“ส.ว.ธีรเดช” ไม่รู้ “เรืองไกร” ยกคดีขึ้นเงินเดือนตัวเองหวังดิสเครดิตนั่ง ปธ.วุฒิฯ แนะรอศาลวินิจฉัย ยัน ส.ว.2 ส่วน มีฐานะเท่าเทียมกัน ชี้ ล็อบบี้เป็นเรื่องปกติ ด้าน “มาดามมล” ชี้ เลือกประธานเข้มข้นเรื่องปกติ พอแข่งจบก็ต้องมาทำงานเป็นทีม รับมีคนกังขา “ธีรเดช” มาตามใบสั่ง เชื่อ ไม่ทำสภาสูงขัดแย้ง ด้าน “นิคม” เชื่อ เลือกประธานใหม่วันนี้เรียบร้อย
วันนี้ (22 เม.ย.) ที่รัฐสภา พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ที่ออกมาคัดค้านการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา เหตุมีคดีฟ้องร้องเรื่องขึ้นเงินเดือนตัวเองในครั้งดำรงตำแหน่งประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่า ความจริงเรื่องนี้อยู่ในกระบวนการของศาล ตนไม่มีความคิดเห็น ส่วนจะเป็นการดิสเครดิตก่อนชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาหรือไม่ ตนไม่ทราบ ต้องไปถามนายเรืองไกร เมื่อถามว่า ภาพความขัดแย้งระหว่าง ส.ว.เลือกตั้ง และ ส.ว.สรรหา ที่มีความเห็นแตกต่างกันจะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง ส.ว.ทั้งสองที่มาหรือไม่ พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า ตนไม่คิดอย่างนั้น วุฒิสภามีความแตกต่างจากสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีที่มาเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง เรามาตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันด้วยกัน ฐานะเท่าเทียมกัน สมาชิกแม้จะมีที่มาต่างกัน แต่ไม่น่าจะมีความขัดแย้งกัน เมื่อถามถึงข้อกังขาของ ส.ว.บางคนที่เห็นว่า มีข่าว พล.อ.ธีรเดช จะมาเป็นประธานวุฒิสภาคนใหม่ ก่อนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประกาศผลการสรรหา พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า ตนไม่เคยได้ยินข่าวนี้เลย ตนไม่ทราบเพิ่งทราบจากสื่อเลยไม่มีความเห็น
เมื่อถามอีกว่า ได้ประเมินเสียงสนับสนุนจากเพื่อนสมาชิกหรือไม่ พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องคะแนน ขณะนี้คงมีแต่การคาดเดากันไป เมื่อถามต่อว่า มองข่าวเรื่องการล็อบบี้ให้ได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภาอย่างไร พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า เรื่องล็อบบี้เป็นเรื่องปกติ ชีวิตเราคงหนีไม่พ้นการล็อบบี้ เมื่อถามต่อว่า หากได้เป็นประธานวุฒิสภาจะทำอย่างไรให้ ส.ส.สรรหา และ ส.ว.เลือกตั้ง กลับมามีความเป็นเอกภาพ พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดเรื่องแบ่งแยกแตกต่างกัน แม้เราจะมีที่มาต่างกัน แต่เรามีหน้าที่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการทำงานร่วมกันไม่น่าจะมีอะไรขีดคั่น การแข่งขันเป็นเรื่องปกติแข่งกันจบแล้วก็แล้วกันไป
เมื่อถามว่า มองว่า เรื่องที่ นายเรืองไกร ออกมาตั้งสังเกตจะมีผลภายหลังหรือไม่ พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า มันอยู่ที่มุมมองตน ว่า คดีถ้ายังไม่สิ้นสุด เรายังมีสิทธิที่จะบอกว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด ควรรอให้ศาลวินิจฉัยไม่ใช่เรา เมื่อถามต่อว่า เกรงว่า จะมาปัญหาภายหลังหรือไม่ พลเอก ธีรเดช กล่าวว่า เมื่อศาลตัดสินถึงทีสุดจะมีอยู่ในคุณสมบัติของสมาชิกวุฒิสภา
