สภาสูงพิจารณางบกลางปี 54 ส.ว.กทม.ถามหวังหาเสียงใช่หรือไม่ หวั่นบานปลายกลายเป็นทุจริต ส.ว.สงขลา จี้รัฐแก้จัดงบช่วยน้ำท่วมไม่เป็นธรรม ส.ว.จันทบุรี ถามจัดเก็บภาษีตามเป้าทำอย่างไร “เฮียโย่ง” แจงชู สศค.ฟันธงเก็บงบได้เกินแน่ ยันงบกระจายทุกพื้นที่ เผยปรับลดงบแต่ละกระทรวงแล้วไม่มีชงเข้าครม.ขออีก
วันนี้ (21 มี.ค.) ที่รัฐสภา การประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2554 จำนวน 9.9 หมื่นล้านบาท ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว ทั้งนี้ เนื้อหาของการอภิปรายส่วนใหญ่ ส.ว.เรียกร้องให้รัฐบาลสร้างกลไกตรวจสอบการใช้งบประมาณหลังจากมีข้อครหาว่าเป็นการจัดสรรงบประมาณเพื่อหาเสียงเลือกตั้ง
น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.กล่าวว่า การตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมลักษณะนี้เป็นการทำให้รัฐมีภาระงบประมาณมาก ขึ้นเพราะตอนนี้ภาระงบประมาณของรัฐก็มีอยู่แล้วจากงบประมาณประจำปี 2554 ที่มีภาระรายประจำจ่ายถึง 70% ของประมาณทั้งหมด จึงสงสัยว่าการตั้งงบประมาณเพิ่มเติมครั้งนี้เป็นความต้องการหาเสียงของรัฐบาลใช่หรือไม่ ทั้งนี้ ตามระบอบประชาธิปไตยรัฐบาลต้องมีการจัดทำงบประมาณที่ดีและมีวินัย แต่เมื่อรัฐบาลส่วนใหญ่ต้องการเสียงเลือกตั้งมากที่สุดส่งผลให้การใช้เงิน แบบนี้ทำให้เกิดปัญหาในตอนปลายจนนำมาสู่ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน
นายประเสริฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา กล่าวว่า ตอนนี้มีปัญหาในการจัดสรรงบประมาณอย่างไม่เป็นธรรม เพราะจากการตรวจสอบมีหลายพื้นที่ที่ประสบภัยกลับไม่ได้รับงบประมาณตามความเหมาะสม ขณะที่บางพื้นที่ที่ได้รับงบประมาณกลับไม่ได้มีความเสียหายมากนัก หนำซ้ำยังเป็นพื้นที่ของหัวคะแนนนักการเมืองด้วย ดังนั้นอยากให้รัฐบาลเข้าไปแก้ปัญหาตรงนี้
นายมงคล ศรีกำแหง ส.ว.จันทรบุรี ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการจัดสรรงบประมาณให้แก่กระทรวงมหาดไทย จำนวนสูงถึง 8.7 พันล้านบาทว่า เป็นการจัดสรรงบประมาณที่สูงมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีการให้รายละเอียดการทำโครงการตามจำนวนวงเงินงบประมาณด้วย เพราะมีคนติงมาว่าการจัดสรรงบประมาณครั้งนี้เป็นการหาเสียงทางการเมืองด้วย การโยกงบประมาณลงพื้นที่ตัวเอง
“ขอฝากรัฐบาลว่าอย่าให้เกิดกระบวนการทุจริตลักษณะวัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่ง เพราะจะสร้างความสูญเสียให้แก่ประเทศ ดังนั้น รัฐบาลควรเข้าไปตรวจสอบอย่างจริงจังเพื่อให้เกิดการใช้เงินภาษีประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส นอกจากนี้ อยากสอบถามว่าถ้ารัฐบาลไม่สามารถะจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้าขึ้นมาจริงๆ จะทำอย่างไร มีทางออกไว้แล้วหรือไม่ เพราะถ้าไม่มีก็เท่ากับว่าต้องไปกู้เงินจนเป็นสร้างเป็นหนี้สาธารณะขึ้นมาอีก” นายมงคลกล่าว
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ชี้แจงว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ประมาณการณ์ในการจัดเก็บรายได้ตลอดทั้งปี 2554 ว่าเกิน 1.2 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นการประมาณการณ์ตั้งแต่ ณ วันที่จัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม สศค.ได้ประมาณการล่าสุดว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้มากว่า 1.3 แสน ล้านบาทหลังจากพบว่าสามารถจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น ส่วนความห่วงใยเกี่ยวกับเหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่น และการสู้รบในประเทศแถบตะวันออกกลางทั้งหมด สศค.ประเมิณว่าจะทำให้ต้นทุนการผลิตอย่างน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นมีผลกระทบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจในระดับ 0.2% ของจีดีพี และมีผลต่อการจัดเก็บรายได้ที่น่าจะลดลงเพียง 3.9-4 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนน้อยมาก จึงเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้มากนัก
“ยืนยันว่า 9.6 พันโครงการมูลค่ากว่า 9 พันล้านบาทได้กระจายไปในทุกพื้นที่ แบ่งเป็นภาคอีสาน 30% ภาคใต้ 29% ภาคกลางและตะวันออก 26% ส่วนที่เหลือเป็นของภาคเหนือ ทั้งนี้ นายกฯ มอบนโยบายเอาไว้ในขั้นตอนของคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎรว่าให้ฝากดูแลความเหมาะสมของโครงการ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลได้จัดทำรายละเอียดของแต่ละโครงการเอาไว้ในรูปแบบซีดี และเมื่อมีการปรับลดงบประมาณแล้วจะไม่มีการให้คณะรัฐมนตรีเสนอกลับเข้ามาอีก ลงในรูปส่วนอื่นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดครหามีการโยกงบประมาณไม่ถูกต้อง” นายกรณ์กล่าว
