xs
xsm
sm
md
lg

เขมรยิงถล่มไทยรายวัน แต่ “มาร์ค” ก็ยังบูชาเอ็มโอยู 43!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

หากนับตั้งแต่วันศุกร์ที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกที่ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงถล่มเข้าใส่ทหารไทยตามแนวชายแดนด้าน อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ในจุดพิกัด ณ ปราสาทตาเมือน และปราสาทตาควาย จากนั้นก็เกิดการปะทะเป็นระลอกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อตอนสายวานนี้ (25 เมษายน) ก็เกิดการปะทะกันอีกรอบ รวมแล้วมีการปะทะต่อเนื่องกันถึง 4 วันเต็ม

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหาย โดยเฉพาะด้านชีวิตของทหาร ซึ่งหากพิจารณาเฉพาะทหารไทยตามรายงานของศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 2 ระบุว่ามีทหารไทยเสียชีวิตรวม 5 นาย และได้รับบาดเจ็บ 35 นาย ขณะเดียวกันยังทำให้ชาวบ้านต้องอพยพทิ้งบ้านเรือนเป็นการชั่วคราวอีกหลายหมื่นคน ก่อให้เกิดผลกระทบตามมามากมาย

ขณะเดียวกัน การปะทะครั้งนี้เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นก็เกิดความเสียหายทั้งด้านชีวิตทั้งทหาร และพลเรือน จนมีการอพยพชาวบ้านของจากพื้นที่หลายหมื่นคนเช่นเดียวกัน เพียงแต่ต่างกันตรงพิกัดเป้าหมายเท่านั้น ซึ่งครั้งก่อนเกิดขึ้นที่ชายแดนด้าน จังหวัดศรีสะเกษ แถบบริเวณปราสาทพระวิหาร แต่คราวนี้ย้ายมาที่ จังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ บริเวณปราสาทตาเมือน และปราสาทตาควาย เป็นสำคัญ

ทั้งสองเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นความชัดเจนที่เข้าใจได้ตรงกันแล้วว่าเป็นการจงใจก่อเหตุของผู้นำกัมพูชา ฮุนเซน ที่หวังดึงให้องค์การระหว่างประเทศ ทั้งในรูปแบบของสหประชาชาติ หรืออาเซียนส่งกำลังมาเป็นผู้สังเกตการณ์ หรือส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาในพื้นที่เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง ในขณะที่ฝ่ายกัมพูชายังคงยึดครองดินแดนไทยอย่างถาวร เนื่องจากกลายเป็นกันชนทำให้ฝ่ายไทยไม่สามารถผลักดันออกไปได้

การก่อเหตุปะทะรวมไปถึงการรุกล้ำดินแดนไทยที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงการปะทะครั้งล่าสุดที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 4 วัน (นับจนถึงวันที่ 25 เมษายน) ยังได้ตอกย้ำให้เห็นว่าบันทึกความเข้าใจเรื่องการปักปันเขตแดนทางบกระหว่างไทย-กัมพูชาปี 2543 (เอ็มโอยู 43) ได้ถูกฝ่ายกัมพูชาละเมิดซ้ำซาก และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันที่รัฐบาลกัมพูชาของฮุนเซน ได้ประกาศไปยังนานาชาติว่าจะไม่ยอมเจรจากับรัฐบาลไทยแบบทวิภาคีในทุกระดับ นอกเหนือจากมีประเทศที่ 3 หรือองค์การสหประชาชาติเข้ามาสังเกตการณ์หรือไกล่เกลี่ยเท่านั้น

ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลไทยที่นำโดยนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และกระทรวงการต่างประเทศยังคงยึดมั่นในหลักการของเอ็มโอยู 43 อย่างเคร่งครัด ทั้งในเรื่องของการเจรจาและการตอบโต้ทางทหารก็กระทำอยู่ในวงจำกัดตามบันทึกความเข้าใจที่ได้เคยกระทำเอาไว้ดังกล่าว

ที่สำคัญเมื่อเกิดกรณีพิพาทตามแนวชายแดนจนมีการตอบโต้ทั้งด้านหนังสือประท้วง และการใช้กำลังฝ่ายไทยไม่เคยยืนยันโต้แย้งในเรื่องแผนที่ในมาตราส่วนหนึ่ง ต่อสองแสนที่ฝ่ายกัมพูชานำมาอ้างอยู่เสมอ ซึ่งที่ฝ่ายไทยยังอ้ำอึ้งและนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พยายามพูดจาวกวนอยู่เสมอก็เพื่อต้องการ “ปกป้อง” ความผิดพลาดของพรรคประชาธิปัตย์ในอดีตที่ไปลงนามในเอ็นโอยู 43 กลายเป็น “พันธนาการ” รัดคอตัวเองแน่นเข้ามาเรื่อยๆ

นอกจากนี้ ในสาระสำคัญของเอ็มโอยูดังกล่าวก็คือ หากมีปัญหาข้อขัดแย้งก็ให้ทั้งสองฝ่ายยึดหลักเจรจาแบบทวิภาคี ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายไทยโดยเฉพาะในยุคของพรรคประชาธิปัตย์ได้ยึดแนวทางนี้มาอย่างเคร่งครัด ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาใช้วิธีตรงกันข้ามก่อการละเมิดอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งเมื่อมีการอ้างแผนที่ในมาตราส่วนหนึ่งต่อสองแสนก็สามารถรุกล้ำเข้ามายึดครองพื้นที่เข้ามาได้เรื่อยๆ คราวนี้ก็เช่นเดียวกันที่มีการยืนยันถึงกรรมสิทธิ์ของปราสาทตาเมือน และปราสาทตาควาย นอกเหนือจากพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร

อีกด้านหนึ่งหากพิจารณาพื้นที่ตามชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดแนว และตามที่ฝ่ายกัมพูชายึดถือมาตราส่วนในแผนที่มันก็จะทำให้ไทยมีแนวโน้มต้องเสียพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกนับล้านไร่ ซึ่งก็รวมถึงปราสาทตาเมือนและปราสาทตาควายที่กำลังถูกฝ่ายกัมพูชาอ้างสิทธิ ขณะเดียวกัน มันก็ยิ่งน่าเป็นห่วงเพิ่มขึ้นไปอีกว่าตราบใดที่แผนการของฮุนเซน ที่ยังไม่สามารถดึงให้ประเทศที่ 3 เข้ามาสังเกตการณ์ในพื้นที่ได้ ก็ยิ่งทำให้เกิดแรงยั่วยุก่อเหตุสร้างความเสียหายหนักขึ้นเรื่อยๆ โหดเหี้ยมขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกับพลเรือน เพื่อบีบให้นานาชาติต้องส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาในที่สุด

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดการปะทะกันหลายครั้ง และทุกครั้งเป็นเพราะการละเมิดจากฝ่ายรัฐบาลฮุนเซน ที่มีเจตนาซ่อนเร้น เพื่อดึงประเทศที่ 3 เข้ามาสังเกตการณ์ ขณะที่กัมพูชายังยึดครองดินแดนไทยอยู่ และที่สำคัญอีกด้านหนึ่งยังเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของเอ็มโอยู 43 ที่เป็นพันธนาการฝ่ายไทย ซึ่งรัฐบาลของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ยังคงยึดมั่นอย่างเหนียวแน่น ไม่ยอมยกเลิกฉีกทิ้งแล้วขับไล่ผู้รุกรานออกไปทันที เพียงเพื่อต้องการปกป้องความผิดพลาดของพรรคประชาธิปัตย์ในอดีตเท่านั้น!!

กำลังโหลดความคิดเห็น