ด้าน นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิถติ์ กล่าวถึงการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาคนใหม่ ที่มีความเข้มข้น จนอาจทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง ส.ว.เลือกตั้ง และ ส.ว.สรรหา ว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการแข่งขันที่ต้องมีความเข้มข้น ส่วนจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ในเชิงบวกหรือลบ ก็ไม่เป็นไร เพราะการแข่งขันเป็นเรื่องปกติ หากทำด้วยความยุติธรรมและความถูกต้อง ถือเป็นเรื่องดี การแข่งขันเป็นเรื่องที่ดี แต่จบแข่งขันแล้วแล้วต้องทำงานร่วมกันเป็นทีมวุฒิสภา
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายเรืองไกร ออกมาตั้งข้องสังเกตเรื่องความสง่างามของ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ส.ว.สรรหา หนึ่งในบุคคลที่ถูกเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา นางนฤมล กล่าวว่า นายเรืองไกร เป็นคนช่างสังเกต การตั้งข้อสังเกตเป็นเรื่องที่ตั้งได้ตามนิสัยของท่าน แต่การเอามาวิพากษ์วิจารณ์อาจมีผลกระทบบ้าง สำหรับพวกเราเองฟังหูไว้หูอยู่แล้ว ไม่ได้เชื่ออะไรง่ายๆ เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ธีรเดช ถูกคาดหมายมาตั้งแต่ก่อนเป็น ส.ว.ว่า จะเป็นผู้มาดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาคนใหม่ นางนฤมล กล่าวว่า มีข่าวออกมาเป็นระยะ ว่า ท่านจะมาเป็น ส.ว.ทั้งที่ตอนนั้นการสรรหายังไม่เสร็จสิ้นด้วยซ้ำ มีข่าวท่านประธานเก่าดึงรอเอาไว้ พูดกันไปต่างๆ นานา คำพูดนี้ทำให้คนเกิดข้อกังขากับท่านพอสมควร จนมีคนพูดกันทั่วไปว่าการมาของท่านมีใบสั่งหรือเปล่า ตนคิดว่า ส.ว.ทุกคนเปิดใจกว้าง เพราะท่านมีบุคลิกความเป็นผู้นำที่นุ่มนวล น่าจะทำอะไรที่ดีๆ ให้กับวุฒิสภาของเราได้
เมื่อถามกรณีกระแสเรียกร้องจากเพื่อน ส.ว.บางส่วน เห็นว่า ประธานวุฒิสภาคนใหม่ควรมาจาก ส.ว.เลือกตั้ง หากครั้งนี้ประธานวุฒิสภามาจาก ส.ว.สรรหาอีก จะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะมีความความขัดแย้ง แม้จะไม่มีข้อกำหนดหรือข้อบังคับบอกไว้ว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แม้ในทางปฏิบัติอาจจะให้เกิดแบบนั้น ส่วนตัวมองว่าไม่ว่าจะมีที่มาจากการสรรหา หรือการเลือกตั้ง ไม่ได้คำนึง แต่ต้องทำหน้าที่อย่างเป็นกลางและมีอิสระ โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันต้องการผู้นำที่มีความเป็นกลาง ไม่ถูกครอบงำโดยฝ่ายใด เวลายุบสภาสภาของเราต้องเป็นหลักในการประคับประคองบ้านเมือง หากไม่มีความเป็นกลางหรือขาดความเป็นอิสระปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน
เมื่อถามว่า เมื่อ พล.อ.ธีรเดช ถูกตั้งข้อกังขาเช่นนี้ควรสละสิทธิ์ในการชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า เป็นสิทธิของ พล.อ.ธีรเดช เพราะศาลยังไม่ได้ตัดสิน การจะมาบอกว่า มีคนโยนระเบิดใส่แล้วต้องสละสิทธิ์ ถือว่าไม่ยุติธรรมกับท่าน ต้องรอให้ศาลพิจารณาตัดสินเมื่อคดีความจบสิ้นจึงค่อยตัดสินอย่าเพิ่งไปตัดสินท่านเองเลย
