เลขาฯ ปชป.ออกหนังสือหลอนคนไทย ฉบับพิเศษชื่อ “ประเทศไทยของเราอย่าให้ใครเผาอีก” บรรจงเขียนเอาดีใส่ตัว ซัด “แม้ว” ตัวบงการเผาบ้านเผาเมือง ท้าสู้กันตามแนวประชาธิปไตย ยอมรับตาปริบๆ หาก ชาวบ้านเลือก พท.ได้เสียงข้างมากตั้งรัฐบาล แก้นิรโทษกรรมแน่ ที่แท้เข้าตำราไม่เลือกเรา-เขามาแน่
วันนี้ (4 เม.ย.) ทีมงานของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้นำหนังสือ “ฉบับพิเศษ ประเทศไทยของเราอย่าให้ใครเผาอีก” เรียบเรียงจากปากคำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ขอคิดด้วยคน หน้าปกเป็นรูปนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยืนชี้มือ โดยมีภาพหลังเป็นเปลวควันไฟพวยพุ่งจากการเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองเมื่อเดือนเมษายน ปี 2553 ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือดังกล่าว มีทั้งหมด 111 หน้า โดยมีหัวข้อใหญ่ๆ 6 เรื่อง ประกอบด้วย การเปิดเรื่องด้วยหัวข้อ ประเทศไทยของเราอย่าให้ใครเผาอีก 2.ปี 2552 ก้าวข้ามสงครามกลางเมือง 3.ปี 2553 เผาประเทศเพื่อใคร 4.ความจริง 10 เมษายน กองกำลังชุดดำฆ่าทหาร ฆ่าประชาชน 5.ใครเผาประเทศไทย 6.ประเทศไทยของเรา อย่าให้ใครเผาอีก
ทั้งนี้ ในแต่ละหัวข้อใหญ่ดังกล่าวมีหัวข้อย่อยที่เกี่ยวเนื่องไล่เลียงกันมาเป็นลำดับ หัวข้อที่น่าสนใจในหัวข้อใหญ่ ใครเผาประเทศไทย ที่ระบุในหัวข้อย่อยที่ 1 เรื่อง ใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์? โดยนายสุเทพระบุว่า “ฝ่ายค้านพยายามกล่าวหาผมปล่อยปละละเลยให้มีการเผาเซ็นทรัลเวิลด์ พูดจากันถึงขนาดว่าเอาทหารเข้ามาเผา ทหารวางระเบิด ทำให้เกิดเพลิงไหม้ โดยอ้างว่า ปล่อยให้คนเผาลอยนวล ทำอะไรไม่ได้ ทั้งหมดเป็นความเท็จ โกหกโดยสิ้นเชิง
คนที่เผาเซ็นทรัลเวิลด์นั้น เจ้าหน้าที่จับกุมตัวคนร้ายได้แล้ว 4 คน คือ นายสายชล แพบัว อายุ 28 ปี นายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 26 ปี นายอรรถพล วันโต อายุ 17 ปี และนายภาสกร ชัยสีเทา อายุ 17 ปี สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว กรมสอบสวนคดีพิเศษ เห็นควรสั่งฟ้อง เสนอพนักงานอัยการพิเศษ และพนักงานก็ได้มีคำสั่งฟ้องต่อศาลอาญา คดีหมายเลขดำ 2472/2553 และยังมีอีก 5 คน ที่มีรายชื่อ มีหลักฐานเพียงพอ สามารถที่จะออกหมายจับได้ทั้งหมด รวมเป็น 9 คน
ความพยายามบิดเบือน โกหก ใส่ร้ายป้ายสีเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อเอาตัวรอดจากการกระทำของตน เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่มีพยานหลักฐานชัดเจน ข้อเท็จจริงเหล่านี้มันเป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น แล้วประวัติศาสตร์จารึกไว้แล้วแก้ไขบิดเบือนไม่ได้”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพได้เขียนถึงพฤติกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในหลายหัวข้อ โดยเฉพาะในหัวข้อย่อยที่ 10 คือ เรื่องที่ไม่ได้เปิดเผยในสภา ซึ่งมีเนื้อหาสี้นๆ ที่ระบุ ถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “บางเรื่อง ผมไม่ได้เปิดเผยในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพราะเห็นว่าไม่บังควร แต่ผมได้อ่านรายงานทุกวัน ทราบว่า เวลา พ.ต.ท..ทักษิณ วิดีโอลิงก์ไปยังยูเอสเอ (USA) หรือแดงประเทศนั้น ประเทศนี้ แล้วพูดจาที่ไม่บังควรอย่างไรบ้าง ผมเรียนว่า ถ้าคนไทยได้ยิน ไม่ได้กลับบ้านหรอกครับ”
