เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 หลังจากฟังคำแถลงของทั้งกองทัพไทย รัฐบาลไทย รวมไปถึงการสันนิษฐานส่วนตัวตั้งแต่กระสุนนัดแรกของฝ่ายกัมพูชายิงถล่มเข้ามาตกฝั่งไทยด้าน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ในพิกัดปราสาทตาเมือน-ตาควายตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ก็รู้แจ้งชัดแล้วว่านี่คือ “เกมกระจอก” ของ “ฮุนเซน” ผู้นำกัมพูชา เพื่อหวังจะให้องค์กรระหว่างประเทศอย่างยูเอ็น หรืออย่างน้อยตัวแทนอาเซียนคือ อินโดฯเข้ามาสังเกตการณ์ในพื้นที่ปะทะ เหตุผลก็ไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าต้องการให้ช่วยการันตีพื้นที่ที่ตัวเองรุกล้ำเข้ามา
00 ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเหมือนเรามีเหตุทะเลาะกับเพื่อนบ้านในเรื่องแนวเขตที่ดิน ขณะที่เรายึดมั่นในแนวเขตที่แบ่งปันกันมา แต่อีกฝ่ายจ้องที่จะล้ำเข้ามาเรื่อยทั้งในรูปของการปลูกต้นไม้หรือขยับหลักเขตหรือรั้วเข้ามาเรื่อยๆ หากเรานิ่งเฉยไปเรื่อยๆไม่แสดงอาการตอบโต้กลับไปบ้างมันก็จะรุกเข้ามายึดถาวร ตัวอย่างที่เกิดขึ้นมันก็เหมือนกับพวก เอ็นจีโอ พวก “รักสันติภาพ” ชอบนำมาพูดเพื่อให้ดูดีว่าเรียกร้องให้หันหน้าเข้า “มาพูดจากัน” แต่มันจะเป็นได้อย่างไรในเมื่ออีกฝ่ายมัน “เจ้าเล่ห์” ไม่ยอมพูดดีด้วยบางครั้งมันก็ต้องแสดงศักยภาพในตัวออกมาให้เห็น หรือสั่งสอนกันบ้าง ลองบ้านตัวเองถูกรุกล้ำเข้ามาเรื่อยๆดูซิมันจะยอมมั๊ย ทุด !!
00 สาเหตุปะทะครั้งล่าสุดทำให้ทหารไทยเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 4 นายและบาดเจ็บอีกกว่า 20 คน เป็นความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ และที่สำคัญต้องไม่ให้ “ลูกหลานไทย” เหล่านี้ต้องตายเปล่า ผู้นำรัฐบาลและกองทัพกองทัพต้องแสดงศักยภาพตอบโต้อย่างเด็ดขาดและรุนแรง ฉวยโอกาสจัดระเบียบตามแนวชายแดน ดินแดนเสียใหม่ไปในคราวเดียวกัน ต้องยึดความ “ได้เปรียบ” ก่อนเจรจา อย่าให้พวกเขา “ตายฟรี” และถูกกาลเวลาลืมเลือนเหมือนเหตุการณ์ปะทะคราวก่อนเมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะท่าทีของ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องแสดงออกให้ชัด รวมไปถึง ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงเวลาต้องแสดงฝีมือโชว์พาวเวอร์ของจริงเสียที
00 ถูกต้องแล้วที่ฝ่ายไทยกดดันและปฏิเสธให้ รมว.ต่างประเทศอินโดฯเข้ามา “จุ้น”ในพื้นที่ ทำนองเข้ามาไกล่เกลี่ยหรือเป็นผู้สังเกตการณ์ก็ตาม เพราะหากไฟเขียวนั่นก็หมายความว่า “เล่นตามเกม” ฮุนเซน และที่สำคัญหากเป็นเช่นนั้นย่อมหมายความว่า “ศักดิ์ศรี” ของชาติในฐานะที่เราเป็นหนึ่งใน “พี่เบิ้ม” อาเซียนก็จะถูกลดระดับลงแค่ซุกอยู่ภาย “ใต้ปีก”ของ อินโดฯ เท่านั้น หวังว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คงดลบันดาลให้ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ รมว.ต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ หูตาสว่างเสียที หยุดสร้างภาพเป็นสุภาพบุรุษการทูตแบบ “สากล” ตกเป็นฝ่ายรับกัมพูชา ยอมให้ประเทศเล็กกว่าเล่นเกม “ขี่คอ” ตลอดเวลา
00 อีกด้านหนึ่งนี่คือการประจานความล้มเหลวของ เอ็มโอยู 43 ของ ปชป.ที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กอดเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ปากก้เพ้อเจ้อว่าจะต้องเจรจา “ทวิภาคี” กับ ฮุนเซน ฝันไปเถอะ เวลานี้มันฝันหวานว่าจะทำอย่างไรให้ ยูเอ็นส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามา ซึ่งวิธีการที่ทำได้ก็คืออ้างสถานการณ์สู้รบก่อเหตุให้รุนแรงหนักข้อขึ้นไปอีก และให้ระวัง “เป้าหมายพลเรือน” ให้ดีก็แล้วกัน
00 ในที่สุดก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องเหมาะสมแล้วสำหรับมติของ “พรรคการเมืองใหม่”ที่เดินทางเดียวกับพี่น้องพันธมิตรฯและคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ “โหวตโน” ไม่ส่งผู้สมัครเลือกตั้งเพื่อร่วมขับเคลื่อน “ปฏิรูป” การเมืองครั้งใหญ่ แม้ยอมรับว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะมีบางส่วนอึดอัดกันบ้าง และต้องเลือกเอา “เรื่องใหญ่” มาก่อนเรื่องเล็ก และนาทีนี้ไม่ต้องมาพูดอะไรกันอีก เดินไปข้างหน้าร่วมกันเท่านั้น !!