“เรื่องนี้อยู่ที่ท่านธีรเดชจะให้น้ำหนักกับประเด็นนี้หรือไม่ และขึ้นอยู่กับผู้สนับสนุนท่านด้วย ถ้าท่านเห็นว่า มีน้ำหนักมากกับการชิงตำแหน่งท่านอาจจะชี้แจงก็ได้ ถ้าท่านเห็นว่าไม่มีอะไรสบายมากก็ไม่เป็นไร” นางนฤมล กล่าว
ขณะที่ นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิภาคนที่ 1 กล่าวถึงการเลือกประธานวุฒิสภาคนใหม่ ว่า การเลือกประธานวุฒิสภาคนใหม่ น่าจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมาชิกทุกคนคงได้แสดงความเห็นของตนเอง สำหรับตนคงไม่ต้องมีการล็อบบี้อะไร เพราะทุกคนมีอิสระทางความคิด ส่วนตัวหากมีผู้เสนอชื่อแล้วจะชนะหรือไม่ แล้วแต่ความเห็นของเพื่อนสมาชิกโดยรวม เมื่อถามว่า มองดูการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาครั้งนี้มีความเข้มข้นมาก นายนิคม กล่าวว่า ตนคิดว่า การเลือกตั้ง คือ การสร้างวัฒนธรรมการแข่งขันในระบอบประชาธิปไตย โดยเคารพเสียงส่วนใหญ่ และให้ความสนใจเสียงส่วนน้อย การทำตามวิถีนี้จะทำให้คนให้ความเชื่อถือวุฒิสภา
เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าว พล.อ.ธีรเดช จะถูกเสนอชื่อชิงตำแหน่ง และมีโอกาสจะได้เป็นประธานวุฒิสภา นายนิคม กล่าวว่า คงเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของเพื่อนสมาชิก คงไม่มีอะไร ส่วนเรื่องคดีความของ พล.อ.ธีรเดช จะมีผลต่อการเลือกประธานวุฒิสภาหรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องรอศาลอาญา ส่วนจะกลายเป็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบหรือไม่ นั้นเป็นเรื่องนี้เป็นดุลพินิจของเพื่อนสมาชิก เมื่อถามอีกว่า จะทำอย่างไรให้ ส.ว.สรรหา และ ส.ว.เลือกตั้ง มีความเป็นเอกภาพ นายนิคม กล่าวว่า ตนอยากให้ทุกคนยอมรับในวัฒนธรรมประชาธิปไตยโดยยอมรับในระบบ ในมติ และตัวบทกฎหมายจะทำให้บ้านเมืองนี้ดำเนินไปโดยสงบ วุฒิสภาควรเป็นต้นแบบของระบบประชาธิปไตยที่มั่นคง
วันนี้ (22 เม.ย.) ที่รัฐสภา พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ที่ออกมาคัดค้านการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา เหตุมีคดีฟ้องร้องเรื่องขึ้นเงินเดือนตัวเองในครั้งดำรงตำแหน่งประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่า ความจริงเรื่องนี้อยู่ในกระบวนการของศาล ตนไม่มีความคิดเห็น ส่วนจะเป็นการดิสเครดิตก่อนชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาหรือไม่ ตนไม่ทราบ ต้องไปถามนายเรืองไกร เมื่อถามว่า ภาพความขัดแย้งระหว่าง ส.ว.เลือกตั้ง และ ส.ว.สรรหา ที่มีความเห็นแตกต่างกันจะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง ส.ว.ทั้งสองที่มาหรือไม่ พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า ตนไม่คิดอย่างนั้น วุฒิสภามีความแตกต่างจากสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีที่มาเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง เรามาตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันด้วยกัน ฐานะเท่าเทียมกัน สมาชิกแม้จะมีที่มาต่างกัน แต่ไม่น่าจะมีความขัดแย้งกัน เมื่อถามถึงข้อกังขาของ ส.ว.บางคนที่เห็นว่า มีข่าว พล.อ.ธีรเดช จะมาเป็นประธานวุฒิสภาคนใหม่ ก่อนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประกาศผลการสรรหา พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า ตนไม่เคยได้ยินข่าวนี้เลย ตนไม่ทราบเพิ่งทราบจากสื่อเลยไม่มีความเห็น
