“สนธิ” ชี้ต่อสู้เรื่องดินแดนเปิดโปงธาตุแท้ประชาธิปัตย์ล่อนจ้อน แฉใช้สารพัดวิธีทำลายพันธมิตรฯ ไม่ต่างจากยุคทักษิณ ย้ำเจตนารมณ์ไปใช้สิทธิเลือกตั้งแต่กาช่องไม่เลือกใคร ล้างการเมืองชั่ว จุดเทียนเล่มที่ 2 คาดถึง 10 ล้านคนปฏิรูปสำเร็จแน่ วอนพี่น้องโทร.บอกคนรู้จักร่วมโหวตโน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสนธิ ลิ้มทองกุล”
เมื่อเวลา 20.55 น. วันที่ 19 เม.ย.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า ตั้งแต่ปลายปี 2548 เป็นต้นมาการต่อสู้ของพันธมิตรฯ ไม่สูญเปล่าแม้แต่นิดเดียว เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ตอนนั้นที่เราได้เปิดหน้ากากของทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทย ให้ประชาชนที่ไม่รู้เรื่องมาก่อนได้รับทราบ หลังจากนั้นก็เกิดแนวร่วมเป็นกลุ่มคนที่ต้องการโค่นทักษิณ กลุ่มแนวร่วมที่ต้องการผลักดันให้พรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมามีอำนาจ รวมทั้งแนวร่วมจากกลุ่มอำมาตย์ที่กลัวทักษิณจะโค่นล้ม ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่พอศึกสงครามผ่านไปทีละศึก ตัวตนของแนวร่วมแต่ละคนได้โผล่ออกมา และนับเป็นโชคดีของพันธมิตรฯ ประชาชนที่รักชาติ ที่การต่อสู้ของเราไม่ยึดตัวบุคคลหรือพรรคการเมืองใดๆ เรายึดหลักการคุณความดี ความถูก ความผิด มันไม่มีถูกๆ ผิดๆ หลักการที่เราสู้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เมื่อเราเดินทางมาจนถึงยุคที่พรรคประชาธิปัตย์มีอำนาจ เราต่อสู้เรื่องที่สำคัญคือเรื่องดินแดน ก็เริ่มเห็นความจริงขึ้นเรื่อยๆ
นายสนธิกล่าวต่อว่า แรกๆ นั้นเราโดนตำรวจยัดข้อหาก่อการร้าย อย่างมากเราก็แค่ต่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ว่าไม่ใส่ใจ ต่อว่านายกฯ ว่าไม่ใช้อำนาจแทรกแซง ซึ่งเรื่องนี้เราทำใจได้ ทำให้เรายังไม่เห็นธาตุแท้ประชาธิปัตย์ จนมาถึงเรื่องดินแดน วันแรกที่เราไปชุมนุมหน้ารัฐสภาเป็นวันเริ่มต้นที่เราเห็นตัวตนที่แท้จริงของพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นอย่างไร ที่สำคัญเราได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งการสู้กับนายอภสิทธิ์นั้นเหนื่อยมาก เพราะเขาขายภาพลักษณ์ คนไทยที่ยังหลงใหลในภาพลักษณ์ของนายอภิสิทธิ์ยังมีอีกไม่น้อย เพราะคนไทยยังเชื่อว่าคนรูปหล่อ ชาติตระกูลดี การศึกษาดีย่อมเป็นคนดี ด้วยเหตุนี้การต่อสู้ของเราในช่วงนั้นจึงยากลำบาก นอกจากนั้นยังโดนโจมตีสารพัดสารพัน ซึ่งขบวนการที่โจมตีเรา ไม่ต่างจากที่ทักษิณ ชินวัตรและพรรคไทยรักไทยโจมตีเรา ซึ่งในสมัยทักษิณนั้นมีการทำซีดีกล่าวหาตนเป็นหมื่นๆ แผ่นไปแจกตามสถานีรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน เพื่อทำลายชื่อเสียง วันนี้ก็มีขบวนการทำลายชื่อเสียง เอาคนที่เคยร่วมเวทีกับเรามาโจมตีเราโดยหยิบยื่นผลประโยชน์ให้ มีการปล่อยข่าวทำลาย กล่าวหานายประพันธ์ คูณมี ว่าเป็นคนเลว กล่าวหาว่าตนไปพบทักษิณที่คูเวต ไปเจอคุณหญิงอ้อบนเครื่องบิน ทั้งที่ตามปกติการขึ้นเครื่องเราจำเป็นต้องเดินไปดูตามที่นั่งก่อนหรือไม่ว่ามีใครขึ้นไปบ้าง เรื่องโง่ๆ แบบนี้ยังหาเรื่องมาทำลายกัน
นายสนธิกล่าวว่า การต่อสู้ของเรานั้น ประเด็นไม่ได้อยู่ที่จำนวนพี่น้องที่มาชุมนุม แต่คนที่ดูการชุมนุมผ่านโทรทัศน์ทั่วประเทศนั้น คนที่เคยรักพรรคประชาธิปัตย์ก็เริ่มไม่แน่ใจ คนที่เคยเป็นกลางๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นเกลียด ส่วนคนที่เกลียดอยู่แล้วก็เปลี่ยนเป็นรังเกียจหรือเกลียดมากๆ เราจึงไม่เดือดร้อน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็มีสื่อในเครือของตัวเอง เช่น หนังสือพิมพ์แนวหน้า ไทยโพสต์ เครือเนชั่นที่มีคนของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปซื้อหุ้น