นายกฯ ยอมรับมาตรการแทรกแซงราคาน้ำมันดีเซล หวังช่วยลดค่าขนส่งเพื่อป้องกันต้นทุนสินค้าราคาแพง เมินข้อครหาอุ้มคนรวย อ้างอัตราส่วน 86 เปอร์เซ็นต์ มีพาหนะใช้น้ำมันดีเซลเพื่อการขนส่ง
วันนี้ (21 มี.ค.) ภายหลังที่ประชุมวุฒิสภา มีมติเอกฉันท์เห็นชอบผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2554 วงเงิน 9.9 หมื่นล้านบาท โดยหลังจากนี้วุฒิสภาจะส่งร่าง พ.ร.บ.ให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อประกาศใช้ต่อไป
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปต่อที่ประชุม ว่า งบประมาณนี้เกิดได้เพราะจัดเก็บรายได้เกินเป้า การประเมินถึงวันนี้เรามั่นใจว่าเกิน 1.2 แสนล้านบาทแน่นอน ส่วนเรื่องการตั้งงบประมาณชดเชยคงคลัง 8.4 หมื่นล้านบาท เพื่อรักษาวินัยการเงินการคลังและให้รัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามารับหน้าที่ต่อสามารถมีเม็ดเงินในการจัดทำงบประมาณปี 2555 ได้ และสาเหตุที่สำคัญที่ต้องเสนองบประมาณกลางปี เพราะเงินจ่ายสำรองฉุกเฉินได้ใช้จ่ายไปอย่างมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์อุทกภัยรวมไปถึงการช่วยคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในตะวันออกกลาง จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องจัดทำงบประมาณครั้งนี้
“ยอมรับว่า การแทรกแซงราคาน้ำมันดีเซลเกิดเสียงวิจารณ์ ว่า ทำให้คนรวยได้รับประโยชน์ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบว่ามีรถเก๋ง 1 ล้านคัน ที่ใช้ดีเซลจากทั้งหมด 7 ล้านคัน โดยรถกะบะและรถขนส่งคิดเป็น 86% จึงเห็นว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นการช่วยลดค่าขนส่งสินค้าไม่ให้มีต้นทุนราคาแพง แน่นอนว่าจะมีคนที่ไม่ได้ยากจนได้รับประโยชน์แต่เมื่อมีการประเมินแล้วว่าหากมีมาตรการกีดกัน 14% ไม่ให้เข้าร่วมจะเป็นปัญหายุ่งยากและเสียงบประมาณในการดำเนินการโดยไม่จำเป็นและคุ้มค่า เช่น หากมีการแจกคูปองก็จะเกิดปัญหาการอ้างสิทธิ์ในการได้คูปองกันจำนวนมากและยากต่อการตรวจสอบจนทำให้เกิดการทุจริต” นายอภิสิทธิ์