เมื่อถามอีกว่า ได้ประเมินเสียงสนับสนุนจากเพื่อนสมาชิกหรือไม่ พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องคะแนน ขณะนี้คงมีแต่การคาดเดากันไป เมื่อถามต่อว่า มองข่าวเรื่องการล็อบบี้ให้ได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภาอย่างไร พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า เรื่องล็อบบี้เป็นเรื่องปกติ ชีวิตเราคงหนีไม่พ้นการล็อบบี้ เมื่อถามต่อว่า หากได้เป็นประธานวุฒิสภาจะทำอย่างไรให้ ส.ส.สรรหา และ ส.ว.เลือกตั้ง กลับมามีความเป็นเอกภาพ พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดเรื่องแบ่งแยกแตกต่างกัน แม้เราจะมีที่มาต่างกัน แต่เรามีหน้าที่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการทำงานร่วมกันไม่น่าจะมีอะไรขีดคั่น การแข่งขันเป็นเรื่องปกติแข่งกันจบแล้วก็แล้วกันไป
เมื่อถามว่า มองว่า เรื่องที่ นายเรืองไกร ออกมาตั้งสังเกตจะมีผลภายหลังหรือไม่ พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า มันอยู่ที่มุมมองตน ว่า คดีถ้ายังไม่สิ้นสุด เรายังมีสิทธิที่จะบอกว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด ควรรอให้ศาลวินิจฉัยไม่ใช่เรา เมื่อถามต่อว่า เกรงว่า จะมาปัญหาภายหลังหรือไม่ พลเอก ธีรเดช กล่าวว่า เมื่อศาลตัดสินถึงทีสุดจะมีอยู่ในคุณสมบัติของสมาชิกวุฒิสภา
ด้าน นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิถติ์ กล่าวถึงการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาคนใหม่ ที่มีความเข้มข้น จนอาจทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง ส.ว.เลือกตั้ง และ ส.ว.สรรหา ว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการแข่งขันที่ต้องมีความเข้มข้น ส่วนจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ในเชิงบวกหรือลบ ก็ไม่เป็นไร เพราะการแข่งขันเป็นเรื่องปกติ หากทำด้วยความยุติธรรมและความถูกต้อง ถือเป็นเรื่องดี การแข่งขันเป็นเรื่องที่ดี แต่จบแข่งขันแล้วแล้วต้องทำงานร่วมกันเป็นทีมวุฒิสภา
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายเรืองไกร ออกมาตั้งข้องสังเกตเรื่องความสง่างามของ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ส.ว.สรรหา หนึ่งในบุคคลที่ถูกเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา นางนฤมล กล่าวว่า นายเรืองไกร เป็นคนช่างสังเกต การตั้งข้อสังเกตเป็นเรื่องที่ตั้งได้ตามนิสัยของท่าน แต่การเอามาวิพากษ์วิจารณ์อาจมีผลกระทบบ้าง สำหรับพวกเราเองฟังหูไว้หูอยู่แล้ว ไม่ได้เชื่ออะไรง่ายๆ เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ธีรเดช ถูกคาดหมายมาตั้งแต่ก่อนเป็น ส.ว.ว่า จะเป็นผู้มาดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาคนใหม่ นางนฤมล กล่าวว่า มีข่าวออกมาเป็นระยะ ว่า ท่านจะมาเป็น ส.ว.ทั้งที่ตอนนั้นการสรรหายังไม่เสร็จสิ้นด้วยซ้ำ มีข่าวท่านประธานเก่าดึงรอเอาไว้ พูดกันไปต่างๆ นานา คำพูดนี้ทำให้คนเกิดข้อกังขากับท่านพอสมควร จนมีคนพูดกันทั่วไปว่าการมาของท่านมีใบสั่งหรือเปล่า ตนคิดว่า ส.ว.ทุกคนเปิดใจกว้าง เพราะท่านมีบุคลิกความเป็นผู้นำที่นุ่มนวล น่าจะทำอะไรที่ดีๆ ให้กับวุฒิสภาของเราได้