ก็ชอบเอาคนที่เคยขึ้นเวทีกับพันธมิตรฯ แล้วไม่มาอีกไปให้สัมภาษณ์ต่อว่าเรา แต่เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล ยิ่งให้เครือเนชั่นต่อว่าเราก็ยิ่งดี เพราะถ้าฝ่ายหนึ่งโกหก ฝ่ายหนึ่งพูดเรื่องจริง ฝ่ายไหนที่โกหกย่อมจะอยู่ไม่ได้ เมื่อวานนี้นายประพันธ์ คูณมีได้ตอบโต้นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทองไปแล้ว ซึ่งในที่สุดนายเจิมศักดิ์ก็ตอบสังคมไม่ได้ว่าทำไมด่าทักษิณได้ทุกเรื่องแต่ไม่แตะต้องนายอภิสิทธิ์เลย หรือว่าทักษิณขี้เหม็น แต่อภิสิทธิ์ขี้หอม ทั้งที่ขี้เป็นของสกปรกเหมือนกันทั้งคู่
“เราลองทบทวนดู ถ้าไม่ใช่เรื่องดินแดน เราจะไม่เห็นตัวตนของนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายกษิต ภิรมย์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายพลกุนเชียง พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร มันมีครั้งไหนที่ทหารถูกเปิดโปงอย่างล่อนจ้อน ถ้าไม่ใช่พันธมิตรฯ ที่เปิดโปงมาตั้งแต่สมัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา”
นายสนธิกล่าวต่อว่า เพราะฉะนั้น อย่ามองแค่การชุมนุมครั้งนี้ ถ้าเรามองย้อนหลังจะเห็นว่าเราทำให้ชาติบ้านเมืองมาแล้วไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง กรณีเขาพระวิหารเราชนะมาทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน เรื่องสันปันน้ำ จนในที่สุดต้องมีการถอนเรื่องเจบีซีออกจากสภา และยืนยันโดยนายสุวิทย์ คุณกิตติว่า สิ่งที่เราสู้มานั้นถูกต้องทุกประการ พวกเราไม่เสียเปล่า แต่เรามาทำคุณูปการให้ประเทศ และไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง การที่คนไทยผู้รักชาติรักบ้านรักเมืองออกมาสู้เพื่อปกป้องแผ่นดินผิดตรงไหน กลับเป็นการทำบุญให้ชาติบ้านเมืองด้วยซ้ำ
นายสนธิกล่าวอีกว่า หลังจากที่เราสู้มาแล้ว วันนี้ก็ค้นพบสัจจธรรมว่าพรรคการเมืองเลวชั่วช้าทุกพรรค นักการเมืองส่วนใหญ่ก็เป็นสัตว์นรกทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นการประท้วงของเราจะเริ่มด้วยการแสดงเจตนารมณ์ว่าเราจะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่เราจะโหวตโน คือการแสดงสิทธิของเราว่าเราไม่เอาการเมืองชั่วช้านี้ นี่คือการประท้วงอย่างสันติ ตามระบอบประชาธิปไตย วันนี้พรรคที่เดือดร้อนที่สุดจากโหวตโนคือประชาธิปัตย์ เมื่อเราแสดงเจตนาโหวตโน เราก็ถูกใส่ร้ายว่าเราจะโนโหวตคือการนอนหลับทับสิทธิ ซึ่งไม่ใช่ เพราะเราจะออกไปใช้สิทธิแต่จะโหวตโน
นายสนธิกล่าวว่า ขอให้พี่น้องแต่ละคนที่มีโทรศัพท์มือถือและมีชื่อเพื่อนอยู่อย่างน้อย 30-40 ชื่อ ให้โทรศัพท์ไปหาคนเหล่านั้นและเล่าให้ฟังเรื่องโหวตโนว่าเป็นวิธีเดียวที่จะปฏิรูปทางการเมืองได้ ซึ่งก็น่าจะมีคนที่เห็นด้วยอย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์ และพี่น้องที่ดูเอเอสทีวีมีเป็นล้านคน ถ้าบอกต่อๆ กันไป เรากำลังพูดถึงคนเกือบ 10 ล้านคนที่เห็นด้วยกับเรา และถ้าคน 10 ล้านคนออกไปโหวตโนพร้อมกัน ย่อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ การปฏิรูปการเมืองที่สำเร็จนั้นหาซื้อขายไม่ได้ ต้องทำเอง พี่น้องต้องโทร.ไปคุยกับคนรู้จัก อย่าสนุกอย่างเดียว เพราะคนที่ยังไม่รู้ก็มีอีกมาก และอยากให้พี่น้องเห็นถึงความลำบากในการจุดเทียนเล่มแรกที่ตนต้องยอมเจ็บปวด ถูกลอบยิง ติดคุก ขึ้นศาล เพื่อให้เทียนเล่มแรกจุดติด ตอนนี้เรากำลังจุดเทียนเล่มที่ 2 ที่พี่น้องต้องมาร่วมกันจุด เป็นเทียนของพันธมิตรฯ และของผู้รักชาติรักแผ่นดิน โอกาสของพี่น้องมาแล้วที่จะตอบแทนคุณแผ่นดิน เราจะเสียดินแดนก็เพราะการเมืองชั่วที่มีแต่นักการเมืองสัตว์นรก การลงทุนด้วยการโทรศัพท์ไปหาคนรู้จักเรื่องโหวตโน คือ การล้างคนชั่วออกจากแผ่นดินไทย