เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 เห็นการอภิปรายซักฟอกรัฐบาล ของพรรคเพื่อไทย และ“หัวโจก” คนเสื้อแดงในคราบของส.ส.ยังสามารถหยิบยกเอาเหตุการณ์ “จลาจล-เผาเมือง” เมื่อปี 52-53 หันกลับมา “แว้งกัด” ถล่มจนซวนเซได้ทุกที แถมมีแนวโน้มจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ฝ่ายที่จมดินน่าจะเป็นพวก “ผู้ก่อการร้ายเสื้อแดง” เสียมากกว่า เพราะหลักฐานที่เห็นอยู่มันชัดๆโต้งๆ ไม่น่าจะถูกนำมา “บิดเบือน” เป็นอย่างอื่นได้เลย เพราะในปัจจุบันมีทั้งภาพและเสียง ที่เปิดเผยให้เห็นเป็นหลักฐานเป็นขั้นเป็นตอน เป็นลำดับ
00 มีการปลุกระดม ให้ “เผา” ให้ “ฆ่า” มีหลักฐานปรากฏชัดเจน เหตุการณ์ “นองเลือด” ล้วนเกิดขึ้นหลังจากพวกแกนนำเสื้อแดงบนเวทีพูดปลุกระดมอยู่ตลอดเวลา ทั้ง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่พูดจาสนุกสนานว่า “ถ้าตกใจก็จะวิ่งเข้าเซ็นทรัลเวิลด์” หรือ “ตกใจก็จะวิ่งที่ไปร้านนาฬิกาหรู” หรือ “ถ้าใครยึดอำนาจพวกผม เผาเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง” ฯลฯ
00 อย่าง “ไอ้กี้ร์” ก็บอกว่า เวลาเข้ากรุงเทพฯ ให้นำขวดเปล่ามาคนละขวดสองขวด “น้ำมันไปหาเอาข้างหน้า รับรองกรุงเทพฯ เป็นทะเลเพลิงแน่” ขณะที่ “ผู้ก่อการร้ายตัวพ่อ” หน้าเหลี่ยม ทักษิณ ชินวัตร ก็วิดีโอลิงค์ เข้ามาปลุกระดมว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นให้ทุกคนไปที่ศาลากลางทุกจังหวัด อย่างนี้มีส่งสัญญาณว่าอย่างไรละพี่น้อง
00 เหตุการณ์ “หมาลอบกัด” ยิงถล่มทหารที่เข้ามากระชับพื้นที่บริเวณแยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 ทำให้ทหารมือเปล่ารวมทั้ง พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรอง เสธ.พล.ร. 2 ค่ายจักรพงษ์ อ.เมือง ปราจีนบุรี ต้องเสียชีวิต อย่างโหดเหี้ยม และมีหลายคนบาดเจ็บ เป็นการลงมือที่มีการวางแผนล่วงหน้า จาก “ฝ่ายกองกำลังติดอาวุธ” ชุดดำ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีการ “ฝึกมาดี” แต่ขณะเดียวกันเมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อเหตุการณ์สลายการจลาจล เมื่อเดือนเม.ย. ปี 52 ตอนนั้น พ.อ.ร่มเกล้า (พล.อ.ร่มเกล้า) เป็นกำลังสำคัญในการเข้ามาควบคุมพื้นที่ที่บริเวณ “สามเหลี่ยมดินแดง” โดยไม่เสียเลือดเนื้อ ทำให้มีข้อสังเกตว่าการ “ฆ่า พ.อ.ร่มเกล้า” คือการ “แก้แค้น” นั่นเอง ส่วนจะเป็นฝีมือของ “ทหารแตงโม” หรือ “ตำรวจมะเขือเทศ” รัฐบาลก็ต้องมีปัญญาไปสืบสาวมาให้ได้
00 แต่ประเด็นก็คือทำไมรัฐบาล โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง อย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยัง “ซื่อบื้อ” ปล่อยให้คนพวกนี้ใช้เวทีสภามาบิดเบือน “ฟอกโจรให้เป็นพระเอก” แต่อีกด้าน มันก็สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ที่ผ่านมาฝ่ายรัฐบาลที่ใช้อำนาจรัฐมัน “ห่วยแตก” แค่ไหน
00 หลังจากมีการ “ดักคอ” จากฝั่งภูมิใจไทย โดย “ซาเล้ง” โสภณ ซารัมย์ ว่าเสียงโหวตต้องออกมา “เท่ากัน” ทำนองว่าหากผิดไปจากนี้ “อาจมีเรื่อง” อะไรประมาณนั้น เพราะรู้อยู่แล้วว่า “ศึกซักฟอก” เที่ยวนี้กลายเป็นว่า “ภูมิใจห้อย” โดนหนักกว่าใคร แถมรมต.ในสังกัดแต่ละคน พูดจาไม่ค่อยคล่อง “กุกๆกักๆ” ทำให้ผลออกมาติดลบมากขึ้น นี่แหละจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมถึงต้องการยื้อวันโหวตออกไปก่อน แต่เมื่อต่อรองได้รับคำตอบเป็นมั่นเหมาะ ก็ไม่มีปัญหา
00 พิจารณาในภาพรวมการซักฟอกเที่ยวนี้ ก็ต้องยอมรับว่า ผลงานของ “ฝ่ายค้าน” ไม่สมราคาคุย ชาวบ้านอุตส่าห์ตั้งตารอ “หลักฐาน” ชิ้นเด็ด เพื่อน็อกรัฐบาล “ขี้โกง” แต่ทำได้แค่นำข้อมูล “ตัดแปะ” จากหนังสือพิมพ์ มาฉายซ้ำเท่านั้น ไม่อาจทำอะไรพวก “นักโต้วาที” ประเภท “เขี้ยวลากดิน” ในพรรคประชาธิปัตย์ได้เลย ทำให้การอภิปราย 4 วัน ไม่มีประโยชน์เปลืองค่าน้ำค่าไฟเปล่าๆ และที่สำคัญคนอย่าง “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ก็เป็นได้แค่คน “รับใช้” ไม่อาจ “ดันก้น” ขึ้นมานำได้เลย ทุด !!