เมื่อถามกรณีกระแสเรียกร้องจากเพื่อน ส.ว.บางส่วน เห็นว่า ประธานวุฒิสภาคนใหม่ควรมาจาก ส.ว.เลือกตั้ง หากครั้งนี้ประธานวุฒิสภามาจาก ส.ว.สรรหาอีก จะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะมีความความขัดแย้ง แม้จะไม่มีข้อกำหนดหรือข้อบังคับบอกไว้ว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แม้ในทางปฏิบัติอาจจะให้เกิดแบบนั้น ส่วนตัวมองว่าไม่ว่าจะมีที่มาจากการสรรหา หรือการเลือกตั้ง ไม่ได้คำนึง แต่ต้องทำหน้าที่อย่างเป็นกลางและมีอิสระ โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันต้องการผู้นำที่มีความเป็นกลาง ไม่ถูกครอบงำโดยฝ่ายใด เวลายุบสภาสภาของเราต้องเป็นหลักในการประคับประคองบ้านเมือง หากไม่มีความเป็นกลางหรือขาดความเป็นอิสระปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน
เมื่อถามว่า เมื่อ พล.อ.ธีรเดช ถูกตั้งข้อกังขาเช่นนี้ควรสละสิทธิ์ในการชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า เป็นสิทธิของ พล.อ.ธีรเดช เพราะศาลยังไม่ได้ตัดสิน การจะมาบอกว่า มีคนโยนระเบิดใส่แล้วต้องสละสิทธิ์ ถือว่าไม่ยุติธรรมกับท่าน ต้องรอให้ศาลพิจารณาตัดสินเมื่อคดีความจบสิ้นจึงค่อยตัดสินอย่าเพิ่งไปตัดสินท่านเองเลย
“เรื่องนี้อยู่ที่ท่านธีรเดชจะให้น้ำหนักกับประเด็นนี้หรือไม่ และขึ้นอยู่กับผู้สนับสนุนท่านด้วย ถ้าท่านเห็นว่า มีน้ำหนักมากกับการชิงตำแหน่งท่านอาจจะชี้แจงก็ได้ ถ้าท่านเห็นว่าไม่มีอะไรสบายมากก็ไม่เป็นไร” นางนฤมล กล่าว
ขณะที่ นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิภาคนที่ 1 กล่าวถึงการเลือกประธานวุฒิสภาคนใหม่ ว่า การเลือกประธานวุฒิสภาคนใหม่ น่าจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมาชิกทุกคนคงได้แสดงความเห็นของตนเอง สำหรับตนคงไม่ต้องมีการล็อบบี้อะไร เพราะทุกคนมีอิสระทางความคิด ส่วนตัวหากมีผู้เสนอชื่อแล้วจะชนะหรือไม่ แล้วแต่ความเห็นของเพื่อนสมาชิกโดยรวม เมื่อถามว่า มองดูการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาครั้งนี้มีความเข้มข้นมาก นายนิคม กล่าวว่า ตนคิดว่า การเลือกตั้ง คือ การสร้างวัฒนธรรมการแข่งขันในระบอบประชาธิปไตย โดยเคารพเสียงส่วนใหญ่ และให้ความสนใจเสียงส่วนน้อย การทำตามวิถีนี้จะทำให้คนให้ความเชื่อถือวุฒิสภา
เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าว พล.อ.ธีรเดช จะถูกเสนอชื่อชิงตำแหน่ง และมีโอกาสจะได้เป็นประธานวุฒิสภา นายนิคม กล่าวว่า คงเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของเพื่อนสมาชิก คงไม่มีอะไร ส่วนเรื่องคดีความของ พล.อ.ธีรเดช จะมีผลต่อการเลือกประธานวุฒิสภาหรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องรอศาลอาญา ส่วนจะกลายเป็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบหรือไม่ นั้นเป็นเรื่องนี้เป็นดุลพินิจของเพื่อนสมาชิก เมื่อถามอีกว่า จะทำอย่างไรให้ ส.ว.สรรหา และ ส.ว.เลือกตั้ง มีความเป็นเอกภาพ นายนิคม กล่าวว่า ตนอยากให้ทุกคนยอมรับในวัฒนธรรมประชาธิปไตยโดยยอมรับในระบบ ในมติ และตัวบทกฎหมายจะทำให้บ้านเมืองนี้ดำเนินไปโดยสงบ วุฒิสภาควรเป็นต้นแบบของระบบประชาธิปไตยที่มั่นคง