xs
xsm
sm
md
lg

“เทพไท” จี้ “จิ๋ว” เคลียร์ข่าวไขก๊อก แฉ ส.ส.พท.ค้าน “แม้ว” จุ้นหวั่นโดนยุบพรรคอีก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
“โทรโข่งมาร์ค” เชื่อ “จิ๋ว” ลาออกแสดงสปิริตรับผิดแก๊งแดงพูดหมิ่นสถาบัน จี้ รีบแถลงต่อสังคม เย้ยจะตั้งพรรคใหม่ร่วม “เหนาะ-เจ๊มิ่ง” ให้รีบๆ ทำก่อนยุบสภา แนะ เพื่อไทยเร่งเปิดตัวหัวหน้าพรรคใหม่ แฉ ส.ส.ฝ่ายค้านลงชื่อค้าน “แม้ว” จุ้น หวั่นโดนยุบพรรคอีก ชี้ “ไอ้ตู่” พาญาติคนตายเผาเมืองฟ้อง “มาร์ค” หวังกลบเกลื่อนพูดหมิ่นสถาบัน

วันนี้ (20 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง และการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ว่า จนถึงบัดนี้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว มีการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา ทำให้สังคมเกิดความสับสน โดยเฉพาะการที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า สาเหตุเป็นเพราะ พล.อ.ชวลิต ถูกบีบคั้นอย่างหนัก จนต้องลาออกไป ซึ่งไม่ทราบว่า ใครเป็นผู้ที่บีบคั้นคนอย่าง พล.อ.ชวลิต ซึ่งเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนนตรี อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า การลาออกครั้งนี้น่าจะมาจากสปิริตส่วนตัวของ พล.อ.ชวลิต เอง ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการแสดงปิริตความรับผิดชอบมาแล้วอย่างน้อย 4 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 เมื่อครั้งลาออกจากเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพื่อมาลงเล่นการเมือง และตั้งพรรคความหวังใหม่ ครั้งที่ 2 ลาออกจากการเป็น รมว.กลาโหม ในยุค พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี จากเหตุที่ถูก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อภิปรายกล่าวพาดพิงคุณหญิง พันธุ์เครือ ยงใจยุทธ ภรรยาของ พล.อ.ชวลิต ว่า เป็นตู้ทองเคลื่อนที่

นายเทพไท กล่าวอีกว่า ครั้งที่ 3 เมื่อครั้งลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากเหตุวิกฤตค่าเงินบาทปี 40 และครั้งที่ 4 ซึ่งได้ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จากกรณีเหตุการณ์ 7 ต.ค.51 การลาออกจากพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ จึงเป็นการแสดงสปิริตเป็นครั้งที่ 5 เพื่อแสดงความรับผิดชอบจากการที่มีสมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาพูดพาดพิงจวบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ จนทำให้ พล.อ.ชวลิต นึกถึงคำของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่กล่าวเตือนก่อนที่จะเข้าพรรคเพื่อไทย ให้ระวังเป็นคนทรยศต่อชาติ

นายเทพไท กล่าวว่า ตนอยากเรียกร้องให้ พล.อ.ชวลิต ออกมาพูดเพื่อสร้างความกระจ่างให้สังคมใน 6 ประเด็น คือ 1.มีการลาออกจริงหรือไม่ เพื่อลบข้อครหาว่าหนังสือลาออกที่ยื่นโดยเลขานุการส่วนตัวตัวปลอม และไม่ใช่ความสมัครใจของ พล.อ.ชวลิต 2.ต้องออกมาตอบคำถามว่า การลาออกครั้งนี้ มีการถูกบีบบังคับจริงหรือไม่ และหากมี ใครเป็นผู้ที่บีบบีงคับ และ 3.ต้องออกมาแก้ข้อกล่าวหา ว่า ที่ลาออกเพราะผิดหวังในการเป็นแคนดิเดตนายกฯ 4.เพื่อลบข้อกล่าวหาของ นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ที่บอกว่า การลาออกของ พล.อ.ชวลิต เป็นเรื่องปกติธรรมดา จนเรียกกันทั่วไปว่า “พ่อใหญ่ลา” และหากกลับมาเป็นสมาชิกใหม่ต้องเขียนบนหัวใบสมัคร ว่า ห้ามลาออกอีก 5.ต้องตอบคำถาม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่กล่าวหาว่า พล.อ.ชวลิต ไม่มีเหตุผลในการลาออก และไม่เกี่ยวกับการปราศรัยของนายจตุพร เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเกี่ยวกับการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง และ 6.เพื่อตอบคำถาม พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า พล.อ.ชวลิต ลาออกเพียงคนเดียว คงไม่มีผู้ใดลาออกตาม และตกอยู่ในฐานะหัวเดียวกระเทียมลีบ

โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้กล่าวถึงกระแสข่าวเรื่องการจับมือกันระหว่าง พล.อ.ชวลิต นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในการตั้งพรรคการเมือง และจะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลาออกตามมา 20-30 คนนั้น ว่า หากข่าวดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี และควรรีบดำเนินการโดยเร็ว เพื่อให้ทันกับการยุบสภา และให้มีการเลือกตั้งใหม่ อย่างน้อยการตั้งพรรคดังกล่าวจะมีผลดีใน 3 ประการ คือ 1.เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกทางการเมืองเพิ่มขึ้น 2.เป็นการรักษาหน้าของนายเสนาะ ที่ได้ไปชูมือ นายมิ่งขวัญ และประกาศให้เป็นายกฯคนต่อไปในงานวันเกิดของตัวเอง และ 3.เพื่อลบคำสบประมาทจากคนเพื่อไทยบางคน ที่บอกว่า ไม่มี ส.ส.คนใดลาออกตามไป เพราะกลัวจะสอบตก

ส่วนกรณีที่ นายสุรพงษ์ ประกาศว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไปนั้น พรรคเพื่อไทยเตรียมจะชูนายกฯหญิงคนแรกของประเทศ เพื่อใช้ในการหาเสียง เหมือนกับ นางมาร์กาเรต แธตเชอร์ อดีตนายกฯอังกฤษ และ นางอินธิรา คานธี อดีตนายกฯอินเดียนั้น นายเทพไท กล่าวว่า อยากให้พรรคเพื่อไทยเร่งประกาศตัวออกมาให้ชัดเจน เพราะการแข่งขันทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็มีสิทธิเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีกระแสข่าวว่า จะเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย สวมเสื้อแดงรดน้ำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านวิดีโอลิงก์มาแล้ว ก็ควรออกมาแสดงตัวให้ชัดเจน อย่าให้ลิ่วล้อออกมาพูดโฆษณาด้วยความสนุกปาก ซึ่งยิ่งใกล้เลือกตั้ง ก็จะยิ่งสร้างความสับสนให้กับสังคม ดังนั้น พรรคเพื่อไทยควรมีความชัดเจนในเรื่องนี้ เหมือนพรรคการเมืองอื่นๆ ที่เสนอหัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกฯ

นายเทพไท กล่าวด้วยว่า ตนยังอยากให้สังคมจับตามองความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะประกาศผ่านวิดีโอลิงก์มาเปิดนโยบาย และตัวผู้สมัครทั้งหมดของพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ ว่า เป็นความจริงหรือไม่ เพราะในขณะนี้คนในเพื่อไทยกำลังหวั่นไหวกับบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เข้ามาแทรกแซงบงการ และอาจนำไปสู่การยุบพรรคในอนาคตได้ จนทำให้กรรมการบริหารพรรคต้องลาออกเกือบทั้งหมด คงเหลือแต่เฉพาะ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ไม่ลาออก เพราะไม่มีใครยอมมาเป็นหัวหน้าพรรคแทน หรือแม้กระทั่ง นายสุพล ฟองงาม เลขาธิการพรรค ก็ได้ลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว ทั้งที่เป็นตำแหน่งสำคัญของพรรค จนขณะนี้เหลือกรรมการบริหารพรรคไม่ถึงครึ่งนึง จึงไม่แน่ใจว่า จะต้องทำให้กรรมการบริหารพรรคสิ้นสุดลงไปทั้งหมดด้วยหรือไม่

“ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวภายในพรรคเพื่อไทยจาก ส.ส.บางส่วน ที่มีการลงชื่อเพื่อคัดค้านไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาจุ้นจ้านในพรรคต่อไป จนเกิดความระส่ำระสายในพรรคเพื่อไทยอย่างรุนแรง แม้กระทั่งท่อน้ำเลี้ยงก็ไหลมาอย่างกระปริบกระปรอย จนทำให้สมาชิกบางส่วนบ่นหากลุ่มทุน และสปอนเซอร์ของตัวเองที่ชัดเจน เพราะยิ่งใกล้วันเลี้ยงตั้ง แต่ยังไม่มีนายทุน ยิ่งสร้างความว้าเหว่ และความไม่มั่นใจให้กับสมาชิกพรรคเพื่อไทย” นายเทพไท กล่าว

นายเทพไท ยังได้กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทย กับกลุ่ม นปช.ว่า เป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง ที่มีการชิงดีชิงเด่นและช่วงชิงการนำภายในองค์กรระหว่างกันและกัน กลุ่ม นปช.ในฐานะที่มีมวลชนเป็นของตัวเองก็หวังเข้าเทกโอเวอร์พรรคเพื่อไทย จนทำให้สมาชิกบางคนรู้สึกหวั่นไหว แต่ไม่สามารถที่จะตัดขาดจากกลุ่ม นปช.ได้ เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคขาลอย ไม่มีฐานมวลชน จึงอิงฐานเสียงสนับสนุนจากลุ่ม นปช.จนมีการเรียกร้องให้ทำงานในลักษณะคู่ขนาน ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการกำหนดยุทธศาสตร์ทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เพียงผู้เดียว

ส่วนกรณีที่ นายจตุพร นำญาติของเหยื่อที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค.53 ไปยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ต่อคณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น นายเทพไท กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงการสร้างประเด็นข่าวทางการเมือง เพื่อกลบเกลื่อนบาดแผลของนายจตุพร เอง ที่ปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย.และมีถ้อยคำที่จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง จนถูกกองทัพแจ้งความดำเนินคดี เหมือนกับการฟ้องกลับ ผบ.ทบ.ในเรื่องการแจ้งความเท็จมาแล้ว การฟ้องร้องนายกฯและรองนายกฯครั้งนี้ ไม่มีเหตุผลและความชอบธรรมใดๆ หากการฟ้องร้องดังกล่าวสามารถทำได้จริง ก็คงจะมีการฟ้องร้องเกี่ยวกับคดีความต่างๆ ที่ล่าช้า ซึ่งไม่เป็นหน้าที่ของนายกฯโดยตรง แต่เป็นกระบวนการการทำงานของกระบวนการยุติธรรมทั้งสิ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น