xs
xsm
sm
md
lg

“สุวิทย์” กลับลำ-พิสูจน์ความเขี้ยวคงเส้นคงวา!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ตอนแรกที่ สุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าพรรคกิจสังคม ออกมาประกาศลาออกจากหัวหน้าทีมเจรจาในคณะกรรมการมรดกโลก กรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารของกัมพูชา ซึ่งจะมีการประชุมชี้ขาดกันอีกครั้งที่ประเทศบาห์เรน ในเดือนมิถุนายนนี้ ได้ทำให้เป็นที่จับตากันไม่น้อยว่า เป็นการชิ่งหนี นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้โดดเดี่ยวกับปัญหาที่หมิ่นเหม่ต่อการเสียดินแดนไทยให้กัมพูชา เป็นการโดดหนีการติดร่างแหการกระทำผิดกฎหมายในบั้นปลาย

หลายคนที่ติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาก็จะเข้าใจดีว่า ในระยะหลังหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีการกลับลำกันแบบ 360 องศา แทบทุกเรื่องที่มีปัญหาคาราคาซังต่างก็มีการเปลี่ยนแปลงจุดยืนเป็นตรงกันข้ามทั้งสิ้น

เริ่มตั้งแต่ฝ่ายกองทัพ โดยผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกมายืนกรานว่าจะไม่ให้ทหารอินโดนีเซียเข้ามาเป็นผู้มาเป็นผู้สังเกตการณ์ในพื้นที่ชายแดนเป็นอันขาด รวมไปถึงจะไม่เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ในประเทศที่ 3 นอกเหนือจากประเทศไทยหรือกัมพูชาเท่านั้น

จนต่อมาทำให้นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องกลับลำเปลี่ยนจุดยืนใหม่ด้วยการออกมายืนยันชัดเจนเป็นครั้งแรกว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหาร เป็นของไทย และมีท่าทีเปลี่ยนไปโดยไม่ยอมให้ทหารอินโดฯ เข้ามาสังเกตการณ์

ขณะเดียวกัน บรรยากาศในสภาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง และในที่สุดคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิป) ก็ยอมถอนบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ทั้ง 3 ฉบับ ออกจากการพิจารณาของรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลพยายามเข็นอยู่ตั้งนาน แต่ก็เจอลูก “เฉไฉ” ของ ส.ส.-ส.ว.โดดร่มจนองค์ประชุมล่มซ้ำซาก ผ่านไม่ได้สักที และเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อความรับผิดชอบ หากถูกตีตกหรือยังพิจารณาไม่ได้ จึงต้องใช้วิธีชิ่งดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า เป็นอาการถดถอย และโดดเดี่ยวเดียวดายของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะหากเปรียบเทียบกับภาพก่อนหน้านี้ ถือว่าคนละเรื่อง ต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากแยกพิจารณาเฉพาะเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา นาทีนี้ไม่มีใครเอาด้วยแล้ว

เมื่อวกกลับมาพิจารณาท่าทีล่าสุดของ สุวิทย์ คุณกิตติ ที่กลับลำหวนกลับมาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเจรจามรดกโลก หลังจากประกาศลาออกไปก่อนหน้านี้ โดยให้เหตุผลว่ามีความเห็นแตกต่างและไม่มีความเป็นเอกภาพกันภายในทีม ซึ่งเมื่อมีการหารือมอบอำนาจและบทบาทมาให้อย่างชัดเจนก็ต้องเดินหน้าต่อ ซึ่งงานนี้จะเห็นได้ว่าฝ่ายที่เสียหาย เสียหน้าก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ ที่ถูกลดบทบาทลงไปให้เหลือแค่เจ้าหน้าที่ถือเอกสารเดินตามหลัง สุวิทย์ เท่านั้น

แต่สิ่งที่ต้องพิจารณากันให้ลึกลงไปมากกว่านั้นก็คือ ภาพสะท้อนให้เห็นถึงภาวะ “โคตรเขี้ยว” ของนักการเมืองที่ชื่อ สุวิทย์ คุณกิตติ ที่ฉวยจังหวะในสถานการณ์ที่นายกรัฐมนตรีกำลังเพลี่ยงพล้ำ ต้องถอยกรูดในปัญหาชายแดน-กัมพูชา หยิบยกเป็นประเด็นขึ้นมาต่อรองในสิ่งที่ตัวเองต้องการ สร้างหลักประกันในเก้าอี้หลังการเลือกตั้ง หากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล นั่นหมายความว่า หากหวยออกมาแบบนี้ พรรคกิจสังคมของเขาถ้ายังหอบหิ้วกลับมาได้ไม่ต่ำว่า 5 ที่นั่ง ก็ไม่มีปัญหา ทุกอย่างชัวร์ เหมือนเดิม

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากเส้นทางการเมืองของนักการเมืองจากเมือง “หมอแคน” ขอนแก่น คนนี้ ก็ถือว่าไม่ธรรมดาอยู่แล้ว คร่ำหวอดอยู่ในวงการมาก่อนอภิสิทธิ์ อยู่นานโข อีกทั้งการผ่านประสบการณ์ในพรรคกิจสังคม หรือ “พรรคแสป” มาตั้งแต่ยุค พล.ต.ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ต่อเนื่องมาจนถึง มนตรี พงษ์พานิช สุดท้าย สมศักดิ์ เทพสุทิน แค่นี้ก็น่าจะมองภาพออกว่า “เขี้ยวโง้ง” แค่ไหน เพราะในปัจจุบันขนาดเป็น ส.ส.สอบตก ยังสามารถดิ้นรน อ่านเกมการเมืองทะลุ “พลิกขั้ว” รวบรวม ส.ส.แค่ 4-5 คน เพื่อต่อรองเอาโควตารัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กระทรวงระดับเกรดบีบวก มาครองได้จนถึงวันนี้ และหากสอบย้อนประวัติก็จะพบว่าไม่เคยเป็นฝ่ายค้านให้อดอยากปากแห้งแม้แต่ครั้งเดียว

ดังนั้น การกลับลำเที่ยวนี้ของสุวิทย์ เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์และแบกกราวด์ทางการเมืองที่ไม่ธรรมดาของเขา มันก็น่าจะเป็นผลมาจากการ “ต่อรอง” ที่ได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่าทั้งในปัจจุบันและต่อเนื่องไปจนถึงอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หลักประกัน” ที่ค้ำยันเก้าอี้หลังการเลือกตั้ง หากพรรคประชาธิปัตย์ และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี

ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องมองออกมาแบบนี้ เพราะนาทีนี้เป็นสถานการณ์นับถอยหลังสู่การเลือกตั้ง เมื่อใครได้โอกาสก็ต้องฉกฉวยเอาไว้ก่อน!!

กำลังโหลดความคิดเห็น