โฆษกมาร์ค ไม่อยากเชื่อ “มิ่งขวัญ” ยอมเป็นเบี้ยกระดานการเมือง กลับซุกปีกไข่แม้ว หลังถูกดิสเครดิตจนไร้ราคา คาดแก๊งชินวัตร “เยาวเรศ-เยาวภา-ยิ่งลักษณ์” คว้าปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับต้น ฟันธงสุดท้าย “แม้ว” เคาะ “น้องปู” เย้ยยังไม่กล้าเปิดเหตุสู้ “มาร์ค” ไม่ได้ ฉะ “ทักษิณ” มุกตื้นอ้อน ปชช.พากลับบ้าน แขวะเพื่อไทยสำเหนียกมารยาททางการเมือง ฝันหวานเข้าป้ายจัดตั้งรัฐบาล
วันนี้ (4 พ.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ปรากฏตัวในการประชุมพรรคเพื่อไทยอีกครั้งหนึ่ง ว่า เป็นการตัดสินใจของนายมิ่งขวัญ เองว่า จะทำให้ตัวเองเสียเครดิต และอยู่ในสังคมหรือไม่ ในช่วงเวลาหายไปนายมิ่งขวัญ คงกลับไปทบทวนหรือเลียแผลตัวเองมากกว่า การที่บอกว่าหายไปเพื่อไปคิดนโยบายหาเงินเข้าประเทศ คือ การแก้เกี้ยว เพราะนโยบายทั้งหมดของพรรคเพื่อไทย ประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศนั้น เป็นคนคิดแต่เพียงผู้เดียว อยากจะบอกกับคนในพรรคเพื่อไทย ว่า ที่ผ่านมา จะหลอกประชาชนอย่างไรก็ได้ แต่ก็ไม่สามารถที่จะหลอกตัวเองได้ สุดท้ายแล้วนายมิ่งขวัญ ก็จะเป็นนักการเมืองที่ไร้ราคา อยู่ในสถานะสมาชิกพรรคธรรมดาคนหนึ่ง ที่พรรคจะใช้เป็นเบี้ยกระดานการเมือง
นายเทพไท กล่าวว่า ความหวังของ นายมิ่งขวัญ ที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ควรจะเลิกฝันได้แล้ว เพราะ นายพายัพ ชินวัตร ประธาน ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย ออกมาส่งสัญญาณ หรือใบ้หวยแล้วว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ของพรรค มีอักษร ย.ยักษ์ ซึ่งก็น่าจะเป็นคนในครอบครัวชินวัตร เพราะล้วนแต่มีอักษร ย.ยักษ์ ทั้งสิ้น ทั้ง นางเยาวเรศ นางเยาวภา หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่สุดท้ายเชื่อว่า จะเป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ วางตัวไว้ เพียงแต่ในขณะนี้หากออกมาโชว์ตัวในฐานะแคนดิเดต กลัวจะไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะเจ้าพ่อแห่งวงการโพลก็คงรู้ดี เพราะผลสำรวจที่ระบุออกมาชัดเจนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่สามารถที่จะเป็นคู่ต่อสู้ที่เทียบเคียงกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้
นายเทพไท ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้โปรแกรมสไกป์ (Skype) มายังเวทีปราศรัยที่ จ.อุดรธานี โดยแสดงความมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งครึ่ง และได้จัดตั้งรัฐบาล พร้อมบอกว่าตัวเองเตรียมเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เพื่อเดินทางกลับประเทศนั้น ว่า เป็นยุทธวิธี หรือลูกไม้ตื้นๆ ที่ต้องการจะสร้างกระแสความเชื่อมั่นให้ผู้สนับสนุนพรรคเห็นว่า ตัวเองมีความมั่นใจกับผลการเลือกตั้งเพื่อจะสร้างกระแสเรียกคะแนนนิยมจากกลุ่มคนที่ไม่ตัดสินใจ หรือกลุ่มที่เลือกข้างฝ่ายชนะมาเทเสียงให้ ทั้งๆที่ข้อเท็จจริง ไม่มีความเป็นไปได้เลย และยิ่งประกาศว่าจะไม่ร่วมจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ก็เหมือนการปิดประตูตาย สำหรับการมาเป็นฝ่ายรัฐบาล
ส่วนกรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองเลขาธิการ พรรคไทยรักไทย ออกมาระบุถึงการจัดตั้งรัฐบาลโดยพาดพิงนายอภิสิทธิ์ ว่า มารยาททางการเมืองมีความสำคัญน้อยกว่าสันดานทางการเมืองนั้น นายเทพไท กล่าวว่า ตนยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นนักประชาธิปไตยตลอดเวลาที่อยู่บนเวทีการเมือง ตั้งแต่ในช่วงแรกจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงในเรื่องอุดมการณ์ และหลักการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย โดยได้คำนึงถึงมารยาททางการเมือง และสันดานทางการเมืองมาโดยตลอด แต่ทั้งนี้ สันดานการเมืองของนักการเมือง ยังมีความสำคัญน้อยกว่าสันดานโกงของนักการเมืองบางคนที่โกงกินจนต้องหนีคุกหนีตาราง จนถึงทุกวันนี้
“คนในพรรคเพื่อไทยไม่ควรกังวล หรือตื่นตระหนกต่อการจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต อย่าตีตนไปก่อนไข้ ขอให้ผลการเลือกตั้งออกมาเสียก่อนว่า ประชาชนสนับสนุนพรรคการเมืองใดแล้วค่อยมาถามหามารยาททางการเมืองกัน มั่นใจได้อย่างไรว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ที่ 1 เพราะในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังเชื่อมั่นว่าพรรคจะได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนเช่นเดียวกัน” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท ยังได้กล่าวถึงกระแสข่าวความขัดแย้งในการจัดตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ในส่วนพื้นที่จังหวัดภาคใต้ มีความลงตัวในทุกเขตเลือกตั้งแล้ว ผู้สมัครของพรรคทุกคนยอมรับในมติของคณะกรรมการบริหาร โดยไม่มีเงื่อนไขหรือข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนในพื้นที่ กทม.ที่ยังมีพื้นที่เขตทับซ้อนอยู่ใน 2-3 เขตก็คงจะไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น เพราะบุคคลที่มีปัญหาในเขตพื้นที่ทับซ้อน ก็ได้เข้าพบหัวหน้าพรรคและได้ทำความเข้าใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่ทั้งหมดยอมรับในกติกา เชื่อว่า หลังจากนี้ ก็จะไม่มีเรื่องดังกล่าวออกมาเป็นข่าวให้วิพากษ์วิจารณ์กันต่อไป
