน่ครับ อดีต ผบ.ทบ.อาจจะติดคุกตอนเกษียณก็ได้ครับ
ทีนี้เมื่อมาดูข้อมูล ผมมาดูข้อมูลว่าที่จะซื้ออีกที 60 กว่าคัน 7,200 ล้านนี่ ซื้อทำไม ก็ซื้อเพื่อจะได้มากลบเรื่องเก่าไงครับ จะได้บอกว่ารถถังยูเครนประสิทธิภาพดี ปรากฏว่าพอผมไปติดตามข้อมูลดูอีกทีหนึ่งว่า รถถังยูเครนที่จะซื้อล็อตใหม่นี้ ที่เขาเรียกว่า โอพ็อด มันเป็นยังไง ปรากฏว่าได้ข้อมูลมาแล้วครับ ไอ้ชุดนี้ที่จะซื้อ ไม่ได้ให้รายละเอียดที่ ครม.เลยครับ ปรากฏว่าขณะนี้รถถังรุ่นนี้มันเลิกผลิตแล้ว และเครื่องยนต์ที่ใช้เดิม เป็นเครื่องยนต์ของเยอรมนี ตอนนี้เยอรมนีเขาก็ไม่ได้ผลิตแล้ว และ 2 เขาไม่อนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ให้ใช้เครื่องยนต์ของเยอรมนีเอาไปใช้กับรถถังรุ่นนี้ คนที่จะเอามาขายทำยังไงครับ ปรากฏว่า มันไม่มีเครื่องยนต์จากประเทศเยอรมนี ก็เลยไปเอาเครื่อง พี่น้องนึกออกมั้ยครับว่า ระหว่างเครื่องยนต์รถยนต์ กับเครื่องยนต์ที่ใช้กับเรือ มันคนละประเภทกัน เขาก็เลยไปเอาเครื่องยนต์เรือมาใส่รถถังรุ่นที่ ผบ.ทบ.ดีใจกระดี๊กระด๊ากำลังจะซื้ออยู่นี่ล่ะครับ ไม่เชื่อเอามาวิ่งให้ผมดูสิ นี่มันเป็นเครื่องเรือ มันไม่ใช่เครื่องยนต์
แล้วปรากฏ เครื่องเรือนี่ ถ้าเป็นเครื่องรถถัง ลูกสูบมันจะเป็นแนวตั้ง แต่ว่าไอ้นี่เอาเครื่องเรือมาใส่ เครื่องมันเป็นแนวนอน เวลามันติดเครื่องยนต์ขึ้น ดังฉิบหายวายวอดเลยครับ หนวกหูจนหูจะแตก
ไอ้คนขับรถถังที่อยู่ในนั้น เขาบอกว่ารุ่นนี้มันดังมาก เพราะมันเป็นเครื่องเรือ พี่น้องเห็นเครื่องเรือหางยาวเวลามันวิ่งมั้ย ดังๆ นั่นล่ะ ดังอย่างนั้น ไอ้คนที่ขับรถถังอยู่ข้างในหูแตก ต้องแถมที่อุดรูหูมาด้วย
แล้วทราบว่าทำไมไปเอาเครื่องเรือมาใส่ เขาก็ไปสืบมาแล้ว ปรากฏว่า คนที่เป็นต้นคิดนี้ รู้สึกจะนามสกุลเดียวกับคนที่อยู่กระทรวงแถวตรงข้ามวัดพระแก้ว ที่มีปืนใหญ่อยู่ข้างหน้าน่ะ เป็นทหารเรือ ไม่รู้เป็นพี่เป็นน้องกันอีท่าไหน แล้วไอ้ปืนที่เอามายิงนี่ก็เป็นปืนที่เขาบอกว่ากว่าจะยิงได้ มันสั่นเหมือนผีเข้าเลยครับ หาเป้าหมายแทบจะไม่เจอเลย
ผมเอาเรื่องนี้มาพูดเพื่ออะไร เพื่อจะขอความกรุณาท่านแม่ทัพว่า ถ้าท่านคิดว่ารถถังยูเครนมันมีประสิทธิภาพดีนะ เอามาวิ่ง มาโชว์แสนยานุภาพ ที่ลานพระรูป หรือเอามาวิ่งล้อมทำเนียบฯ ให้พวกเราดูหน่อยได้มั้ย ว่ามันวิ่งได้จริงหรือเปล่า แล้วเอามาทดสอบยิงให้สื่อมวลชน หรือพี่น้องประชาชน พวกเราไปดูหน่อยซิว่ามันเป็นเครื่องเรือจริงอย่างที่นายประพันธ์พูดหรือเปล่า
อ้าว ที่ผมเอามาพูดนี่ไม่ได้อะไรนะครับ เป็นแต่เพียงอยากจะติงอยากจะเตือนท่าน ผบ.ทบ.ว่า เรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์นี่นะ ท่านควรจะทำให้มันได้อาวุธที่มีประสิทธิภาพดีหน่อย วันนี้ท่านมาคุยว่า ที่ ครม.อนุมัติให้ซื้อรถถัง ขณะนี้รวมแล้ว ตามข่าวเขาบอกจะอนุมัติถึง 200 คันนะ แต่ซื้อล็อตแรก 7 พันกว่าล้าน ประมาณ 60 กว่าคัน 60 กว่าคันนี่มัน 7,200 ล้าน ท่านบอกว่า ผบ.ทบ.คุยว่าซื้อรถถังยูเครนคุ้มจริงๆ ใช้ได้กว่า 100 ปีครับ โห ผมว่าเว่อร์ไปมั้งท่าน มันไม่ถึงปีมันก็เป็นเศษเหล็กแล้ว มันจะถึง 100 ปีได้ยังไง
