เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 เริ่มชัดเจนขึ้นมาเรื่อยๆว่า การปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เที่ยวล่าสุด ในพื้นที่ตรงพิกัดแถวปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เป็นการ “วางแผน” ล่วงหน้าของ “ฮุนเซน” ส่วนจะวางแผนร่วมกับ “ใคร” ด้วยหรือไม่ หลายสิ่งหลายอย่างเริ่ม “เข้าเค้า” มากขึ้นเรื่อยๆ หากพิจารณาจากองค์ประกอบรอบด้าน มันออกจะ “ทะแม่ง” จริงๆ
00 อย่างที่บอกตั้งแต่มีการปะทะกันรอบใหม่เริ่มมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 22 เม.ย. ทุกอย่างเหมือนมีการกำหนดกันล่วงหน้า ทั้งในเรื่องของการส่งหนังสือฟ้อง “ยูเอ็น” และ “อาเซียน” ชนิดที่เสียงปืนนัดแรงยังไม่ทันจางเลยด้วยซ้ำ ซึ่งปราสาทตาควาย และตาเมือน เป็นเป้าหมาย “หาเรื่อง” ของกัมพูชามาตลอดแล้ว โดยอ้างว่าเป็นของมัน ส่วนสำคัญที่มักยกมาอ้างเป็นเจ้าของว่าเป็น “ศิลปเขมร” เหมือนกับปราสาทพระวิหาร และนครวัด เพราะถ้าอ้างอย่างนั้น ปราสาทหินพิมายที่โคราช หรือปราสาทเมืองสิงห์ ที่ กาญจนบุรีก็เป็นของ “ฮุนเซน” ด้วยซิท่า ไอ้เวร !!
00 อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสังเกตยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เบื้องหลังในการลงมือน่าจะ “ไม่ธรรมดา” โดยเฉพาะน่าจะออกมาในลักษณะ “รวมการเฉพาะกิจ” แบบ “วินวิน” เสียมากกว่า และที่น่าสังเกตก็คือเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังดาวเทียม “ไทยคม” ล่มเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำให้มีเสียงนินทาว่า งานนี้เป็นการ “บล็อก” ทหารไม่ให้เคลื่อนไหว “รัฐประหาร” และแผนสอง เมื่อต้องตอบคำถามจนสายโทรศัพท์แทบไหม้แล้ว “แผนสอง” ก็ซ้ำตามเข้ามาอีกด้วยการ “เป่านกหวีด” ให้เกิดปะทะตามแนวชายแดนทำให้ทหารไทย ต้องทุ่มกำลังหันเหความสนใจไปทางนั้น
00 ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ ก็ตองบอกว่า “ห้าสิบห้าสิบ” และมันน่าคิดเสียด้วย เพราะเมื่อหันมาในโหมดเลือกตั้งคราวนี้ “เหลี่ยมจัด” มันหวังผลมากเสียด้วย เพราะถ้าแพ้คราวนี้ โอกาสที่จะกลับประเทศเข้ามาแบบ “เอาเปรียบ” คนอื่นเข้ามา นั่นคือ ทำผิดแล้วไม่ต้องติดคุก ก็แทบมองไม่เห็น ดังนั้นเชื่อว่าจึงต้องลุ้นกันตัวโก่ง และลงทุนสูงอีกรอบ
00 ขณะที่ ฮุนเซน มันก็ต้องใช้สถานการณ์ชายแดน เพื่อ “ปั่นราคา” ทางการเมืองของตัวเองต่อไป เพราะเชื่อว่านาทีนี้ การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกคงริบหรี่ ดังนั้นสิ่งที่ยังพอหวังได้ก็คือก่อเหตุปะทะเพื่อให้ “ประเทศที่ 3” เข้ามาสังเกตการณ์ หรือถ้าหวังสูงไปกว่านั้นคือ ให้ยูเอ็นส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาแทรกแซง แต่ก็ยาก เพราะถ้าตราบใดที่ฝ่ายไทย ยังยิงตอบโต้มีเป้าหมายที่พิกัดทางทหาร ไม่ได้โจมตีเปะปะใส่พลเรือน เชื่อว่ายิ่งนานไป ไอ้ฮุนเซน นั่นแหละจะเสียหาย แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ เมื่อชุลมุนกันแล้วทหารไทยก็น่าซัดให้เละ ถีบแขมร์ลงจากเขาให้หมดไปทีเดียวก็น่าจะดีไม่น้อย
00 กลายเป็นเรื่องฮือฮาขึ้นมาตามคาด สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ที่ว่าฮือฮาดังกล่าวก็คือ มันมี ประเด็นที่จะถูก “ยุบพรรค” เกิดขึ้นอีกรอบ เพราะไม่ว่ามองในมุมไหน ก็จะต้องเข้าใจว่า คนหน้าเหลี่ยมๆ เป็นคนแถลงนโยบายของพรรค และยังเป็นเจ้าของพรรคเสียเอง ทุกอย่างเบ็ดเสร็จ และอย่าได้แปลกใจ ที่จะมีหลายคนออกมาคอมเมนท์แบบมั่นใจว่า “ยุบแน่” หนึ่งในนั้นคือ “ชัย ชิดชอบ” ประธานรัฐสภา นั่นเอง
00 เมื่อได้ยิน และได้เห็นนโยบายของ ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ที่บอกว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะคืนความยุติธรรมให้กับทุกฝ่ายจากเหตุการณ์รัฐประหารปี 49 ความหมายก็คือ จะมีการ “นิรโทษกรรม” แม้ปากบอกว่าจะครอบคลุมทุกคน แต่เป้าหมายที่อำพรางเอาไว้ก็อยู่ที่ “ตัวเอง” นั่นแหละ นี่แหละคือ “ลางหายนะ” รอบใหม่ เพราะเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่คงไม่ยอมแน่ ที่ใช้การเลือกตั้ง “ฟอกความผิด” เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ศาลก็คงไม่มีความหมายกันแล้ว ต่อไปถ้านักการเมืองทำผิดถูกศาลพิพากษาจำคุก ก็หันมาใช้วิธีทุ่มเงินเลือกตั้งแล้วให้ ส.ส.ออกกฎหมายลบล้างความผิดให้ ทุด !!
00 ที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่งในคราวเดียวกันก็คือ งานแถลงนโยบายเปิดตัวผู้สมัครของพรรค แต่ดันโผล่แต่ “เป็ดเหลิม” ขณะที่คนที่บอกว่าพร้อมจะเป็นนายกฯ “หุ่นเชิด” คนต่อไปอย่าง “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กลับหายหน้า พิลึกจริง แต่ถึงอย่างไร มาหรือไม่มา ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะพวกนี้มันแค่ “ลูกน้อง” ปลายแถว แล้วแต่ “เจ้าของ” ชี้นิ้วสั่งให้เดินไปทางไหนเท่านั้น !!