พรรคเพื่อไทยยังดำรงอยู่ในสภาพขาดหัวหน้าพรรคตัวจริงต่อไป แม้ว่าจะมีการแง้มชื่อออกมาเป็นระยะ แต่หวยก็ยังไม่ออกว่าเป็นใครซักที ต้องรอลุ้นกันว่าชื่อแม่ทัพใหญ่เพื่อไทยจะโผล่มาเมื่อไหร่
ล่าสุด ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ถูกบอกปัดไปอีกราย ว่าชื่อนี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ทักษิณ ชินวัตร จะผลักดันให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หรือแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
ปานปรีย์เป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอนอยู่พรรคคอยทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์พรรค โดยเฉพาะการคิดนโยบายพรรค แต่ทำงานได้ไม่เท่าไหร่ ก็เกิดอาการฝ่อ ออกจากเพื่อไทยไปแบบดื้อๆ ในช่วงพรรคก็กำลังมีปัญหากระแสตกจากปัญหาคนเสื้อแดง ที่แกนนำ-ส.ส.พรรคหลายคน เอาพรรคไปผูกเป็นสองขาให้ทักษิณใช้ทั้งในสภาฯ-นอกสภาฯ
เด้งเชือกออกไปในช่วงสถานการณ์ลำบาก เลยทำให้หลายคนในพรรคเพื่อไทยไม่ค่อยพอใจปานปรีย์ เพราะมองว่า ปานปรีย์ลุยไม่จริง-เอาตัวรอด
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก พอมีข่าวปานปรีย์เสนอออกมา ก็ถูกคนในเพื่อไทยออกมาปฏิเสธทันที
รวมทั้ง พอมีข่าวว่าปานปรีย์จะกลับเพื่อไทย คนในพรรคเพื่อไทยก็เคลื่อนไหวร่วมพลังกันออกแรงต้าน ด้วยเสียงก่นด่าว่า ปานปรีย์เป็นคนโลเล อ่านใจลำบาก ใจมด ดีแต่ท่าเอาจริงไม่ได้เรื่อง ปฏิกิริยาไม่ต้อนรับดังอื้ออึงเช่นนี้ ปานปรีย์ก็นกรู้รีบออกมาปฏิเสธพัลวัน ว่า ขอเว้นวรรค เพื่อลดกระแสต้านจากพรรคเก่าไม่ให้กระเทือนตัวเอง
ก็เป็นอันว่า ถึงตอนนี้นอมินีของทักษิณที่จะเป็นแม่ทัพใหญ่นำขบวนพลพรรคเพื่อไทยเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ ยังไม่ลงเอยว่าจะเป็นใคร...
ปัญหาในเพื่อไทยยังยุ่งอีกหลายด้าน แม้แต่ทีมเศรษฐกิจก็มีปัญหาอยู่ไม่น้อย เพราะจับอาการออกได้ว่า ทักษิณ คงไม่ให้มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ โดดเด่นเกินไปในเรื่องเศรษฐกิจ เนื่องจากคงกลัวว่า จะแย่งซีนไปหมด ทักษิณ เลยกั๊กจะขอเป็นคนเปิดนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจของเพื่อไทยเองทั้งหมดในช่วงใกล้เลือกตั้ง
ทั้งที่ จะว่าไป คนกำลังเบื่อ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของทีมเศรษฐกิจรัฐบาลประชาธิปัตย์เต็มที เพราะนอกจากไม่มีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว เรื่องอนาคต การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ก็มองไม่เห็นวิสัยทัศน์และความหวังใดๆ จากคนในประชาธิปัตย์ ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญใดๆเลยกับเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ เห็นได้จากไม่มีคำตอบให้กับนักธุรกิจ-นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศว่า หลังเลือกตั้งแล้ว หากประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลอีกรอบแล้วประเทศจะเดินไปในทางไหน อันเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากจะรู้