เพราะฉะนั้นวันนี้ เรื่องของทหาร เรื่องของกองทัพ เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ น่ากังวลใจว่า กองทัพในอดีตกับกองทัพในปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่ามันจะพึ่งลำบากเสียแล้ว ถ้า ผบ.ทบ. ผู้นำเหล่าทัพ เป็นแบบนี้ และดูเหมือนว่าท่านจะมีความสุขกับการที่ได้อี๋อ๋อกับรัฐมนตรีฯ กลาโหม กับอดีต ผบ.ทบ. รัฐมนตรีฯ กลาโหมจะเอายังไง ท่าน ผบ.ทบ.สนองอย่างเต็มที่สุดลิ่มทิ่มประตู เอาใจนาย ใช่ครับท่าน ถูกครับนาย เอาตามใจนายทุกอย่างเลยครับ
ผมถึงบอกว่าปัญหาของกองทัพเวลานี้ จะพึ่งได้หรือไม่นั้น เป็นปัญหาอีกแล้วครับ วันนี้บ้านเมืองหันไปทางไหน ก็ดูเหมือนว่าองค์กรต่างๆ ที่เราเคยพึ่งพาและเป็นเสาหลักให้กับชาติบ้านเมืองนั้น ดูเหมือนมันจะหาความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนลำบากเหลือเกินครับ ถ้าเรามีผู้นำเหล่าทัพแบบนี้ ถ้ามีผู้นำเหล่าทัพอย่างนี้ ถามจริงๆ พี่น้องไว้วางใจมั้ยครับ มั่นใจมั้ย
เพราะฉะนั้นไอ้ที่คุยบอกสู้กับเขมรอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็เชื่อ แต่ว่าถ้าท่านมาหลงอยู่กับการเมืองแบบนี้ แล้วมาเพลิดเพลินจำเริญใจอยู่กับอาวุธยุทโธปกรณ์ พอมาถึงยุคใครเป็น ผบ.ทบ.ก็อนุมัติโครงการจัดซื้ออาวุธกันเป็นว่าเล่น สนุกสนานอยู่กับการจัดซื้ออาวุธ และก็ไม่ทราบว่ามีใครร่ำรวยจากค่าคอมมิชชั่นในการจัดซื้อแต่ละครั้งบ้าง ซึ่งเชื่อแน่ว่ามันมีแน่นอน ใช่มั้ยครับ
ผมก็เลย เอ มันจะพึ่งทหารจะไปพึ่งทีไหน พี่น้องครับ ผมก็เลยมาดูในเว็บไซต์อีกอันหนึ่ง มาเห็นเว็บไซต์ของนายทหาร นี่เป็นนายทหารหนุ่ม เป็นพวกรุ่นใหม่ เป็นพวกยังเติร์ก ถ้ารุ่นเก่าชักไม่แน่ใจแล้ว เพราะตอนนี้กำลังหลงเสน่ห์การเมือง หลงเสน่ห์ที่นักการเมืองปรนเปรอจัดอนุมัติงบประมาณให้ ก็เลยหลงลืมภาระหน้าที่ จนการสู้รบ การปกป้องดินแดน เอกราช อธิปไตยนั้น เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงและไม่อาจไว้วางใจได้เลย
แต่ก็ยังดีครับ ผมได้เข้าไปดูในเว็บไซต์ของ พ.อ.สุทัศน์ จารุมณี ซึ่งท่านก็เป็นรอง ผบ.พล กองกำลังนเรศวร เป็นรอง ผบ.พล ร.4 รองผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร และดูเหมือนว่าจะได้รับการวางตัวให้เป็น ผบ.ร.7 ที่จะตั้งขึ้นใหม่ที่ จ.เชียงใหม่ เป็นกองพลที่จะตั้งขึ้นมาใหม่
มาดูนายทหาร ความคิดของนายทหารอีกปีกหนึ่ง ปรากฏ ท่านลองฟังดูนะครับว่าเราพอ
