โฆษก ปชป.ประโคมหาเสียงล่วงหน้า เตรียมระดมพลโปรโมตผ่านสื่อลากยาวถึงเลือกตั้ง ฟุ้งนโยบายประชานิยม เพิ่มรายได้ 25% ให้กับกลุ่มผู้ใช้แรงงาน และภาคเกษตรกรรม “อรรถพร” โวย นปช.เคลื่อนไหวเอาเปรียบพรรคอื่น ชี้ หวังช่วย “ทักษิณ” ไม่ต่างหามศพกลับบ้าน
วันนี้ (30 มี.ค.) ที่รัฐสภา นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ส.ส.สัดส่วน ในฐานะโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการสรุปชุดนโยบายเพื่อขับเคลื่อนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยจะได้มีการดำเนินการเผยแพร่ถึงประชาชนโดยตรง ผ่านสปอตโทรทัศน์ และวิทยุ ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงยุบสภา และต่อเนื่องไปถึงช่วงเลือกตั้ง ซึ่งแนวนโยบายจะเน้นไปที่การเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ในภาวะที่ต้นทุนค่าครองชีพเพิ่มขึ้นสูง ทั้งนี้ ในเบื้องต้นได้ออกมา 2 ชุด นโยบายสำหรับกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่จะมีการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 25% ภายใน 2 ปี และกลุ่มเกษตรกรที่จะมีการเพิ่มการจัดทำรายได้ให้เพิ่มขึ้น 25% เช่นกัน โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ประทรวงแรงงานหารือกับทางนายจ้าง คือ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยชาติ และฝ่ายของลูกจ้าง คือ สภาองค์กรลูกจ้างแห่งประเทศไทย เพื่อหามาตรการในการขึ้นค่าแรงต่อปี ว่า ต้องมีอัตราส่วนเท่าไรที่ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจ โดยจะเริ่มการหารือในวันพรุ่งนี้ (31 มี.ค.) ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งยังได้สั่งการให้ ส.ส.แบ่งกลุ่มหาข้อมูลการจัดทำรายได้จากกลุ่มผู้ใช้แรงงานโดยตรง ซึ่งเบื้องต้นจะมีกลุ่ม ส.ส.หญิงของพรรคไปพบกับผู้ใช้แรงงานย่าน จ.ปทุมธานีเพื่อหาข้อมูล ก่อนนำข้อมูลจาก 2 ส่วนมาสรุปภายในวันที่ 1 เม.ย.ที่จะถึงนี้ และในส่วนของเกษตรกรจะมีการหาข้อมูลเพื่อกำหนดการปรับเพิ่มกำไร และประกันรายได้ให้เป็นขั้นตอนเช่นกัน โดยคำนวณจากต้นทุนค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น
นพ.บุรณัชย์ ยังได้กล่าวถึงการออกนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยด้วยว่า ส่วนใหญ่จะเป็นนโยบายเดิมที่เคยปฏิบัติมาแล้ว รวมไปถึงสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำมาตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งข้อแตกต่างมีเพียงนโยบายการจำนำข้าว ซึ่งต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ใช้การประกันข้าว เพราะเห็นว่าการจำนำข้าวมีช่องว่างในการทุจริต และไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงที หากต้องมาจัดการปัญหาเงินเฟ้อให้แล้วเสร็จก่อนตามที่พรรคเพื่อไทยระบุ
ขณะที่ นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะที่บรรยากาศกำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง แต่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยังมีการประกาศเคลื่อนไหวอยู่เป็นระยะแล้ว จะถี่ขึ้นในช่วงเดือน เม.ย.ซึ่งแกนนำทั้งนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็ประกาศชัดเจนว่า แม้จะมีการเลือกตั้งก็ยังจะเคลื่อนไหวต่อไป ทำให้ตนรู้สึกว่าพรรคเพื่อไทยเอาเปรียบต่อพรรคการเมืองอื่นในระบอบประชาธิปไตย เพราะใช้องค์ประกอบทุกอย่างเข้ามาช่วยในการเลือกตั้ง ทั้งมวลชน และกลุ่มติดอาวุธที่ยังมีความพร้อมเข้ามาต่อสู้อยู่ ซึ่งทำให้ประเทศต้องประสบกับภาวะความขัดแย้ง ไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ช่วงหลังมีการโฟนอินเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และย้ำถึงการขอให้มวลชนช่วยนำตัวเองกลับบ้าน ทำให้นโยบายของพรรคเพื่อไทยจะไม่ใช่การทำเพื่อส่วนรวม แต่เป็นนโยบายที่ต้องการหามศพกลับบ้าน โดยศพนั้นยังหายใจอยู่