“มาร์ค” ซัด “ฮุนเซน” ไร้ประโยชน์ขยายวงพื้นที่ปะทะ หวังยกระดับขึ้นสู่เวทีนานาชาติ กร้าวยิงใส่เจอตอบโต้กลับ อ้างเหตุไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน พร้อมแนะทำอะไรให้คำนึงความปลอดภัยประชาชนประเทศตัวเอง
วันนี้ (25 เม.ย.) ที่กรมการขนส่งทหารบก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังกลับจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน ถึงการเลื่อนการเดินทางมายังประเทศไทยของประธานอาเซียน ในฐานะผู้สังเกตการณ์พื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ว่า คงไม่มีผลกระทบอะไร เพราะยังมีการติดต่อกันอยู่ตลอด เพราะทางประธานอาเซียนคงมีความกังวลเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ว่าในวันพฤหัสบดีที่ 28 เม.ย.นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะมีการพบปะกันอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า การเลื่อนการหารือร่วมกับประธานอาเซียนออกไป จะส่งผลให้ปัญหาการปะทะต่อไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การปะทะยังมีอยู่ แต่จริงๆ แล้ว ต้องย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อนอยู่แล้ว เราพยายามที่จะให้ข้อเท็จจริงปรากฏออกไปว่า มันมีความพยายามยกระดับเรื่องนี้ไปสู่เวทีนานาชาติ เพราะฉะนั้น ถ้าหากว่า ทุกฝ่ายเข้าใจข้อเท็จจริงไม่ไปเป็นเครื่องมือตรงนี้ ในที่สุดก็จะจบ เมื่อถามต่อว่า จะทำอย่างไรให้นานาชาติเข้าใจ และมาร่วมกดดันกัมพูชากลับสู่โต๊ะเจรจา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องเดินหน้าทำความเข้าใจ ซึ่งก็ได้ทำอยู่ตลอด ซึ่งตนก็ได้คุยกับนายกษิตในการที่จะพูดคุยกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะมิตรประเทศที่มีความห่วงใย อย่างน้อยที่สุดได้อยู่ในครอบครัวอาเซียนด้วยกัน ก็ต้องมาช่วยกันให้ตรงนี้จบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการยกระดับปัญหาสู่เวทีการประชุมอาเซียนคราวนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อาเซียนคงเข้ามาดูแลในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ในแง่ของการที่สองฝ่ายจะได้พูดคุยกัน คิดว่า ทางอาเซียนย้ำให้ 2 ประเทศ คุยกันถือเป็นเรื่องที่ดี เมื่อถามว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น จะเป็นตัวบีบรัดที่ไทยจะต้องเร่งในเรื่องของไทยในการยอมรับตัวผู้สังเกตการณ์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันไม่ได้มีปัญหาแล้ว เพราะในส่วนของรายละเอียดได้ปรับเข้ามาดูเป็นที่ยอมรับกันได้ เหลือเพียงเรื่องถ้อยคำรายละเอียดเล็กน้อยเท่านั้น
เมื่อถามว่า แต่การกำหนดพื้นที่กัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามารุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี ส่วนพื้นที่ที่กำหนดให้ผู้สังเกตการณ์เข้ามา ก็แยกออกจากพื้นที่ที่เป็นปัญหาอยู่ ไม่อยู่ในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เมื่อถามต่อว่า เท่ากับว่า การประชุมอาเซียนครั้งนี้ ทั้งไทยและกัมพูชาจะได้ลงนามในส่วนของทีโออาร์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทีโออาร์น่าจะจบเร็วๆ นี้ เพราะตนได้ตรวจสอบไป เหลือเพียงเรื่องถ้อยคำรายละเอียดเท่านั้น และไม่มีข้อกังวลทหารที่เกรงว่าจะมีปัญหา เนื่องจากกระทรวงกลาโหมดูแลอยู่ และยังไม่ได้มีการเสนอให้ดูพื้นที่ที่มีการปะทะกันล่าสุด เมื่อถามอีกว่า มีหลักฐานหรือไม่ว่า กัมพูชาโจมตีเราก่อน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าตรวจสอบได้ และการเคลื่อนไหวของกำลังด้วย
ส่วนที่มีการมองกันว่า การปะทะได้มีการขยายวงกว้างไปแนวชายแดนอื่นๆ นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทางเราได้เตรียมพร้อม
“ต้องบอกฝ่ายกัมพูชาไม่มีประโยชน์ เพราะมาก็ต้องถูกตอบโต้ไป เพราะเราต้องปกป้องอธิปไตยเรา แต่ว่าทางกัมพูชาทำให้เกิดภาพ ว่า มันเป็นปัญหาที่ลุกลามใหญ่โต มันไม่ใช่ แต่เกิดการจากการดำเนินการของกัมพูชาฝ่ายเดียว ไทยไม่มีความต้องการให้เกิดปัญหารุนแรงขึ้น และต้องการให้ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ เพราะต้องเห็นกับพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนทั้ง 2 ฝั่ง ทางกัมพูชาต้องคิดถึงตรงนี้ด้วย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ในโอกาสที่จะได้คุยกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา คิดว่า จะได้ข้อยุติตรงไหนบ้าง นายกฯ กล่าวว่า กว่าจะถึงวันนั้น คิดว่า คงมีพัฒนาการไปอีก เมื่อถามอีกว่า เป็นการพัฒนาการไปในทางที่ดีใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าอย่างนั้น
นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางต่อไปยังศูนย์รับผู้ป่วยราชการสนาม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อเยี่ยม 2 อาสาสมัครทหาร คือ อส.ทพ.จักรี ลอยหา และ อส.ทพ.บุญญาฤทธิ์ บัวงาม ที่เข้ารับรักษาอาการบาดเจ็บจากเหตุปะทะกับทหารกัมพูชาที่ชายแดนที่จังหวัดสุรินทร์ โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบกระเช้าดอกไม้ และเงินเยียวยา พร้อมกับสนทนากับ อส.ทพ.ทั้ง 2 นาย ที่พ้นขีดอันตรายแล้ว โดยนายกฯได้ใช้เวลาการเข้าเยี่ยม 15 นาที ก็เดินทางกลับ