จะพึ่งหวังได้มั้ย มันมีวาทะของ พ.อ.สุทัศน์ จารุมณี รอง ผบ.พล.ร.4 ท่านพูดไว้อย่างนี้ว่า ทหารคือหน่วยงานความมั่นคงของประเทศชาติ มิใช่กรรมกรท้ายแถวที่จะต้องตามไปใช้แรงงานในการแก้ไขปัญหา ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ทหารเป็นผู้มีความคิดริเริ่ม วิเคราะห์ และแก้ไขสถานการณ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขของประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชนทุกหมู่เหล่า ถ้าพูดอย่างนี้ก็พอชื่นใจได้ครับพี่น้อง
แสดงว่าทหารรุ่นใหม่ กับทหารรุ่นเก่า ความคิดต่างกันมาก พ.อ.สุทัศน์ จารุมณี ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นลูกชายของ พล.อ.ประยุทธ์ จารุมณี อดีตผู้บัญชาการทหารบก อายุอานามน่าจะไม่ถึง 50 ขณะนี้ หรือ 50 ก็คงไม่มาก หรือจะ 48, 47 อะไรแถวนี้
คำพูดของท่าน ท่านบอกว่า ทหารคือหน่วยความมั่นคงของประเทศชาติ มิใช่กรรมกรท้ายแถว อันนี้มันเท่ากับตบหน้ารัฐบาลใช่มั้ยครับ เวลามีปัญหาอะไรก็เอาทหารไปใช้แรงงานอย่างกับเป็นกรรมกรท้ายแถว หน่วยงานที่รับผิดชอบไม่เคยทำงานรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองเองเลย
และที่สำคัญ ทหารต้องมีความคิดริเริ่ม วิเคราะห์ แก้ไขสถานการณ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขของประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชนทุกหมู่เหล่า ถ้าเอาตามแนวคิดนี้ หันมาดูแนวคิดของผู้บัญชาการทหารบกตอนนี้ ผมว่าคนละโลก คนละเรื่องเลย ดีใจกระดี๊กระด๊ากับการได้ซื้ออาวุธอย่างเดียว ทหารเขมรจะมายึดปราสาทพระวิหาร จะอยู่นานเท่าไร กูก็เฉยครับ ฮุน เซน ไปประกาศที่อินโดนีเซียว่าไม่ยอมออกจากดินแดนบริเวณรอบปราสาทพระวิหาร จะทำไม แถมยังด่าว่าไทยรุกรานประเทศอีก บอกว่าทหารเป็นฝ่ายรุกรานเขาอีกต่างหาก ก็เฉย อย่างนี้ไม่ไหวแล้ว
ทีนี้ อีกความคิดหนึ่งท่านบอกว่า ท่านพูดถึงประชาชน นายทหารคนนี้พูดถึงประชาชน ผมคิดว่าน่าสนใจ ถ้ามีทหารมีแนวคิดแบบนี้เราก็น่าจะอุ่นใจได้ เขาบอกว่าคนไทยควรตั้งสติให้มั่น อย่าทำตัวเป็นแค่ประชาชนแล้วสำคัญตนผิด เรียกร้องแต่สิทธิ์คิดเอาแต่ได้ แต่ต้องเป็นพลเมือง พลเมืองคือ พละกำลังเพื่อการบำรุงรักษาและแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เอ้อ อย่างนี้ใช้ได้ ไม่ใช่เป็นประชาชนแล้วจะเรียกร้องเอาแต่ประโยชน์เอาแต่สิทธิ์ของตัวเอง ต้องเป็นกำลังสำคัญในการบำรุงบ้านเมือง รักษาบ้านเมือง เรามาอยู่ที่นี่ เราก็น่าจะอยู่ในข่ายเป็นพลเมืองได้ ใช่มั้ยครับ
เพราะเรามานี่ เราไม่ได้มาเรียกร้องเอาอะไรเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวเราเลย เราต้องการปกป้องรักษาแผ่นดิน รักษาบ้านเมือง ให้ประเทศเป็นเอกราช และปลอดพ้นจากการรุกรานของอริราชศัตรู ให้รัฐบาลทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน
แล้วท่านยังพูดต่อไป อันนี้เจ็บ ทรราชและการเมืองเลว อาจฉ้อฉลและแอบอ้างประชาชนได้ แต่ไม่สามารถทำได้กับพลเมือง เห็นมั้ยครับพี่น้อง ฟังแล้วเข้าใจมั้ย นั่นหมายความว่า พวกทรราช นักการเมืองที่ขายชาติปล้นชาติกินเมือง และนักการเมืองเลว อาจฉ้อฉลและแอบอ้างประชาชนได้ นั่นหมายความว่าถ้าเป็นประชาชนที่ไม่เอาธุระกับปัญหาของบ้านเมือง ไม่ใส่ใจต่อปัญหาของบ้านเมือง ก็อาจจะถูกนักการเมืองเลว และทรราช แอบอ้างเพื่อเป็นบันไดไต่และเหยียบขึ้นไปสู่อำนาจได้ แต่เขาจะไม่สามารถอ้างกับพลเมือง พลเมืองก็คือคนที่เป็นพละกำลังของชาติบ้านเมืองอย่างพวกเรา มาอ้างเรา มาทำให้เราเป็นบันไดเพื่อเหยียบขึ้นไปสู่อำนาจ เราไม่ยอม เราถึงต้องโหวตโนไงครับ
เพราะฉะนั้นวาทะของท่านในประเด็นนี้ ผมคิดว่าถ้ามีทหารที่มีวาทะ มีความรู้ มีความเข้าใจปัญหาชาติบ้านเมืองอย่างนี้ บ้านเมืองมันก็ไม่ควรจะตกต่ำแบบนี้ แต่เนื่องจากผู้นำเหล่าทัพที่เป็นใหญ่และมีอำนาจอยู่ในขณะนี้ หาได้มีความคิดอย่างที่ผมพูดมานี้ไม่ มันจึงเป็นอย่างนี้
แล้วท่านยังให้ความสำคัญกับพลเมืองถึงขนาดไหน ท่านบอกว่า ล้านคะแนนเสียงของประชาชน ก็ไม่มีความหมายเท่า 1 คะแนนเสียงของพลเมือง อันนี้มีความหมายลึกซึ้งมากนะครับ นั่นหมายความว่า ต่อให้ประชาชนเป็นล้านๆ ถ้าประชาชนเหล่านั้นไม่มีพละกำลัง ไม่มีสติปัญญา ไม่เป็นกำลังของชาติของบ้านเมืองเพื่อบำรุงรักษาประเทศชาติบ้านเมืองแล้ว ล้านประชาชนมันก็ไม่เท่ากับ 1 พละกำลัง แต่นี่เรามีล้านล้านพละกำลัง มันก็ต้องมีความหมายยิ่งกว่านักการเมืองเลวและทรราช ใช่มั้ยครับ
ผมถึงบอกว่า ผมไม่ค่อยได้รู้จักทหารหนุ่มๆ เหล่านี้ แต่พอไปอ่านความคิดความอ่านแล้ว ปรากฏว่านักการทหารหนุ่มๆ รุ่นใหม่เหล่านี้ ดูเหมือนจะมีความคิดดีกว่านักการทหารรุ่นเก่าๆ ที่อยู่ในอำนาจและยึดกุมอำนาจอยู่ในขณะนี้
ผมก็ได้แต่ภาวนาว่า เมื่อไรทหารหนุ่มๆ ยังเติร์กเหล่านี้จะปลดทหารเก่าๆ ที่ดีใจแต่ค่าคอมมิชชั่นในการจัดซื้ออาวุธเสียที บ้านเมืองจะได้มีทหารที่มาบำรุงแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมือง
ทีนี้ นอกจากท่านมีวาทะตรงนี้แล้ว ท่านยังได้เขียนบทความไว้ ซึ่งน่าสนใจมาก บทความนี้เขารวมไว้อยู่ในหมวดนักเรียนนายร้อยลูกศิษย์ทูลกระหม่อมอาจารย์ เป็นบทความที่น่าอ่าน ซึ่งเป็นบทความจากนักเรียนนายร้อย อดีตนักเรียนนายร้อยที่เป็นลูกศิษย์ของทูล
กระหม่อมอาจารย์ อาจารย์ในที่นี้ก็น่าจะเป็นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ซึ่งบรรดานักเรียนนายร้อยเหล่านี้ ปัจจุบันนี้เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว ก็ออกไปรับราชการทหารในหน่วย ในกรมกองต่างๆ มีบทความดีๆ เยอะเลยครับ ผมถึงรู้ว่าทหารหนุ่มๆ ทหารดีๆ ที่มีความคิดก้าวหน้า เข้าใจปัญหาชาติ ปัญหาประชาธิปไตย ก็มีไม่น้อย ผมก็เลยมาอ่านดู ก็เลยอยากจะเอามาเล่าให้พี่น้องฟังว่า ทหารแบบไหนที่เราจะพึ่งได้ และทหารอย่างนี้เขาประกาศตัวเขาว่า เขาเป็นทหารอาชีพครับ พ.อ.สุทัศน์ จารุมณี และนายทหารอีกเยอะแยะในนี้