ดูได้จากเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ จัดสัมมนา ไทยแลนด์ โฟกัส เชิญตัวแทนสองพรรคการเมืองใหญ่ ที่แน่นอนว่าไม่พรรคใดก็พรรคหนึ่งต้องเป็นรัฐบาลแน่ คือประชาธิปัตย์กับเพื่อไทย มาดีเบตภาคภาษาอังกฤษถึงเรื่องทิศทางเศรษฐกิจของประเทศให้นักลงทุนชาวไทยและต่างประเทศได้ฟัง
ปรากฏว่าประชาธิปัตย์ ส่งโฆษกพรรค ที่ดีแต่พูด คือ “นพ.บูรณัชย์ สมุทรรักษ์” มาประกบ กับ “พิชัย นริพทะพันธุ์” อดีตรมช.คลัง ทีมเศรษฐกิจของเพื่อไทย
หลังจบงาน ผู้ฟังที่เป็นนักลงทุนต่างชาติเสียส่วนใหญ่ ยังมองไม่เห็นโอกาสประเทศไทยจากปากโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ สาเหตุเพราะ “หมอท๊อป”คงถนัดแต่การเมือง แถลงแต่ข่าวเสาร์-อาทิตย์ตีกินพื้นที่สื่อไปวันๆ ขาดการทำการบ้านโจทก์ใหญ่ของประเทศอย่างเรื่องเศรษฐกิจ
แต่ฝ่ายเศรษฐกิจเพื่อไทยอย่าง “พิชัย” ที่อาศัยประสบการณ์เก๋าจากชีวิตจริงในการทำธุรกิจ และเป็นมือทำงานด้านข้อมูลเศรษฐกิจให้พรรคเพื่อไทยมาสองปีกว่า และ “พิชัย” คงทำการบ้านมาเป็นอย่างดี เลยอธิบายได้เป็นฉากๆ ว่าหากเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล ทิศทางเศรษฐกิจทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นภาคการเงินการธนาคาร ภาคบริการ การท่องเที่ยว การคมนาคม การพลังงาน จะเดินไปในทางไหน
สุดท้าย แทนที่ประชาธิปัตย์ จะได้แต้ม เพราะได้เปรียบที่เป็นรัฐบาล สามารถเอาสิ่งที่ทำมาหาเสียงได้ แต่กลับเป็นฝ่ายเพื่อไทยฉกเอาแต้มไปได้ ทั้งๆที่ไม่มีผลงานในตอนนี้
แต่คนฟังแล้ว เห็นภาพเกิดความมั่นใจว่า เพื่อไทยน่าจะพูดแล้วทำได้มากกว่าประชาธิปัตย์
เซียนข้างชิ่ง
ล่าสุด ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ถูกบอกปัดไปอีกราย ว่าชื่อนี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ทักษิณ ชินวัตร จะผลักดันให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หรือแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
ปานปรีย์เป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอนอยู่พรรคคอยทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์พรรค โดยเฉพาะการคิดนโยบายพรรค แต่ทำงานได้ไม่เท่าไหร่ ก็เกิดอาการฝ่อ ออกจากเพื่อไทยไปแบบดื้อๆ ในช่วงพรรคก็กำลังมีปัญหากระแสตกจากปัญหาคนเสื้อแดง ที่แกนนำ-ส.ส.พรรคหลายคน เอาพรรคไปผูกเป็นสองขาให้ทักษิณใช้ทั้งในสภาฯ-นอกสภาฯ
เด้งเชือกออกไปในช่วงสถานการณ์ลำบาก เลยทำให้หลายคนในพรรคเพื่อไทยไม่ค่อยพอใจปานปรีย์ เพราะมองว่า ปานปรีย์ลุยไม่จริง-เอาตัวรอด
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก พอมีข่าวปานปรีย์เสนอออกมา ก็ถูกคนในเพื่อไทยออกมาปฏิเสธทันที
รวมทั้ง พอมีข่าวว่าปานปรีย์จะกลับเพื่อไทย คนในพรรคเพื่อไทยก็เคลื่อนไหวร่วมพลังกันออกแรงต้าน ด้วยเสียงก่นด่าว่า ปานปรีย์เป็นคนโลเล อ่านใจลำบาก ใจมด ดีแต่ท่าเอาจริงไม่ได้เรื่อง ปฏิกิริยาไม่ต้อนรับดังอื้ออึงเช่นนี้ ปานปรีย์ก็นกรู้รีบออกมาปฏิเสธพัลวัน ว่า ขอเว้นวรรค เพื่อลดกระแสต้านจากพรรคเก่าไม่ให้กระเทือนตัวเอง
ก็เป็นอันว่า ถึงตอนนี้นอมินีของทักษิณที่จะเป็นแม่ทัพใหญ่นำขบวนพลพรรคเพื่อไทยเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ ยังไม่ลงเอยว่าจะเป็นใคร...
ปัญหาในเพื่อไทยยังยุ่งอีกหลายด้าน แม้แต่ทีมเศรษฐกิจก็มีปัญหาอยู่ไม่น้อย เพราะจับอาการออกได้ว่า ทักษิณ คงไม่ให้มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ โดดเด่นเกินไปในเรื่องเศรษฐกิจ เนื่องจากคงกลัวว่า จะแย่งซีนไปหมด ทักษิณ เลยกั๊กจะขอเป็นคนเปิดนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจของเพื่อไทยเองทั้งหมดในช่วงใกล้เลือกตั้ง
ทั้งที่ จะว่าไป คนกำลังเบื่อ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของทีมเศรษฐกิจรัฐบาลประชาธิปัตย์เต็มที เพราะนอกจากไม่มีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว เรื่องอนาคต การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ก็มองไม่เห็นวิสัยทัศน์และความหวังใดๆ จากคนในประชาธิปัตย์ ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญใดๆเลยกับเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ เห็นได้จากไม่มีคำตอบให้กับนักธุรกิจ-นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศว่า หลังเลือกตั้งแล้ว หากประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลอีกรอบแล้วประเทศจะเดินไปในทางไหน อันเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากจะรู้
ดูได้จากเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ จัดสัมมนา ไทยแลนด์ โฟกัส เชิญตัวแทนสองพรรคการเมืองใหญ่ ที่แน่นอนว่าไม่พรรคใดก็พรรคหนึ่งต้องเป็นรัฐบาลแน่ คือประชาธิปัตย์กับเพื่อไทย มาดีเบตภาคภาษาอังกฤษถึงเรื่องทิศทางเศรษฐกิจของประเทศให้นักลงทุนชาวไทยและต่างประเทศได้ฟัง
ปรากฏว่าประชาธิปัตย์ ส่งโฆษกพรรค ที่ดีแต่พูด คือ “นพ.บูรณัชย์ สมุทรรักษ์” มาประกบ กับ “พิชัย นริพทะพันธุ์” อดีตรมช.คลัง ทีมเศรษฐกิจของเพื่อไทย
หลังจบงาน ผู้ฟังที่เป็นนักลงทุนต่างชาติเสียส่วนใหญ่ ยังมองไม่เห็นโอกาสประเทศไทยจากปากโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ สาเหตุเพราะ “หมอท๊อป”คงถนัดแต่การเมือง แถลงแต่ข่าวเสาร์-อาทิตย์ตีกินพื้นที่สื่อไปวันๆ ขาดการทำการบ้านโจทก์ใหญ่ของประเทศอย่างเรื่องเศรษฐกิจ
แต่ฝ่ายเศรษฐกิจเพื่อไทยอย่าง “พิชัย” ที่อาศัยประสบการณ์เก๋าจากชีวิตจริงในการทำธุรกิจ และเป็นมือทำงานด้านข้อมูลเศรษฐกิจให้พรรคเพื่อไทยมาสองปีกว่า และ “พิชัย” คงทำการบ้านมาเป็นอย่างดี เลยอธิบายได้เป็นฉากๆ ว่าหากเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล ทิศทางเศรษฐกิจทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นภาคการเงินการธนาคาร ภาคบริการ การท่องเที่ยว การคมนาคม การพลังงาน จะเดินไปในทางไหน
สุดท้าย แทนที่ประชาธิปัตย์ จะได้แต้ม เพราะได้เปรียบที่เป็นรัฐบาล สามารถเอาสิ่งที่ทำมาหาเสียงได้ แต่กลับเป็นฝ่ายเพื่อไทยฉกเอาแต้มไปได้ ทั้งๆที่ไม่มีผลงานในตอนนี้
แต่คนฟังแล้ว เห็นภาพเกิดความมั่นใจว่า เพื่อไทยน่าจะพูดแล้วทำได้มากกว่าประชาธิปัตย์
เซียนข้างชิ่ง