รัฐบาลตรึงต่อราคาน้ำมันดีเซล 30 บาทต่อลิตร ยกเว้นภาษีสรรพสามิต-ภาษีมูลค่าเพิ่ม 5.70 บาทต่อลิตร เตรียมชงเข้าที่ประชุม ครม.พุธนี้ ขณะที่ นายกฯ ย้ำ กองทุนชดเชยกันเศรษฐกิจซ้ำเติม ส่งผลค่าขนส่ง-ราคาสินค้าพุ่ง เชื่อ กองทุนน้ำมันไม่กระทบช่วงเปลี่ยนผ่าน เมื่อได้รัฐบาลใหม่สิงหาฯ ก.คลัง ชี้ ส่งผลกระทบงบปี 54 กว่า 45,000 ล้านบาท
วันนี้ (18 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้หารือกับ นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่า รัฐบาลมีแนวทางที่จะตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร โดยไปใช้การลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5.30 บาทต่อลิตร และภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 40 สตางค์ต่อลิตร รวม 5.70 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ จะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันจากลิตรละ 5.31 บาทต่อลิตร เหลือ 0.005 บาทต่อลิตร ซึ่งจะมีพิจารณาเรื่องการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลในที่ประชุม ครม.วันพุธที่ 20 เมษายนนี้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มใช้หลัง ครม.อนุมัติ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โดยปัจจุบันกองทุนน้ำมันชดเชยให้ลิตรละ 6.40 บาท แต่ถ้าไม่มีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลจะตกอยู่ที่ลิตรละ 36.40 บาท จะทำให้ราคาสินค้ารวมถึงค่าขนส่งจะปรับตัวสูงขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม กองทุนน้ำมัน ถ้าหักหนี้ต่างๆ ก็ยังเหลือเงินอยู่กว่า 4,000 ล้านบาท ถ้ามีการอุดหนุนราคาน้ำมัน 6.40 บาท ต่อไปก็จะอยู่ได้ไม่เกินสิ้นเดือนเมษายนนี้
“ความจำเป็นที่ต้องดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท เพื่อที่จะบริหารเศรษฐกิจในภาพรวม เพราะถ้าหากปล่อยให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น และเป็นต้นทุนที่สูงขึ้น ราคาสินค้าปรับราคาขึ้น จะไปซ้ำเติมเศรษฐกิจทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งในเรื่องของภาวะเงินเฟ้อ เงินฝืด ซึ่งได้รับผลกระทบจากต้นทุนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ในสภาวะของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน จากปัญหาที่วิกฤติที่เกิดในประเทศญี่ปุ่น ปัญหาวิกฤติทางการเมือง ทำให้ในขณะนี้มีการประมาณการว่าเศรษฐกิจโลกไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็ว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า หากเข้าช่วงเปลี่ยนผ่านในส่วนของกองทุนจะมีปัญหาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ช่วงเปลี่ยนผ่านหากไปถึงปลายเดือนกรกฎาคมยังเดินไปได้ หรือถึงเดือนสิงหาคมเมื่อรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา และนี้ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หรือมุ่งแต่แก้ไขเรื่องของราคาน้ำมันในวันนี้ แต่พูดถึงปัญหาเศรษฐกิจที่ในวันนี้ที่ขณะนี้หลายฝ่ายบอกว่า ถ้าปล่อยไปเงินเฟ้อจะสูงขึ้น เศรษฐกิจซบเซาก็กระทบความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค ต้องชั่งใจกันเหมือนกับที่เราเจอวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่เอาเงินใส่กระเป๋าประชาชนแล้วบอกว่า เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่ความจริงไม่ใช่ ถ้าเราไม่ทำวันนั้นเศรษฐกิจก็ซบเซา เก็บภาษีได้น้อยลง
ด้าน นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในวันที่ 19 เม.ย.นี้ จะเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อปรับลดการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 40 สต. เหลือเพียงลิตรละ 6 บาท เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลง
ขณะที่ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การยกเลิกการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลชั่วคราวนี้ จะส่งผลกระทบในปีงบประมาณ ปี 54 (ก.ย.54) จำนวน 45,000 ล้านบาท โดยเป็นผลกระทบต่อภาษีสรรพสามิต 42,480 ล้านบาท และภาษีมูลค่าเพิ่มประมาณ 1,900 ล้านบาท แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฐานะการคลังใดๆ และเชื่อว่า จะทำให้การขาดดุลงบประมาณในปี 54 ต่ำกว่าที่เคยประมาณการณ์ไว้ที่ 420,000 ล้านบาท
ด้าน นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล โดยในระยะสั้นเห็นด้วย ก็ดีกว่าปล่อยให้เงินเฟ้อ หรือราคาสินค้าฟุ่งขึ้นไป แต่ถ้าในระยะกลางและระยะยาว หน้าจะหาวิธีผ่อนคลายเข้าไปสู่กลไกตลาดหน้าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ซึ่งถ้ามีการดูแลในภาคส่วนของการขนส่ง เพราะถ้าไม่มีการดูแลทุกคนจะหันมาใช้น้ำมันดีเซลกันหมด และอาจจะทำให้กลไกเปลี่ยนแปลงไป เพราะเห็นว่าราคาน้ำมันต่างกันตั้ง 6 บาท คิดเป็น 20% ทำให้เกิดแรงจูงใจค่อนข้างเยอะ