คำว่าทหารอาชีพ ก็เป็นคนละประเภทกับทหารการเมือง และทหารพาณิชย์ ทหารการเมืองก็ประเภทดีใจเนื้อเต้นเมื่อได้งบประมาณในการจัดซื้ออาวุธ พวกนี้คือทหารการเมือง
ทีนี้ พี่น้องครับ ผมอยากให้ท่านดูบทความของ พ.อ.สุทัศน์ จารุมณี อันนี้ต้องขออนุญาตท่านเอามาอ่านให้พี่น้องฟัง ท่านเขียนบทความชื่อเรื่อง ประชาวิบัติ ฟังดีๆ นะครับเรื่องนี้น่าคิด ท่านหยิบยก บทความเรื่องนี้หยิบยกเรื่องจากพระราชนิพนธ์มหาชนก มาเขียนเพื่อเปรีบเทียบกับเหตุการณ์และสถานการณ์การเมืองของบ้านเมืองในปัจจุบันนี้
ท่านเขียนว่าอย่างไรครับ ท่านเขียนว่า จากพระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก ซึ่งอันนี้พี่น้องได้ฟัง อ.ปานเทพ เทพมนตรี มาเล่าให้ฟังไปแล้วใช่มั้ยครับ พระมหาชนก เป็นพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จากพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ภาพของประชาชนที่รุมทึ้ง แย่งชิงทุกวิธีการ มุ่งจะเอาแต่ผลโดยไม่เห็นแก่ความวิบัติของต้นมะม่วงนั้น ไม่ต่างจากสถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ เดิมผู้ปกครองเป็นผู้เก็บและแบ่งปัน ต่อมาประชาชนเก็บกันเอง เก็บเอา ทึ้งเอา อย่างที่เห็น ชิงชังรังเกียจสิ่งที่เรียกว่าอำมาตยาธิปไตย แต่จิตใจกลับต่ำกว่าสิ่งที่พวกเขารังเกียจ
เราอยู่ในสังคมที่กำลังกัดกร่อนทำลายตัวเองอย่างรุนแรง ในอัตราเร่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ละคนคิดว่าต้องแข่งขัน แม้จะแข่งขันกันบนหายนะของบ้านเมือง ก็ไม่ยอมลดละ เมื่อประชาชนก็เด็ด นักการเมืองก็หัก รัฐบาลก็ทึ้ง โจรชั่วก็คิดโค่น แล้วต้นมะม่วงจะอยู่อย่างไร น่าละอายแก่มด ปลวก และแมลงทั้งหลาย ที่ฉลาดรู้วิธีหากินและรักษารวงรังมากกว่าผู้คนในบ้านเมืองนี้ จะเก็บมะม่วงเอง จิตใจต้องสูงพอที่จะรู้จักแบ่งปันผล และดูแลรักษาต้นให้ดี ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ที่สุด จึงจะเป็นการปกครองที่เลวน้อยที่สุด ก็แล้วประชาธิปไตยที่ยังเลวอยู่นี้ จะเป็นการปกครองที่ดีได้อย่างไร อย่าสร้างเงาปีศาจ เผด็จการ ปฏิวัติ รัฐประหาร หรืออำมาตยาธิปไตย ขึ้นมาหลอกตัวเองเลย ประชาวิบัติต่างหากที่ทำลายบ้านเมือง
อันนี้ไม่ธรรมดานะครับ แสดงว่านายทหารท่านนี้ท่านก็มองปัญหาเรื่องบ้านเมืองได้แหลมคมทีเดียว แล้ววรรคท้ายของบทความที่เป็นไฮไลท์นี้ ท่านบอกว่า ทหารเปรียบเหมือนพืชตระกูลถั่วที่ปลูกลงดิน หากเป็นถั่วที่ดี รากต้องช่วยบำรุงดิน เขาต้องให้ฝักถั่วเป็นอาหาร แต่หากเป็นถั่วที่ดีไม่ได้ ก็สมควรถูกไถกลบไปพร้อมกับวัชพืชเลวๆ ชนิดอื่นๆ ดังนั้น ทหารต้องไม่กลายพันธุ์ไปตามกระแสความโลภแบบประชาวิบัติ อย่าลืมกำพืดตัวเอง อย่าคิดว่าการกลายพันธุ์คือทางรอด ที่แท้คือการฆ่าตัวตาย
สรุปแล้วบทความนี้ของท่าน พ.อ.สุทัศน์ จารุมณี ได้ให้ข้อสติเตือนใจทั้งกับประชาชน และพูดถึงปัญหาสถานการณ์บ้านเมืองและการเมืองในปัจจุบันว่า เมื่อต้นมะม่วงให้ผล ทุกคนแย่งจะเอาแต่ผลมะม่วงจนกระทั่งทำลายต้นมะม่วงทิ้ง ไม่รู้จักบำรุงรักษา สุดท้ายมันก็ไม่มีต้นมะม่วงเหลือให้ออกดอกออกผลที่จะแบ่งปันกันกินอย่างทั่วถึง และรักษาต้นมะม่วงให้ออกดอกออกผลให้พี่น้องได้รับประทานแบ่งปันกันอย่างทั่วถึง และเป็นธรรม อย่างยาวนาน
เช่นเดียวกับวันนี้ สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลักของบ้านเมืองมายาวนาน เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับพี่น้องประชาชน ประชาชนผู้ทุกข์ยาก ประชาชนที่ทำมาหากินอยู่ในประเทศนี้ ได้ดี ทำมาหากินได้มีที่อยู่อาศัย ได้มีชีวิตที่อยู่ต่อเนื่องยืนยาวมา สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษมาถึงขณะนี้ ก็เพราะว่าเรามีสถาบันหลักที่เป็นหลักยึดเหนี่ยวของทุกคน
แต่ดูเหมือนวันนี้ทุกคนกำลังจะรุมทึ้งเอาแต่ผลประโยชน์ แล้วก็รุมทึ้งทำลายสถาบันหลักของบ้านเมือง ถ้าเป็นอย่างนี้บ้านเมืองก็คงจะอยู่ยาก ขณะเดียวกัน ก็ยังเตือนไปถึงรัฐบาลด้วย นักการเมืองด้วย ว่าถ้าจะบอกว่าระบอบประชาธิปไตยเป็นประชาธิปไตยที่เป็นระบอบที่เลวน้อยที่สุด แต่ถ้ายังมีนักการเมืองเลวๆ อยู่เยอะ ประชาธิปไตยมันก็เป็นระบอบการเมืองที่เลวน้อยที่สุดไม่ได้ เช่นเดียวกัน นายอภิสิทธิ์พยายามจะบอกว่าพรรคของเขา หรือระบอบการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ก็เลือกเขา ซึ่งเป็นคนที่เลวน้อยที่สุด แต่ความจริงแล้วยังหาไม่เจอเลยคนที่เลวน้อยที่สุด เพราะทั้งหมดที่เห็น มันมีแต่คนที่เลวมาก และก็เลวพอๆ กัน ใช่มั้ยครับ
ขณะเดียวกัน เพื่อความเป็นธรรม ท่านก็ยังเตือนไปถึงทหารด้วยกันด้วยว่า ทหารอย่ากลายพันธุ์ ต้องเป็นถั่วที่ดี ปลูกแล้วต้องบำรุงดิน นั่นคือเป็นหลักให้กับบ้านกับเมือง ให้กับแผ่นดิน ไม่ใช่กลายพันธุ์ไปตามกระแสความโลภแบบประชาวิบัติที่เห็นแก่ได้ มือใครยาวสาวได้สาวเอา ท้ายที่สุดมันก็จะเป็นการฆ่าตัวตาย ทำลายตัวเอง นั่นคือทำลายชาติ ทำลายประชาชน ทำลายกองทัพ และทำลายสถาบันหลักของบ้านเมืองนั่นเอง
นี่ก็เป็นส่วนหนึ่ง ความจริงแล้วในเว็บไซต์นี้มีบทความของนายทหารที่เป็นลูกศิษย์ของทูลกระหม่อมอาจารย์ เยอะมาก และเป็นบทความที่ดีๆ ของทหารหาญ ไม่ว่าเป็นบทความของ พ.ต. ดร.รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ พ.อ.อินทวัชร ลี้จินดา หรือว่า พ.อ.ธิบดี อัมพุนันทน์ พ.อ.สุขสันต์ บุญชิด เยอะมากครับ พ.ท.ภาส วงศ์สารภี เหล่านี้มีคนที่เขียนบทความลงในนี้ดีๆ มาก
เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้วพี่น้องครับ ทหารที่เป็นทหารอาชีพ และเป็นทหารที่ยึดมั่นในวิชาชีพและหน้าที่ของตนเองนั้น ไม่ยอมกลายพันธุ์ ไม่ยอมออกนอกแถวนั้น มีอยู่เยอะครับ แต่ว่าเมื่อไรทหารเหล่านี้จะออกมาแสดงบทบาทหน้าที่ในการร่วมกับพี่น้องประชาชนปกป้องชาติบ้านเมือง และบำรุงชาติ สร้างชาติร่วมกันเสียที เท่านั้นเอง
เรื่องราวของบทความในนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก อย่างบทความเรื่องของคุณขงเบ้ง คนเขาใช้นามปากกว่าขงเบ้ง นะครับ ก็เขียนไว้ดีมาก ซึ่งผมก็ไม่มีเวลาอ่าน มีเวลาก็จะเอามาอ่านมาฝากพี่น้องในแต่ละมุมแต่ละเรื่อง
ที่พูดเรื่องนี้มา เอ๊ะ คุณประพันธ์มาชวนพี่น้องคุยเรื่องนี้เพราะอะไร ก็อยากจะให้พี่น้องเข้าใจว่าวันนี้สถาบันต่างๆ ของชาติบ้านเมืองเรานั้น กำลังอยู่ในสถานะที่มันผุกร่อนลงไปทุกองค์กร ทุกวงการ พึ่งกันไม่ค่อยได้ เราจำเป็นเหลือเกินครับที่ประเทศไทยของเรานั้น ถ้าไม่มีการปฏิรูปบ้านเมือง จัดระเบียบประเทศไทยเสียใหม่แล้ว ยากที่ชาติบ้านเมืองของเราจะเดินไปข้างหน้าได้ เพราะทุกสถาบันวันนี้มันเต็มไปด้วยปัญหา และก็มีปัญหาโดยตัวขององค์กรและสถาบันไปหมด ไม่ว่าสถาบันการเมือง สถาบันทหาร สถาบันศาล ตุลาการ คณะกรรมการองค์กรอิสระทั้งหลาย สื่อมวลชน หน่วยงานวิชาชีพ ภาควิชาการต่างๆ ล้วนแต่เป็นปัญหาไปหมดเลย
สิ่งที่เรามาเชิญชวนพ่อแม่พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ว่าเราจำเป็นจะต้องหันมาดูปัญหาของชาติแล้วมาทบทวนกันเสียใหม่นั้น จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งยวดครับ ทุกคน ทุกฝ่าย ต้องหันมาร่วมมือช่วยกันฟื้นฟูบูรณะ และปฏิรูปบ้านเมืองเสียใหม่ และการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ถ้ามีนั้น ไม่ใช่ทางออก และไม่ได้เป็นคำตอบให้กับพี่น้องประชาชนเลย ถ้าเราไม่ล้างความสกปรกทั้งหมดในบ้านในเมืองขณะนี้เสียก่อน
ในทหารก็มีทั้งคนดี คนไม่ดี มีทั้งคนที่เห็นแก่ประโยชน์ตนเองและประโยชน์พรรคพวก คนที่รักชาติบ้านเมือง คนที่เสียสละสู้รบ ก็เสียสละเอาเป็นเอาตาย คนที่หาประโยชน์ก็เอาเปรียบอยู่บนหยาดเหงื่อแรงงานและชีวิตของเพื่อนร่วมวิชาชีพ ในหมู่ประชาชนก็ถูกทำให้แตกแยกโดยนักการเมือง พรรคการเมือง ที่พยายามเสี้ยม พยายามที่จะแบ่งแยกประชาชนออกเป็นก๊ก เป็นเหล่า ด้วยการใช้วิธีแบ่งแยกแล้วปกครอง
ในสื่อมวลชนก็มีสภาพแบบเดียวกัน วันนี้ทุกหน่วย ทุกองค์กร เป็นแบบนี้ไปหมด เมื่อเป็นแบบนี้ไปหมด มันจึงเปล่าประโยชน์เลยว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนั้นมันจะให้คำตอบอะไรกับการที่จะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองยาก
ผมชี้ให้พี่น้องเห็นนั้นก็เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า ทุกหน่วยทุกองค์กรเวลานี้พึ่งไม่ค่อยได้แล้ว ถ้ายังเดินหน้าไปในลักษณะแบบนี้
เพราะฉะนั้น วันนี้ที่เรามาเชิญชวนและมาร่วมกันรณรงค์โหวตโน ลงคะแนนในช่องไม่ประสงค์เลือกใครนั้น มันเป็นการจุดประเด็นและจุดกระแสที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองครั้งยิ่งใหญ่ เราต้องมีความเชื่อมั่นและมีความศรัทธา ถ้าเรามีความเชื่อมั่น มีความศรัทธาในสิ่งที่เราทำ และผู้นำของเราแล้ว เราต้องมุ่งมั่นและเดินหน้าต่อไป ผมเชื่อแน่ว่าวันเวลาที่ประเทศต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงนั้น จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าพี่น้องประชาชนไม่ลุกขึ้นมา
วันนี้เราเป็นกองหน้า เราเป็นหัวหอก ลุกขึ้นมาแล้วเราต้องปลุกให้พี่น้องร่วมชาติของเราลุกขึ้นมาร่วมกันครับ ถ้าเราสามารถเดินหน้าปลุกสำนึกพี่น้องประชาชนขึ้นมาสร้างกระแสโหวตโนได้ถึง 3 ล้าน 5 ล้าน 7 ล้าน รับรองครับพี่น้อง บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงแน่นอนครับ
วันนี้ผมมาคุยกับพี่น้องเป็นเรื่องที่ให้ความรู้ และเป็นเรื่องซึ่งอาจจะไม่จำเป็นต้องไปว่ากล่าว วิพากษ์วิจารณ์ ด่าทอใครแล้ว เพราะว่าวันนี้ทุกคนเราเห็นหน้ากากหมดแล้ว ใช่มั้ยครับ เรามาคุยกันในเรื่องที่เราจะเดินหน้าพาชาติบ้านเมืองและพี่น้องประชาชนก้าวเดินไปด้วยกันอย่างไร ถ้าเราได้ทำความคิดของเราเป็นหนึ่งเดียว เป็นเอกภาพแล้ว ผมก็เชื่อมั่นแน่ว่าหนทางที่เราจะเดินไปต้องได้รับชัยชนะและประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
สุดท้ายขอให้กำลังใจพี่น้องทุกคนที่พร้อมที่จะยืนหยัดชุมนุมอยู่ร่วมกันจนกว่าการประชุมมรดกโลกจะได้ปรากฏผล และเวทีนี้จะเป็นเวทีที่ให้ข้อมูลข่าวสารความรู้กับพี่น้องประชาชน ยิ่งในเวลาที่มันใกล้เลือกตั้ง เราก็ต้องมีศิลปะในการพูดและมีความระมัดระวัง เดี๋ยวรัฐบาลมันจะมาหาเรื่องพวกเราได้
เพราะฉะนั้นความชาญฉลาดของพวกเราอยู่ตรงนี้ครับ มียุทธวิธีที่พลิกแพลงตามสถานการณ์ จะยุบสภาก็มีวิธีชุมนุมและอภิปรายให้ความรู้ข้อมูลประชาชนได้ ไม่ต้องกลัวครับ เรารู้ว่าเราควรจะทำอย่างไร เพราะฉะนั้นเมื่อเราเดินไปด้วยกัน มีอะไรที่เราจะบอกกัน จะเตือนกัน เราก็จะบอกกันตลอดเวลาว่า อันไหนพูดได้ อันไหนไม่ควรพูด เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งและมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง แต่ไม่ต้องไปกลัวครับพี่น้อง เพราะว่าเราพูดบนความจริงและรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมือง เวทีนี้จะยังอยู่ และจะเป็นกองหน้าให้กับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศในการรณรงค์โหวตโน
สำหรับวันนี้ก็ต้องขอขอบพระคุณพ่อแม่พี่น้องที่ติดตามรับชม รับฟัง แล้วพบกันพรุ่งนี้ สวัสดีครับ