เลขาฯ กกต.เผย กกต.ยังไม่นำข้อห้ามดึงสถาบันหาเสียงคุยที่ประชุม แต่จะนัดทุกพรรคถก 2 พ.ค.นี้ รับนำพระบรมราโชวาท, พระบรมฉายาลักษณ์ หาเสียง มิบังควร
วันนี้ (20 เม.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.แถลงว่า ในส่วนกรณีของร่างระเบียบ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงเลือกตั้งที่มีข้อควรปฏิบัติ และข้อห้ามเรื่องของการนำสถาบันมาหาเสียงในช่วงที่มีการเลือกตั้งนั้น ยังไม่ได้มีการหารือในที่ประชุม กกต.แต่ทั้งนี้ ในวันที่ 2 พ.ค.นี้ กกต.จะเชิญตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆทุกพรรคการเมืองมาหารือในส่วนรายละเอียดของระเบียบดังกล่าว เพราะก่อนหน้านี้ กกต.ได้รับข้อหารือจากพรรคการเมืองต่างๆ เป็นจำนวนมาก ว่า จะสามารถใช้พระบรมราโชวาท หรือพระบรมฉายาลักษณ์ มาหาเสียงเลือกตั้งได้หรือไม่ ซึ่ง กกต.ได้ตอบข้อหารือว่าเป็นเรื่องมิบังควรที่จะนำมาหาเสียง เพราะสถาบันอยู่เหนือการเมือง รวมทั้งรัฐธรรมนูญมาตรา 8 บัญญัติว่า พระมหากษัตริย์อยู่ในสถานะที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ รวมถึงมาตรา 70 บัญญัติว่าบุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อีกทั้งในระเบียบ กกต.ที่ใช้ในการเลือกตั้งปี 50 ได้กำหนดรายละเอียดเรื่องการหาเสียงยังไม่ชัดเจน ดังนั้น จึงต้องเชิญพรรคการเมืองมาหารือเพื่อปรับปรุงให้เกิดความชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีพรรคการเมืองบางพรรคมีนโยบายพรรคที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน จะถือว่าขัดระเบียบดังกล่าวนี้หรือไม่ นายสุทธิพล กล่าวว่า นี้เป็นข้อควรปฏิบัติที่ต้องวางหลักการ และความเห็นว่าตรงกันหรือไม่ จึงต้องเชิญพรรคการเมืองมาเสนอความคิดเห็น ซึ่งระเบียบดังกล่าวไม่ใช่เป็นการบังคับ เพราะการออกระเบียบของ กกต.ต้องคำนึงถึงกฎหมายที่ให้อำนาจ กกต.ออกระเบียบโดยขณะนี้ยังไม่มีผลบังคับใช้ แต่จะเริ่มนับหนึ่งเมื่อมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งก่อนที่ กกต.จะประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อเข้าสู่โหมดเลือกตั้งก็ต้องทำให้ชัดเจนมากขึ้น และไม่อยากให้เกิดความหวาดระแวง
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากสำนักงาน กกต.แจ้งว่า สำหรับกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เสนอให้ กกต.ออกระเบียบในการเลือกตั้ง โดยห้ามพรรคการเมือง และนักการเมืองหาเสียงกระทำการพาดพิงสถาบันนั้น กกต.ยังไม่ได้นำเรื่องดังกล่าวนี้ก่อนนี้นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ได้มีการปรารภกับทางสำนักงาน กกต.ว่า ควรจะมีมาตรการในการหาเสียงเลือกตั้งที่ไม่ควรนำสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้องในช่วงการหาเสียงเรื่องตั้ง เพื่อหาประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองหรือตัวผู้สมัครเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้เล็งเห็นว่าพรรคการเมืองจะมีการใช้ประโยชน์ตรงนี้มากขึ้นตามลำดับ จึงได้ตั้งคณะทำงานแก้ไขปรับปรุงระเบียบขึ้นมา โดยมี นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ซึ่งได้มีการดำเนินการแล้วเสร็จโดยในช่วงมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว ทุกพรรคการเมืองไม่ควรนำสถาบันมาหาเสียงเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ไม่ว่าจะทางบวกหรือทางลบ จนกว่าจะหมดช่วงระยะเวลาที่มีการเลือกตั้ง หากพรรคใดดำเนินการก็อาจจะมีโทษถึงขั้นยุบพรรคได้ หากเข้าข่ายมาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญปี 50 อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 21 เม.ย.ทางคณะทำงานชุดดังกล่าวจะมีการประชุมหารือเพื่อปรับแก้ในการที่จะไปบรรจุใส่ในส่วนของระเบียบ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงของ ส.ส.ในส่วนของข้อควรปฏิบัติในการเลือกตั้งมากกว่าจะบรรจุในส่วนของข้อห้ามที่มิให้ปฏิบัติในการเลือกตั้ง เพราะถ้าห้ามแล้วจะเข้าข่ายเป็นความผิดแบบเต็มตัว