นช.ทักษิณ ชินวัตร กับแกนนำคนเสื้อแดง แสดงให้คนไทยได้เห็นแล้วว่า พวกเขาสามารถที่จะทำให้ประเทศไทยเป็น สวรรค์ หรือนรก ก็ได้ สุดแท้แต่อารมณ์ ความต้องการของนายใหญ่ ณ ยามหนึ่งยามใด
สงกรานต์ปีที่แล้ว และปีก่อนหน้า คนเสื้อแดงกระชากความสุข-กระทืบหัวใจคนไทย ด้วยการก่อจลาจล จุดไฟเผาบ้านเผาเมืองในวันปีใหม่ตามประเพณีไทย
สงกรานต์ปีนี้ นช.ทักษิณ ไม่กล้า และคนเสื้อแดงจำเป็นต้องเปลี่ยนเกมหันไปใช้ยุทธวิธี สะสมกำลัง รอฟังสัญญาณจากดูไบ เพราะกองกำลังติดอาวุธถูกทำลาย ยังหาผู้นำคนใหม่มาแทน “เสธ.แดง” ที่ถูกเด็ดหัวไม่ได้ และไม่ใช่สถานการณที่จะเกณฑ์ไพร่แดง หรือชนชั้นกลางระดับล่างจากชนบทในภาษาของนักวิชาการเสื้อแดง เข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ ในขณะที่การเมืองกำลัง เข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเวทีเฉพาะหน้าอีกเวทีที่ นช.ทักษิณ ต่อสู้แย่งชิงอำนาจกลับคืนมา
คนไทยจึงได้สวรรค์ที่คนเสื้อแดงกระชากไปจากอกกลับคืนมา ได้ฉลองสงกรานต์อย่างมีสุข และสนุกสนานในปีนี้
แต่ นช.ทักษิณ และแกนนำคนเสื้อแดง จะไม่ปล่อยให้คนไทยทีความสุขอย่างนี้ตลอดไปหรอก เพราะไม่ได้เลิกล้มความตั้งใจที่จะ “เปลี่ยน” ประเทศไทย ตามแบบที่ตัวเองต้องการ ผลการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะออกมาอย่างไร บ้านเมืองก็วุนวายแน่ หากพรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ก็จะปลุกระดมว่ามีการโกงเลือกตั้ง ซึ่งการตีปลาหน้าไซได้เริ่มขึ้นแล้ว
หากพรรคเพื่อไทยได้ตั้งรัฐบาล เชิดหุ่นตัวใหม่ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะเอาทักษิณกลับบ้าน ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ตัวเอง รวมทั้งการกำจัดอำมาตย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทย โดยเฉพาะชนชั้นกลางในเมืองจะต้องลุกขึ้นมาขับไล่ นช.ทักษิณอีกรอบโดยพร้อมเพรียงกัน เหมือนครั้งที่ เขาขายหุ้นชินคอร์ป โดยไม่จ่ายภาษีแม้แต่แดงเดียว ที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ชี้ชะตาของทักษิณในครั้งนั้น
ก่อนจะถึงวันนั้น ก่อนที่จะรู้ผลการเลือกตั้ง ในระหว่างนี้แกนนำคนเสื้อแดงที่สัญญากับศาลว่าจะไม่ก่อความวุ่นวาย ไม่ปลุกปั่นยุยง ก็สุมไฟให้ร้อนระอุขึ้นๆ รอเวลาที่จะเผาบ้าน เผาเมืองกันอีกรอบหนึ่ง
พวกเขาเลือกใช้วิธี “ล้มเจ้า” ปราศรัยในคืนวันที่ 10 เมษายน ป้ายสี ใส่ร้าย จาบจ้วงสถาบัน ด้านหนึ่งเป็นเจตนาที่แท้จริงที่ไม่เคยปิดบังว่าต้องการ “ล้มเจ้า” ที่ดำเนินการทั้งโดยเปิดเผย และซ่อนเร้น ควบคู่ไปกับการเคลื่อนไหวให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อันเป็นความผิดเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ โดยนักวิชาการไร้เดียงสา และนักวิชาการเสื้อแดงที่ใช้มาตรานี้ เป็นสัญลักษณ์แทนสถาบัน
อีกด้านหนึ่ง เพื่อยั่วยุกดดันให้รัฐบาล และกองทัพ ต้องออกมาดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งจะถูกนำไปใช้เป็นเงื่อนไข “สองมาตรฐาน” อีกครั้ง เพื่อปลุกระดมไพร่แดงให้มาเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองอีกรอบหนึ่ง