ในขณะที่หัวข้อประเทศไทยของเราอย่าให้ใครเผาอีก ซึ่งเป็นหัวข้อสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้ มีเรื่องทีน่าสนใจหลายเรื่อง โดยเฉพาะในหัวข้อย่อยที่ 1 เรื่องแผนก่อการร้ายประเทศไทย นายสุเทพ ได้ระบุตอนหนึ่งว่า “วันนั้นต้องการนองเลือดกัน เขายกรูปแบบที่เคยเหตุการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2553 มาเป็นตัวตั้ง แล้วพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดเหตุจลาจลนองเลือดแบบปี 2553 หวังจะให้มีคนลงมายุติ จะได้เจรจาต่อรองให้ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้กลับประเทศไทยโดยไม่ต้องติดคุก ให้ได้ทรัพย์สินทั้งหมดคืน เพียงยกเหตุผลสวยหรูดูดีขึ้นมาบังหน้า เอามาหลอกล่อประชาชน และสาธารณชนทั้งสื้น เพราะถ้าให้เหตุผลเพื่อประชาธิปไตย เพื่อหวังจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ ต้องรับข้อเสนอปรองดองของท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ไปแล้ว ป่านนี้เลือกตั้งกันไปแล้ว ป่านนี้ตั้งรัฐบาลใหม่กันไปแล้ว”
นายสุเทพยังเขียนถึงหัวข้อ “เครือข่ายก่อการร้าย” ว่า เหตุการณ์ร้ายแรงทั้งหมดทั้งหลายที่เกิดขึ้นมา เพราะคนคนเดียว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกตัดสินจำคุก และยึดทรัพย์ เป็นสาเหตุที่มาของเรื่องทั้งหลาย และเป็นเหตุกระบวนการทั้งหมด คนเหล่านี้ได้พยายามที่จะเคลื่อนไหว โดยอ้างรัฐธรรมนูญเรื่องการชุมนุมดยสงบสันติ แล้วกระทำเหตุรุนแรงคู่ขนานกับการชุมนุมอย่างได้เล่าไปแล้ว ไม่ว่าเหตุการณ์วันที่ 7 9 10 เมษายน 2553 หรือ กระทั่งในช่วง 13-19 พฤษภาคม รัฐบาลได้แก้ไขปัญหาทั้งหลายทั้งปวงด้วยความอดทน และใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ
“ผมอยากฝากไปถึงนายใหญ่ของคนพวกนี้ว่า ถ้ารักบ้านรักเมืองรักประเทศชาติ รักประชาชน วันนี้ไม่สายที่จะมาร่วมมือกัน รัฐบาลเปิดโอกาสให้แล้ว ท่านนายกฯ ประกาศวันเวลาแน่ชัดแล้วว่าจะมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เริ่มต้นใหม่ มาสิครับ มาต่อสู้กันตามแนวทางประชาธิปไตย เดินในแนวทางประชาธิปไตยให้ถูกต้อง พวกท่านเป็นพรรคการเมือง ผมเป็นพรรคการเมือง ไปหาเสียงแข่งขันกัน มีนโยบาย มีแนวทางอย่างไรก็ไปเสนอกับประชาชน พี่น้องประชาชนตัดสินใจเลือกใครร เข้ามา ก็เข้ามาดูแล มีอำนาจบริหารราชการบ้านเมือง แต่ท่านต้องต่อสู้ตามแนวทางอารยะที่สุจริต สะอาด ประชาธิปไตย เหมือนที่อารยะประเทศเขาทำกัน
ถ้าพี่น้องประชาชนชอบท่าน ศรัทธาท่าน เลือกท่านเข้ามาเกินครึ่งในสภานี้ ท่านก็ตั้งรัฐบาล ท่านมีเสียงข้างมาก ท่านจะออกกฎหมายใหม่นิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งหมดก็ได้ หากไม่ผิดรัฐธรรมนูญ ไม่ผิดกฎหมาย พวกผมก็นั่งดูตาปริบๆ คุณจตุพรลองโทรศัพท์ไปปรึกษานาย มาต่อสู้กันตามวิถีประชาธิปไตยที่ขาวสะอาด ถ้าอยากให้คนเห็นใจก็กลับมาติดคุกดูสักพัก แล้วก็ไปโฆษณาประชาสัมพันธ์เลยว่าถ้าอยากจะเอาออกจากคุก ก็เลือกให้เต็มสภา บางทีเขาอาจจะเลือก อย่างนี้ดีกว่าที่จะมาก่อการร้าย สร้างความวุ่นวาย ผลาญชีวิตผู้บริสุทธิ์ ผลาญชีวิตเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่มาเล่น นออกกติกา เอาเปรียบกันอย่างนี้ เล่นทั้งมีพรรคการเมือง เล่นทั้งไปสร้างมวลชน ปลุกระดมเอาไว้ เล่นทั้งมีกองกำลังติดอาวุธ อย่างนี้ มันไม่ใช่วิธีการต่อสู้ตามระบอบประชาธิปไตย แต่ทีทำกันมา ทำให้ผมคิดถึงสมัยที่ผมยังเป็นกำนัน อยู่ที่สุราษณฎร์ ผมเห็นพฤติกรรมอย่างนี้ พรรคคอมมิวนิสต์เขาทำกัน วันนี้เครือข่ายทักษิณทำเหมือนกัน แต่สร้างวาทกรรมใหม่ คือ อำมาตย์ และไพร่ แบ่งคนเป็นสองกลุ่มสองพวก โจมตีสถาบันองคมนตรี โจมตีอำมาตย์ว่าเป็นคุมอำนาจ ชี้นำประชาชน ทั่วไปเป็นไพร่ที่จมอยู่ ไม่ได้รับการศึกษาเพราะถูกกดขี่ ไม่ได้รับความเป็นธรรม นี้คือสิ่งที่กำลังไปปลุกระดมกันอยู่ในหมู่บ้าน ในตำบล ในขณะนี้”