xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” โหมกระแสเลือกตั้งสูสี-ล็อกเป้าตั้งรัฐบาลรอบสอง!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

จะเรียกว่าเกิดมาเพื่อเล่นเกมการเมืองโดยเฉพาะก็ว่าได้สำหรับพรรคประชาธิปัตย์และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ว่าได้ สำหรับการเปิดเกม “ล้างไพ่” ยุบสภาในเดือนพฤษภาคมและเลือกตั้งใหม่ในราวต้นเดือนกรกฎาคม ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะนี่คือการวางแผนล่วงหน้าอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เป้าหมายก็เพื่อกลับมาอีกรอบ แต่คราวนี้คาดหวังว่าต้อง “เข้ม” กว่าเดิม

หากพิจารณากันอย่างอย่างตรงไปตรงมาก็ไม่ควรแปลกใจ เพราะคนพวกนี้ถือว่าระดับ “เขี้ยว” โดยเฉพาะสำหรับนายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ในวงการเมืองมานานเกือบ 20 ปี ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน ถ้าพิจารณาตามสถานการณ์ก็จะพบว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผ่านมากว่า 2 ปี ถือว่ามาถึงทางตัน เดินต่อไปไม่ได้ดีกว่านี้อีกแล้ว สารพัดปัญหากำลังรุมเร้าเข้ามาอย่างหนัก ทั้งในเรื่องปัญหาทางเศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูงเรียกว่ายุค “ข้าวยากหมากแพง” ชาวบ้านเดือดร้อนแสนสาหัส

ขณะเดียวกัน เกิดการทุจริตคอร์รัปชันในรัฐบาลของเขาอย่างกว้างขวาง ไม่ยิ่งหย่อนกว่ารัฐบาลชุดก่อนที่เคยไปกล่าวหาเขามา ทำให้ภาพลักษณ์ของนายกรัฐมนตรีออกมาเป็นลบ ถูกเหยียดหยามว่า “ดีแต่พูด” หรือพูดอย่างทำอย่าง

สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลมีภาพติดลบลงทุกวันล้วนสะท้อนออกมาจากผลสำรวจของชาวบ้านทั่วประเทศที่ออกมาในโทนเดียวกันนั่นคือ “ไม่แฮปปี้” กับรัฐบาลชุดนี้เอาเสียเลย

เพราะแม้แต่นำไปเปรียบเทียบกับพรรคเพื่อไทยที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุจลาจลเผาเมืองของคนเสื้อแดงเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา ผลที่ออกมายังพบว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังเหนือกว่าเล็กน้อยเท่านั้นเอง ขณะที่คะแนนของนายกฯ อภิสิทธิ์ ก็ติดลบฮวบฮาบอย่างไม่น่าเชื่อ ขณะที่ปัญหาตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาก็สร้างความผิดหวังให้กับชาวบ้าน เพราะเสียทั้งอธิปไตยและเสียศักดิ์ศรีของชาติ ความศรัทธาที่เคยมีให้ก็หดหายลงไปเรื่อยๆ

ปรากฏการณ์ที่รุมเร้าเข้ามาดังกล่าวทำให้มีแต่ภาพลบ ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เริ่มมีกระแสข่าวเรื่อง “อุบัติเหตุ” ไม่มีเลือกตั้งเกิดขึ้น

แต่อย่างว่าเมื่อขึ้นชื่อว่า “เขี้ยว” มันก็ต้องแก้เกม และนี่คือที่มาของการสร้างกระแส “ยุบสภา” เป้าหมายก็เพื่อลดแรงกดดันที่กำลังรุมเร้าดังกล่าว เพราะหากจำกันได้ก่อนหน้านี้เมื่อกระแส อุบัติเหตุกำลังพุ่งขึ้นสูง นายกฯ อภิสิทธิ์ ก็ได้ส่งสัญญาณและมีการขยายความออกมาให้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านทางรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ระบุว่าจะมีการยุบสภาไม่เกินวันที่ 7-10 พฤษภาคม

พร้อมๆ กับไฟเขียวให้ประกันตัว “หัวโจก” คนเสื้อแดง โดยอ้างเรื่องความปรองดอง แต่มีหลายคนวิเคราะห์ว่านี่คือเป้าหมายเพื่อให้ออกมา “คานรัฐประหาร” ขณะเดียวกัน ได้เรียกร้องให้ชาวบ้านร่วมมือกันป้องกันอุบัติเหตุ ความหมายก็คือให้ร่วมกันต่อต้านการรัฐประหาร นั่นเอง

นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องโยงเข้ามาเกี่ยวข้องในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันก็มีคอมเม้นต์และท่าทีจาก ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่คัดค้านการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปกรณีไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ที่ประเทศอินโดนีเซีย หรือประเทศที่สาม พร้อมทั้งคัดค้านการให้ทหารอินโดนีเซียเข้ามาสังเกตการณ์ในพื้นที่ชายแดน ซึ่งทั้งสองกรณีดังกล่าวสวนทางและคัดง้างกับความเห็นของนายกฯอภิสิทธิ์ และกระทรวงการต่างประเทศ อย่างสิ้นเชิง

ขณะเดียวกัน เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมชายแดนไทย-กัมพูชา 3 ฉบับของรัฐสภาต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีสมาชิกหลายคนไม่เห็นด้วย เนื่องจากเห็นว่ายังมีข้อมูลไม่ครบถ้วน และมีความเสี่ยงต่อการเสียดินแดน

นั่นเป็นที่มาของสารพัดปัญหาที่ขยายความให้ได้เห็นภาพว่านายกฯ อภิสิทธิ์ และรัฐบาลของเขากำลังเผชิญอยู่ ซึ่งแนวโน้มออกมาในลักษณะ “ลดลง” อย่างฮวบฮาบ

ขณะที่อีกด้านหนึ่งมองไปทางฝ่ายตรงข้ามคือพรรคเพื่อไทย และเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร แม้ว่านาทีนี้ไม่ได้พุ่งเปรี้ยงปร้างเหมือนก่อน แต่ในความเป็นจริงก็ต้องบอกว่า “ฐานเสียง” ยังแน่นปึ้กเหมือนเดิม โดยเฉพาะคนเสื้อแดงที่กระจายอยู่ทุกจังหวัด ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากรูปการที่เป็นอยู่ก็ต้องบอกว่าพรรคเพื่อไทยไม่น่าเสียเปรียบแน่นอน เพราะคนพวกนี้ไม่สนใจว่าจะส่งใครเป็นคู่ชิงนายกฯ ขึ้นอยู่กับว่า ทักษิณ จะเคาะชื่อใครเข้ามาเท่านั้น

ประกอบกันการเคลื่อนไหวคู่ขนานด้านนอกสภาของคนเสื้อแดง และในสภาของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 15-18 มีนาคมที่ผ่านมาก็สามารถใช้เวทีสภา “ฟอกตัวเอง” และถล่มรัฐบาลจนคุ้มค่า แม้ว่าผลที่ออกมาในสายตาของชาวบ้านที่รู้ทันจะไม่ให้ราคาก็ตาม แต่ถึงอย่างไรผลสำรวจที่ออกมายังอุตส่าห์ “ให้แต้ม” ฝ่ายค้านมากกว่าเสียอีก

ขณะที่ฝ่ายประชาธิปัตย์ และนายกฯ อภิสิทธิ์ มีแต่แต้มลบมีแต่คนรู้ทันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำนองว่า “ดีแต่พูด” ดีแต่สร้างภาพ ทำงานไม่เป็น กว่าสองปีที่ผ่านมาไม่ได้สร้างความหวังให้กับชาวบ้านได้เลย ทั้งที่ถือว่าเป็นผู้นำที่ได้รับโอกาสมากที่สุด มีแต่คนเอาใจช่วยมากที่สุด แต่ผลสุดท้ายก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ตรงกันข้ามมีแนวโน้มแย่ลงทุกวัน

อย่างไรก็ดี ด้วยความได้เปรียบที่ตัวเองคุมกลไกอำนาจรัฐ เพื่อสร้างประโยชน์จากการเลือกตั้ง ประกอบกับความ “เขี้ยว” ทางการเมืองที่สั่งสมมานาน ทำให้ต้องเปิดเกมใหม่สร้างกระแสแก้เกมรายวัน และสิ่งหนึ่งที่กำลังโหมโรงกันยกใหญ่ก็คือทำให้เห็นว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเต็มไปด้วยความ “สูสี” ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ถ้าพิจารณาให้ดี ในความสูสีดังกล่าว “น้ำหนัก” จะเทมาทางเขาและพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน เพราะที่ผ่านมามี “อำนาจพิเศษ” แฝงอยู่ คราวนี้ก็น่าจะเกิดขึ้นอีกเช่นเดียวกัน

เพราะด้วยเหตุผลหลักประกันอำนาจที่ต้องคงอยู่ต่อไป ก็ต้องกัดฟัน “เชิดมาร์ค” ต่อไป

ในทางกลับกัน หากผลออกมาสูสีสำหรับพรรคเพื่อไทยแทบจะไม่มีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นเลย นอกเสียจากชนะขาดอย่างถล่มทลายเท่านั้น แต่บรรยากาศแบบนี้ก็ได้แต่ฝันไปเท่านั้น!!
กำลังโหลดความคิดเห็น