นช.ทักษิณ และแกนนำคนเสื้อแดง ทำให้สังคมไทย คนไทยตกอยู่ภายใต้ความกลัวว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาท่องคาถาปรองดองสามัคคี สะกดคนไทย ให้อยู่นิ่งๆ ปล่อยให้พวกเขากระทำต่อบ้านเมือง กระทำต่อสถาบันตามอำเภอใจ
ปีที่แล้ว รัฐบาลและกองทัพอยู่ภายใต้ความกลัวนี้นานหลายเดือน ยอมให้คนเสื้อแดง ปิดถนน ฆ่าทหาร ฆ่าคนบริสุทธิ์ บุกโรงพยาบาล กดดันให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแก้ปัญหาของ นายใหญ่ และยอมแม้กระทั่งยุบสภาตามข้อเรียกร้องของพวกเขา เพราะกลัวว่าจะเกิดการสูญเสีย จะเกิดความรุนแรง กลัวว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ ผู้บัญชาการทหารบกเกษียณแล้วจะต้องขึ้นศาลอีกหลายปี
สุดท้ายเมื่อ นช.ทักษิณ และแกนนำคนเสื้อแดงประเมินสถานการณ์ผิด อ่านใจคนไทยพลาด รัฐบาล กองทัพ สลัดความกลัวออกไปได้ ตัดสินใจขั้นเด็ดขาดดำเนินยุทธการกระชับพื้นที่ คนเสื้อแดงก็แตกกระเจิง พ่ายแพ้อย่างย่อยยับ แกนนำถูกจับ หลายคนต้องหลบหนี นช.ทักษิณ ต้องหลบลี้หนีหน้าเก็บตัวเงียบไม่กล้าเป็นข่าวอยู่นานเกือบปี
ที่สำคัญคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้บัญชาการทหารบกต่อจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ท่ามกลางเสียงปลุกผีเสื้อแดงในวัดปทุมวนารามฯ และผีญี่ปุ่น ก็เพราะคนไทยยอมรับ ชาวโลกเข้าใจในเหตุปัจจัยแห่งการเผาบ้านเผาเมืองครั้งนั้น
คนไทยได้วันสงกรานต์กลับคืนมาก็เพราะ ไม่ยอมให้ นช.ทักษิณ และแกนนำคนเสื้อแดง สะกดให้อยู่ในอำนาจความกลัวอีกต่อไป
บัดนี้ นช.ทักษิณ และแกนนำคนเสื้อแดงใช้อำนาจแห่งความกลัว สะกดให้สังคมไทยอยู่เฉยๆ ด้วยอำนาจแห่งความกลัวนี้ ทำให้นายอภิสิทธิ์เอาแต่ท่องคาถา “ปรองดอง สามัคคี ยุบสภา เลือกตั้ง” ปล่อยให้แกนนำคนเสื้อแดงได้รับการประกันตัว ออกจากคุกมาสุมฟืนรอเผาบ้านเผาเมืองอีกครั้งหนึ่ง
นช.ทักษิณ และแกนนำคนเสื้อแดง ใช้อำนาจแห่งความกลัวนี้สะกดให้คนไทยดูดายต่อการกระทำต่อสถาบัน ใครที่รู้ทันเข้าขัดขวางโดยใช้เครื่องมือทางกฎหมาย เช่น พล.อ.ประยุทธ์ กับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็จะถูกสื่อเสื้อแดงตำหนิว่าใช้สถาบันเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้าม ใช้ระบบสองมาตรฐาน ทำให้คนไทยแตกแยกกันอีก
พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมอบหมายให้นายทหารกรมพระธรรมนูญ แจ้งความดำเนินคดีต่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ และพวกอีก 2 คน ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กล่าวว่า “เราไม่ควรกลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัว เราไม่ควรกลัวคนเลว”
ประเทศไทยหลังเลือกตั้ง อย่างไรเสียก็ต้องเกิดความวุ่นวาย เกิดความรุนแรงอยู่แล้ว เพราะ นช.ทักษิณ ไม่ยอม จะรอให้ถึงวันนั้น เหมือนเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองปีที่แล้ว ทำไม รัฐบาล กองทัพ ผู้มีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียร้อย โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรม ต้องตระหนักว่า ความกลัวว่าจะเกิดความแตกแยก ความกลัวว่าจะถูกกล่าวว่ามีสองมาตรฐาน จึงไม่ทำในสิ่งที่จะต้องทำ เมื่อถึงเวลาที่เกิดความรุนแรง เกิดความเสียหายท่านต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย