“อภิสิทธิ์” น้ำท่วมปาก ครอบครัว “วีระ” เบนเข็มบุกร้อง “เพื่อไทยถึงทักษิณ” หาทางช่วยเหลือ “วีระ-ราตรี” พ้นคุกเขมร โบ้ยไม่ถือเป็นการตบหน้ารบ. ยังเหน็บอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ดื้อตาใสสั่งเดินหน้าถกเจบีซีกับกัมพูชา ระบุไม่จำเป็นต้องรอสภารับรอง บอกคุยทางเทคนิคเกี่ยวกับภาพถ่ายทางอากาศ เป็นกรอบเดิมที่เคยขอสภาไว้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (4 เม.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ตัวแทนครอบครัวของนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ได้เข้ายื่นหนังสือขอความช่วยเหลือนายวีระ และน.ส.ราตรี ที่ถูกศาลกัมพูชาสั่งคุมขังในเรือนจำ จากพรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ตนเองคิดว่าถ้าทางไหนช่วยได้ เขาก็คงอยากให้ช่วย จริงๆ แล้วในส่วนของรัฐบาลก็มีการดำเนินการอยู่ คือกระบวนการทางกฏหมายนั้นของเขาก็เพื่อจะเสร็จเรียบร้อยไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การกระทำในลักษณะเช่นนี้ ถือเป็นการตบหน้ารัฐบาล หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ ตนคิดว่าใครช่วยได้ก็ช่วย เป็นธรรมดา คิดว่าต้องเห็นใจทางครอบครัว เพราะว่าครอบครัวเขาก็คงต้องการที่จะให้คุณวีระและคุณราตรีสามารถออกมาอย่างโดยเร็วที่สุด ฉะนั้นก็พยายามจะแสวงหาทุกวิถีทาง เมื่อถามว่าในส่วนของรัฐบาล เราสามารถที่จะทำอะไรเพิ่มเติมมากกว่านี้ได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็ทำ ก็ยังพยายามและมีการประสานงานกันอยู่ตลอด
เมื่อถามว่า ช่องทางของรัฐบาลมันสิ้นหวังแล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวปฏิเสธว่า ยังแต่ต้องยอมรับว่าปัญหาความสัมพันธ์มันยังมีเรื่องที่ค้างอยู่ ฉะนั้นก็จะมีเรื่องหลายเรื่องเข้ามาเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการที่ทางกัมพูชาจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งวันนี้ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเรื่องของการพิจารณาบันทึกผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ก็เดินหน้าได้ แล้วทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะมีประชุมอาเซียนญี่ปุ่นไม่เป็นทางการอยู่นี่ก็จะเป็นอีกโอกาส ส่วนจีบีซีทางกลาโหมก็ยังเจรจากันอยู่
เมื่อถามว่า เจบีซีกำหนดประเด็นอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับเจบีซีจะกำหนดประเด็นในเรื่องของการคัดเลือกคนที่จะมาทำภาพถ่ายทางอากาศ ฉะนั้นก็ยังอยู่ในกรอบของการเจรจาที่ผ่านสภาฯ แล้วและไม่น่าจะกระทบกับในส่วนของบันทึกที่ยังค้างอยู่ เมื่อถามว่า หมายถึงว่าตัวของบันทึกไม่ได้ไปเจรจาต่อหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยัง ไปเราก็ไปดูประเด็นเรื่องของภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งประเด็นนี้ทางกัมพูชาก็มีการยืนยันว่าจะประชุมกันได้
เมื่อถามว่า หลังจากการถกเรื่องของเจบีซีผ่านไป คิดว่าภาพของความสัมพันธ์จะเกิดขึ้นอย่างไรบ้างระหว่าง 2 ประเทศ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราก็หวังว่าจะมีความคืบหน้าที่จะทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากลไกทวิภาคีกลับมาทำงาน เพราะว่าโดยความเป็นจริงในระดับของพื้นที่เหตุการณ์ก็สงบมาเกือบ 2 เดือน และมีความพยายามที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ในระดับพื้นที่ ซึ่งมีกิจกรรมอะไรอยู่
เมื่อถามว่าในเจบีซีจะต้องมีการพูดคุยถึงผู้สังเกตการณ์ของประเทศอินโดนีเซีย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่ใช่เจบีซี แต่ว่าคงจะมีการหารืออย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของทางกองทัพและทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อถามว่า แต่ในขณะที่ทางการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ก็ยังเกิดไม่ได้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องของจีบีซีก็ต้องว่ากันต่อไป เนื่องจากยังเห็นไม่ตรงกันอยู่ เมื่อถามว่า เท่ากับว่าทางอินโดนีเซียต้องชะลอออกไปอย่างไม่มีกำหนด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราอาจจะใช้เวทีอื่นได้ เพราะมันไม่จำเป็นต้องผูกกัน เพราะทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็อาจจะหยิบยกเรื่องนี้ไปคุยได้ในวันที่ 9-10 นี้ ในประเด็นเรื่องของผู้สังเกตการณ์ เพราะเรื่องนี้มีประเด็นหลักๆ 2 ประเด็น ประเด็นแรกจะเป็นเรื่องการได้รับการคุ้มครอง ซึ่งไม่มีปัญหา ส่วนประเด็นที่สอง เรื่องของตัวพื้นที่ว่าจะอยู่ตรงไหน เพราะทางฝ่ายกัมพูชาบอกว่าฝ่ายเขาจะมีที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ทางเราก็บอกไม่ได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ของเรา
เมื่อถามว่า หมายถึงส่วนที่จะส่งมาในพื้นที่ ต้องชะลอไปก่อนหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตัวนี้ต้องตกลงเรื่องพื้นที่ให้ได้เสียก่อน ซึ่งถ้าจีบีซียังประชุมไม่ได้ ทางรัฐมนตรีต่างการกระทรวงการต่างประเทศก็อาจจะคุยได้ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของทีโออาร์