xs
xsm
sm
md
lg

"ประพันธ์" ลั่นทำทุกวิถีทางไม่ให้เจบีซีเข้าสภา วอนพี่น้องทั่วปท.ต้องช่วยกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ประพันธ์" ชี้สภารับรองเจบีซีเมื่อไหร่เท่ากับว่าเสียดินแดนอย่างสมบูรณ์ตามกฎหมายไทย เนื่องจากจะเป็นการเห็นชอบเอ็มโอยู 43 ไปในตัว ลั่นเอาเข้าวันไหนต้องขอแรงพี่น้องทั่วประเทศทำทุกวิถีทางเพื่อยุติการประชุมอันอัปยศนี้ เพราะหากรอดำเนินการตามกฎหมายจะสายเกินไป พร้อมแฉอดีตคนพธม.ไม่กล้าขึ้นเวทีคราวนี้เพราะมีญาติหนีคดีไปเปิดบ่อนอยู่เขมร ซัดให้บอกมาตามตรงอย่าแหลว่าเพราะอยากไปเป็นสื่อมวลชน

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายประพันธ์ คูณมี"  

วันนี้ (18 มี.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวที "รวมพลังปกป้องแผ่นดิน" ว่า เรื่องยกแผ่นดินให้กัมพูชานั้น ไม่ใช่ว่ารัฐบาลทำไปด้วยความไม่รู้แต่ทำด้วยความตั้งใจ เล็งเห็นผล อย่างที่นายสนธิได้กล่าวไว้ โดยร่วมมือกับนายฮุนเซน เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองร่วมกัน มันเป็นการสมคบคิดกันอย่างแน่นอน

นายประพันธ์ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามจะนำบันทึกข้อตกลงคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) 3 ฉบับ อันเป็นผลการประชุมที่เกิดขึ้นภายใต้ข้อตกลงของเอ็มโอยู 43 เข้าสู่สภา เพื่อให้การรับรองเป็นครั้งแรก

นั่นคือตั้งแต่นายชวน ไปเซ็นเอ็มโอยู 43 มา รัฐสภาไทยยังไม่เคยประชุมเพื่อรับรองเอ็มโอยู 43 เลย แม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ2540 ที่ใช้มาก่อนที่จะมีเอ็มโอยู 43 ซะอีก ในมาตรา 216 ระบุว่าสัญญาใดๆ อันมีผลต่อดินแดนอธิปไตย ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา

นายประพันธ์ กล่าวต่ออีกว่า การนำเจบีซี 3 ฉบับ มาให้รัฐสภารับรองนั้นมันจึงเป็นผลงานจากเอ็มโอยู 43 ซึ่งถือเป็นตัวแม่ ในเมื่อตัวแม่ยังไม่เคยผ่านสภา แต่จะเอาลูกมาให้รับรอง ก็เหมือนกับการอยู่กินกันมายังไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่จะเอาลูกมาให้รัฐสภาไทยรับข้อตกลง 3 ฉบับนี้ ท่าน ยินดี วัชรพงศ์ ต่อสุวรรณ ก็เคยเขียนบทความแล้วว่าเอ็มโอยูนั้นเป็นโมฆะไม่ผูกพันตามกฎหมาย ทั้งยังเป็นการลงนามบันทึกข้อตกลงที่เป็นการเพิกถอนพระราชกฤษฎีกาอุทยานแห่งชาติ ที่นายชวนไปลงนามเองให้พื้นที่รอบปราสาทพระวิหารเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ถ้าไปทำข้อตกลงไล่ทหารไทยออกหมด แต่ให้ทหารกัมพูชาอยู่ได้ก็เท่ากับเป็นการละเมิดแม้กระทั่งกฎหมายของไทยเอง และศาลปกครองกับศาลรัฐธรรมนูญก็เคยวินิจฉัยแล้วว่าเอ็มโอยู 43 มันไม่ชอบ ทั้งหมดนี้รัฐบาลไทยแทนที่จะยุติและยกเลิกเอ็มโอยู 43 ไป แต่ดันเดินหน้าจะเอาเจบีซีมาเข้าสภาให้เห็นชอบ

"ผลมันจะเป็นอย่างไร มันก็เท่ากับว่าให้รัฐสภาไทยประทับตรารับรองบันทึกรายงานการประชุมทั้ง 3 ฉบับ ซึ่งเป็นผลมาจากเอ็มโอยู 43 ถ้ารัฐสภาไทยรับรองเมื่อไหร่ ก็หมายความว่ารัฐสภาไทยให้สัตยาบรรณรับรองการปฏิบัติการใดๆอันเกิดจากเอ็มโอยู 2543 นั่นเอง และจะเป็นการประชุมรัฐสภาไทยครั้งแรกที่เอาเจบีซีเข้าสู่การรับรอง นายอภิสิทธิ์จะเป็นคนแรกที่ทำให้รัฐสภาไทยทำหน้าที่ขายชาติ ขายแผ่นดิน อย่างสมบูรณ์แบบ" นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า เพราะเหตุผลนี้เราจึงต้องคัดค้านการเอาเจบีซีเข้าสภา เพราะเมื่อรับรองเท่ากับเสียแผ่นดินโดยชอบด้วยกฎหมายไทย รัฐสภาไทยไม่ควรจะมีอยู่ ควรไปลงนรกให้หมด ไม่ควรให้เปิดประชุมได้แม้แต่วันเดียว ถ้ามันยังดึงดันจะเอาร่างรายงานการประชุมเข้าสภา แม้ตายก็ต้องยอม

"ไม่รู้ว่าวันนี้ กองทัพ ทหาร ผู้รักชาติทั้งหลาย ยังมีอยู่หรือไม่ในแผ่นดินนี้ ทำไมถึงปล่อยให้นักการเมืองเลวๆปู้ยี่ปู้ยำชาติอย่างนี้ มันจำเป็นเหลือเกินถ้าเอาเจบีซีเข้าสภาวันไหน วันนั้นต้องขอแรงพี่น้องทั่วประเทศ ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดการประชุมอันขายชาติและอัปยศนี้ เพราะถ้าเราจะรอให้พวกนี้มีสำนึกหรือรอให้ถูกดำเนินการในชั้นศาล แผ่นดินก็สูญเสียไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ ถึงเวลาที่เราต้องตัดสินใจครั้งสำคัญแล้ว ซึ่งคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรก็คิดเรื่องเรื่องนี้ และต้องมีทางออกให้ประเทศอย่างแน่นอน" นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า มีบางคนเคยขึ้นเวทีพันธมิตร แต่วันนี้ไม่มาขึ้น แล้วก็มาแหลว่าเพราะอยากเป็นสื่อมวลชน สู้ไปก็ไม่ชนะ อย่ามาแหล เพราะความจริงแล้วมีญาติหนีคดีไปหลบอยู่ที่กัมพูชาและเปิดบ่อนที่นั่น ไม่อยากจะพูด ทุเรศ กลัวญาติตัวเองถูกถีบออกจากกัมพูชาก็บอกมาสิ มาปล่อยให้พวกปากหอยปอยปากปูแขวะพันธมิตรอยู่ได้

บางคนก็มาทำเป็นนักธรรมะ สอนคนอื่นให้มีธรรมะ มีสติ แต่ตัวเองพอถูกวิจารณ์หน่อยไปอยู่ช่องอื่นแล้วด่าพันธมิตรฯ วันนี้ใครไม่ยืนอยู่บนจุดยืนปกป้องแผ่นดินไทยต้องเป็นศัตรูกับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ขีดเส้นถูกผิดได้เลย

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ทีนี้ทางการเมืองก็มีแหลตัวใหม่ เป็นวิญญูชนจอมปลอม ทำมาตั้งพรรคประชาสันติ มีนายปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นหัวหน้า คนนี้แหลยิ่งกว่าแหลที่อยู่ทุกวันนี้อีก พี่น้องต้องอย่าให้คนนี้ได้ผุดได้เกิด เพราะนายปุระชัย เป็นหนึ่งในคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ลงมติช่วยนายพัชรวาท คดี 7 ตุลา และยังเป็นคู่ขากันด้วย เป็นพวกชอบตะไบเล็บเหมือนกับนายอภิสิทธิ์ และ นายศิริโชคนั่นแหละ

คำต่อคำ “ประพันธ์ คูณมี”ปราศรัย

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน สวัสดีพ่อแม่พี่น้องทางบ้านและที่อยู่ต่างประเทศทุกท่าน วันนี้ก็มาเร็วกว่ากำหนด เพราะว่าคุณสนธิคงจะลาพัก 1 วัน ผมอนุญาตให้ลาได้ 1 วัน พรุ่งนี้ห้ามลาใช่มั้ยครับ

นี่ผมต้องทำหน้าที่แทนพี่สนธิสิ เห็นยกป้ายแล้ว พันธมิตรฯ บางคอแหลม น่าน กาญจนบุรี บ้านนา นครนายก บ้านโป่ง Face Pad รักที่สุดคือในหลวง พันธมิตรฯ อุบลฯ พันธมิตรฯ กลุ่ม อ.บ้านปลาย ระยอง ซานฟรานซิสโกก็มา อุทัยธานี นครปฐม ลำปาง สงขลา หาดใหญ่ โพธาราม โคราช ปทุมฯ อุดรธานี อีสานบ้านเฮาก็มา จันทบุรี จอมบึง สิงห์บุรี สุราษฎร์ธานีก็มี ปราจีนบุรี อู่ทอง พันธมิตรมุสลิม หน้ารามคำแหง พันธมิตรไชน่าทาวน์ กรุงเทพมหานคร แม่สอด พะเยา มากันหมด คลองสาน ศรีสำโรง สุโขทัย โอเค หมดรึยัง เชียงใหม่ ห้วยยอด ตรัง ที่ไหนยังไม่มี บ้านครัว พันธมิตรฯ มุสลิมบ้านครัว พันธมิตรฯ กระบี่ หนองแค สระบุรี พันธมิตรฯ อ.พิปูน นครศรีธรรมราช พันธมิตรฯ ชุมพร มาหมดแล้ว ครบ กาฬสินธุ์ มาช้ากว่าเพื่อน เอ้า ยโสธร บ้านเดียวกับเปาบุ้นจิ้นเลย และพันธมิตรฯ สตูลครับ

พี่น้องที่เคารพรักครับ ผมว่าเดี๋ยวผมจะลืมก่อน ก็เลยเอาซะก่อนเลยนะครับ เมื่อสักครู่นี้ พี่สุวัตร อภัยภักดิ์ ได้อ่านบทกลอน ซึ่งไม่ต้องตอบคำถาม แต่อธิบายความได้ว่า การเกิดขึ้นของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งนั้น คืออย่างไรคุณสุวัตร ก็ได้ให้บทกลอนไปแล้วว่าพรมลิขิตขีดเขี่ยให้เหี้ยเดิน แต่ว่ามีอีกท่านหนึ่งครับ อันนี้เป็นบุคคลที่สำคัญมากครับพี่น้องตั้งใจฟังให้ดี ท่านอุตส่าห์เขียนกลอนมาสั้นๆ มาให้และเห็นฟ้าฝน หรือบรรยากาศบ้านเมืองมันวิปริต ผิดปกติ หน้านี้ควรจะเข้าสู่หน้าร้อน ก็กลายเป็นหน้าฝนและหน้าหนาวไป มีพายุ มีลมแรง ท้องฟ้ามืดครึ้ม ดูเหมือนบ้านเมืองยังไม่สว่างไสว ยังหาทางออกไม่ได้ มันเหมือนอาจจะเป็นที่เขาเรียกว่าอาเพศของบ้านเมืองก็ได้ ในยามนี้ ท่านก็เลยเขียนบทกลอนให้ผมมา แล้วก็ฝากมาอ่านให้พี่น้องฟังเพื่อท่านจะได้รู้ว่าสถานการณ์บ้านเมือง ณ ขณะนี้มันเกิดอาเพศวิปริตอะไรขึ้น ถึงได้เป็นเช่นนี้ ท่านผู้นี้ก็คืออดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ อดีตเลขาธิการ ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และยังเคยเป็นอดีตผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์แนวหน้าที่ผมพูดเมื่อคืนนี้

ท่าน น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เลยส่งบทกลอนนี้มา พอเห็นพี่สุวัตรอ่านไป มันเข้าทางกันพอดี ผมเลยพูดซะก่อนนะครับ ท่านเขียนมาอย่างนี้ครับ บอกว่า "มืดมิดโพยมย่ำ คนระยำจะครองเมือง กระเบื้องจะฟูเฟื่อง น้ำเต้าน้อยจะถอยจม เหี้ยห่าจะเพ่นพ่าน เคยเบิกบานจะขื่นขม อุบัติกาลทุกข์ระทม จะปกคลุมทั่วบ้านเมือง"

ครับ ก็มีแค่นี้ บอกให้รู้ว่า ที่บ้านเมืองมันวิปริต เป็นเพราะเหี้ยห่ามันเพ่นพ่าน เต็มบ้านเต็มเมือง และเต็มสภาครับพี่น้อง

พี่น้องที่เคารพรักครับ ผมคิดว่า บรรยากาศวันนี้ เรื่องที่อยากพูดคุยกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน ผมคิดว่าอยากจะพูดถึงเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองในยามนี้ ณ ขณะนี้ ว่าพวกเรา หรือในมุมมองของผม มีความคิดอ่านอย่างไร หรือมีความวิตกกังวลห่วงใยในเรื่องใด และเราจะมีทางออกอย่างไร ส่วนเรื่องความล้มเหลวในการบริหารชาติบ้านเมืองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ความสามานย์ของการเมืองการปกครองในปัจจุบัน การทุจริต การคดโกง การคอร์รัปชั่น การทำให้บ้านเมืองเสียชาติเสียแผ่นดินนั้น ผมคิดว่าเราพูดกันมามากพอสมควร และขณะนี้ก็อยู่ในบรรยากาศของการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาด้วย ผมจึงยังไม่อยากจะพูดว่าความเลว ความชั่ว การทุจริตคดโกงของรัฐบาลนั้น ยังมีเรื่องให้พูดได้ทุกวัน

แต่รอให้สภาผู้แทนราษฎรเขาลองแสดงฝีมือในการอภิปรายกันเสียก่อน เดี๋ยวสักครู่ผมจะพูดถึงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของทั้งสองพรรค คือพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ซึ่งเมื่อตอนหัวค่ำ เวทีวิชาการได้มีการพูดไปถึงบ้างแล้ว แต่เรื่องที่ผมอยากจะพูดและถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ทั้งเป็นความห่วงใยอย่างมากสำหรับผม และผมเชื่อแน่ว่า พี่น้องประชาชนไทยทั่วประเทศ ควรตื่นขึ้นมาร่วมกันว่า เราจะปล่อยให้ประเทศไทย รัฐบาลไทย รัฐสภาไทย ผู้แทนหรือวุฒิสภานั้น ลากดึงประเทศไปอย่างนี้ อย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้ต่อไปอีก เห็นทีจะไม่ได้แล้วครับ พี่น้องครับ เมื่อจบสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา มีการลงมติกันแล้วผลจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องพูดถึง สักครู่ผมจะพูดให้ฟัง แต่เรื่องใหญ่กว่านั้นก็คือ ตราบใดที่รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังอยู่บริหารประเทศชาติบ้านเมืองต่อไปนั้น การต่อสู้ของพี่น้องประชาชนจะต้องเข้มข้น เข้มแข็ง ดุเดือด จริงจังถึงที่สุด ถึงลูกถึงคนมากกว่านี้ครับพี่น้องครับ เพราะมิเช่นนั้นแล้ว เราต้องสูญเสียแผ่นดินอย่างแน่นอนครับ

ทำไมผมถึงต้องเป็นห่วงเรื่องนี้อย่างมาก เมื่อตอนหัวค่ำ อาจารย์ปานเทพ ก็ได้พูดให้พี่น้องประชาชนฟังไปแล้วว่า ขณะนี้ที่เราต่อสู้และเรียกร้องให้รัฐบาลทำหน้าที่นั้น ซึ่งประเด็นนี้ ผมอยากจะกราบเรียนและฝากถึงพ่อแม่พี่น้องที่รับฟังอยู่ทางบ้าน อยู่ทั่วประเทศ และที่อยู่ในต่างประเทศด้วย ว่า สิ่งที่เราพูดมาโดยลำดับนั้น เป็นความจริงทุกประการว่า รัฐบาลนี้กำลังจะนำแผ่นดินไทยไปยกถวายให้กัมพูชาภายใต้ข้อแลกเปลี่ยนอันมีผลประโยชน์ระหว่างนักการเมืองไทย กับนักการเมืองเขมร และประเทศมหาอำนาจ ที่มีผลประโยชน์เกี่ยวกับแหล่งพลังงาน ซึ่งเรื่องนี้คุณสนธิ ได้ฉายภาพให้พี่น้องเห็นไปแล้ว

พี่น้องครับ ผมอยากจะชวนพ่อแม่พี่น้องประชาชนให้มาตั้งสติ และมาคิดพินิจพิจารณาร่วมกันว่า สิ่งที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ กำลังกระทำอยู่ขณะนี้ ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ นายกษิต หรือพล.อ.ประวิตร นายสุเทพ ไม่รู้ว่า ประเทศไทยกำลังจะสูญเสียดินแดนและอธิปไตย แต่ทั้งหมดนี้ พวกเขากระทำด้วยความตั้งใจ โดยเจตนาเล็งเห็นผลและมุ่งเอาผลประโยชน์ที่จะได้ โดยร่วมมือกับนายฮุน เซน ปล้นดินแดนอธิปไตยของประเทศ ไปขายและแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองร่วมกันครับ พี่น้องครับ ไม่ใช่เรื่องที่เขาโง่เขลาเบาปัญญา และไม่รู้เท่าทันนายฮุน เซน หรอก มันเป็นการสมคบคิดกันอย่างแน่นอน มาถึงวันนี้ ทำไมผมถึงมองว่าเป็นการคบคิดกันครับพี่น้อง วันนี้ เวทีของเราและตลอดการเดินทางสัญจรเสวนา เราได้ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับพี่น้องประชาชน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่ารัฐสภา เจ้าหน้าที่ฝ่ายราชการ กระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายการเมือง ฝ่ายทหาร ฝ่ายความมั่นคง ให้รับรู้มาโดยลำดับ ด้วยข้อเท็จจริง และเหตุผลที่หนักแน่น ปราศจากข้อสงสัยและยากที่รนัฐบาลจะโต้เถียง โต้แย้งได้ครับพี่น้อง นั่นก็คือ ภายใต้ข้อตกลงเอ็มโอยู 2543 และการที่รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ไปลงนามเอ็มโอยู 43 กับฝ่ายกัมพูชานั้น เป็นการรับรองแผนที่ 1:200,000 และนำมาซึ่งการสูญเสียดินแดนอธิปไตยของประเทศไทย มีการขับเคลื่อน มีการสำรวจปักปันเขตแดน มีการสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลก มีการรับรองแผนบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบตัวปราสาท มีการเปิดทางให้กัมพูชาตัดถนนขึ้นมา เอากำลังทหารมาตั้งบนปราสาทพระวิหาร ภูมะเขือ ยิงใส่คนไทย และนำเรื่องไปสู่สหประชาชาติ จนกระทั่งอินโดนีเซีย อาเซียน เข้ามาเกี่ยวข้องในข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา หรือแม้กระทั่งการที่รัฐบาลไทยยอมให้กัมพูชาจับ 7 คนไทยไปขึ้นศาลกัมพูชา ทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นอยู่ในดินแดนของประเทศไทย และท้ายที่สุด ยอมให้กัมพูชาตัดสินลงโทษตั้งข้อหาจารกรรมกับนายวีระ และคุณราตรี จนกระทั่งถูกศาลพิพากษาจำคุกอยู่จนกระทั่งขณะนี้ ยังไม่ได้ออกมา กระบวนการทั้งหมดนี้ เป็นการสมคบคิดกันระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา

ไม่ใช่เรื่องโง่เขลา เพราะฉะนั้นกรณีของนายวีระ คุณราตรี ก็เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ก็มีคนไทยเคยถูกข้อหาว่าจารกรรมข้อมูลเหมือนกัน คือนายศิวรักษ์ ใช่ไหมครับ ที่บอกไปเอาตารางการบิน แผนการบินของทักษิณ ของที่ปรึกษารัฐบาลฮุน เซน ที่ฮุน เซน ตั้ง สุดท้ายตัดสินแล้วก็รีบปล่อย นิรโทษกรรมโดยทันที นั่นแสดงว่านายศิวรักษ์ไม่ได้เป็นปัญหาอุปสรรคขัดขวางการที่พวกเขาจะสมคบคิดกันปล้นเอาผลประโยชน์ของประเทศไทยและประเทศกัมพูชามาแบ่งปันกัน

แต่นายวีระเป็นก้างขวางคอ พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นก้างขวางคอ เขาจึงพยายามที่จะสลายการชุมนุมของพวกเราอยู่ตลอดเวลา

ปัญหาวันนี้เรื่องมันดำเนินการมาเรื่อย มาจนถึงวันนี้ พี่น้องครับ พี่น้องต้องจำได้ว่ารัฐบาลพยายามจะนำร่างบันทึกความตกลงของคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย-กัมพูชา หรือที่เราเรียกว่าเจบีซี จำนวน 3 ฉบับ อันเป็นผลการประชุมที่เกิดขึ้นภายใต้กรอบความตกลงตามเอ็มโอยู 2543 ร่างเจบีซีทั้ง 3 ฉบับนี้ คือ ฉบับที่ 1 ฉบับที่ 2 และฉบับที่ 3 ครับพี่น้องครับ นั่นก็คือหมายความว่า ตั้งแต่มีบันทึกความตกลงเอ็มโอยู 2543 นั้น ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย - กัมพูชา ขึ้น และมีการประชุมกันมาแล้ว 3 ครั้ง ที่กำลังจะขอเสนอรายงานผลการประชุมมาให้รัฐสภาไทยให้คำรับรอง พี่น้องตั้งใจฟังดีๆ ตรงนี้นิดนึงพี่น้องจะได้ความรู้เพิ่ม นั่นก็๕อตั้งแต่มีเอ็มโอยู 2543 มา รัฐสภาไทยยังไม่เคยประชุมเพื่อรับรองเอ็มโอยู 2543 เลย ใช่ไหมครับพี่น้องครับ รัฐบาลนายกฯชวน ตั้งแต่ไปลงนามเอ็มโอยู 2543 ก็ไม่เคยเอาเอ็มโอยู 2543 มาขอความเห็นชอบจากรัฐสภาไทยเลยแม้แต่ครั้งเดียวใช่ไหมครับพี่น้อง ซึ่งไม่ว่าจะพิจารณาตามรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2540 ซึ่งประกาศใช้ก่อนแล้ว ระหว่างที่จะลงนามเอ็มโอยู 2543 นั้น มีรัฐธรรมนูญ 2540 บังคับใช้ตามมาตรา 216 สัญญาใดๆ อันมีผลต่อดินแดนอธิปไตยของประเทศนั้น จะต้องนำเข้ามาขอความเห็นชอบในรัฐสภา แต่เอ็มโอยู 2543 ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาตั้งแต่ที่นายชวน ลงนามแล้วครับพี่น้องครับ

นั่นจึงเป็นข้อเท็จจริงที่จะทำให้พี่น้องเห็นว่า รัฐสภาไทยยังไม่เคยพิจารณาเรื่องใดอันเกี่ยวกับเอ็มโอยู 2543 นี้เลยตั้งแต่ไปลงนามเป็นต้นมาพี่น้องครับ การนำร่างบันทึกความตกลงของคณะกรรมาธิการร่วมขตแดนไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี ฉบับที่ 1 ฉบับที่ 2 ฉบับที่ 3 มาให้สภารับรองนั้น มันจึงเป็นผลงานอันเกิดจาก MOU 2543 คือตัวแม่ของมัน คือ MOU นี้ยังไม่เคยผ่านสภา แต่จะเอาลูกมัน คือ เจบีซี ฉบับที่ 1 ฉบับที่ 2 ฉบับที่ 3 มาให้สภาให้การรับรอง มันแปลกไหมครับ ไม่รับรองแม่ แต่รับรองลูก มันเปรียบเหมือนกับเป็นลูกที่เกิดโดยมิได้สมรสกัน ไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่มาให้บิดารับรองบุตร เพื่อจะได้เข้าโรงเรียนได้ เข้ารับการศึกษาได้ จะได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูได้ ตามกฎหมายไทยทำนองครับพี่น้อง เหมือนสามีภรรยา แต่งงานกันอยู่กินกัน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส บัดนี้มีลูกคนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 แล้ว ถ้าบิดารับรองบุตร ก็เหมือนบุตรนั้นเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย MOU 2543 ก็เหมือนกัน ตั้งแต่ไปลงนามมา ยังไม่เคยให้รัฐสภารับรอง ก็เหมือนอยู่กินกันมาระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส คือรัฐสภาไทยยังไม่ให้การรับรองแต่จะเอาลูกมันมาให้รัฐสภาไทยรับรอง 3 ฉบับนี้ คือร่างบันทึกความตกลง เจบีซี 3 ฉบับนี้ครับ

พี่น้องครับ ผลมันจะเป็นอย่างไร ผลมันก็คือ ขณะนี้ MOU ยังไม่เคยผ่านสภา นี่ 1 และ 2 ท่านอาจารย์ยินดี ก็เขียนบทความไปแล้ว ผู้พิพากษาว่า MOU นี้มีผลเป็นโมฆะ ไม่มีผลผูกพันตามกฎหมาย เป็น MOU ที่ไม่ชอบ ทั้งเป็นการไปลงนามบันทึกความตกลงที่เป็นการไปเพิกถอนนะครับ พระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยเขตอุทยานแห่งชาติ ที่นายชวนก็เป็นคนลงนามเอง ประกาศให้เขตบริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหารทั้งหมด เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ถ้าหากไปทำบันทึกความตกลง และปักปันเขตแดนหมด ไล่ราษฎรออกหมด แต่ทหารไทย คนกัมพูชาสามารถเข้าไปอยู่ได้ นั่นเท่ากับเป็นการละเมิดแม้กฎหมายของไทย และ MOU2543 ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ก็เคยวินิจฉัยแล้ว ว่า มันไม่ชอบ แม้กระทั่ง จอยส์คอมมูนิเกของนายนพดล ที่ไปทำกับฝ่ายกัมพูชาไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาไทยก็ยังไม่ชอบ และพื้นที่โดยรอบตัวปราสาทพระวิหารนั้นเป็นดินแดนของไทย 4.6 ตารางกิโลเมตรตามคำพิพากษาของศาล ทั้งหมดนี้ รัฐบาลไทย แทนที่จะยุติ และเลิก MOU2543 กลับจะเดินหน้าเอาร่าง เอารายงานบันทึกรายงานการประชุมของคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 3 ฉบับนี้ มาเข้าสภา ให้รัฐสภาไทยให้ความเห็นชอบ

พี่น้องครับ ผลมันจะเป็นอย่างไร ผมจะให้ความรู้กับพ่อแม่พี่น้องและพี่น้องที่อยู่ทางบ้าน นั่นคือ การที่เอาร่าง บันทึกรายงานการประชุมนี้มาให้สภารับรองนั้น มันเท่ากับว่า เป็นการให้รัฐสภาไทยประทับตรารับรองร่างบันทึกรายงานการประชุมทั้ง 3 ฉบับนี้ อันเป็นผลมาจาก MOU 2543 วันนี้ ถ้ารัฐสภาไทย รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เสนอเข้าสภาแล้ว ถ้ารัฐสภาไทยให้การรับรอง มันเท่ากับ รัฐสภาไทยให้สัตยาบรรณรับรองการปฏิบัตการใดๆ อันเกิดจาก MOU2543 นั่นเอง ครับพี่น้องครับ และจะเป็นประชุมรัฐสภาไทยครั้งแรก ยุคชวนก็ไม่มี ยุคทักษิณก็ไม่มี ยุคสมัคร ยุคสมชาย ก็ไม่มี ยุคนายอภิสิทธิ์ ที่จบจากโรงเรียนอีต้มนี่แหละครับ จะเป็นรัฐสภาไทยยุคแรกที่เอาร่างรายงานการประชุม 3 ฉบับ มาให้รัฐสภารับรอง นายอภิสิทธิ์จะเป็นคนแรกที่ทำให้รัฐสภาไทย ทำหน้าที่ขายชาติขายแผ่นดินอย่างสมบูรณ์แบบ ถ้ารัฐสภาไทยไปให้ความรับรองเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อใด แสดงว่า ฝ่ายนิติบัญญัติ เอ่อ ฝ่ายบริหารรับรองไปแล้ว นายอภิสิทธิ์ รับรองไปแล้ว รัฐบาลนายชวนไปลงนามมาแล้ว แต่รัฐสภาไทยยังไม่เคยให้การรับรอง แต่ถ้ารัฐสภาไทยให้การรับรอง เจบีซี 3 ฉบับนี้ เมื่อใด ความสมบูรณ์ทั้งฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติ ให้การรับรอง MOU43 และเจบีซี 3 ฉบับ จะมีความสมบูรณ์ตามกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทยอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดครับ พี่น้องครับ

ด้วยเหตุนี้ ความสำคัญอันร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นคือ ทุกอย่างที่ฝ่ายกัมพูชาเดินมา โดยมีรัฐบาลไทยอำนวยความสะดวก ให้ความร่วมมือมาโดยตลอดนั้น จะมาสมบูรณ์เมื่อร่างรายงานการประชุมของเจบีซี 3 ฉบับเข้าสภา และสภารับรองนี่แหละ อันนี้แหละครับ ที่คุณสนธิ บอกว่า นายอภิสิทธิ์เท่ากับแผ่นดินถวายพานให้กัมพูชาอย่างสมบูรณ์ตามกฎหมายไทยครับพี่น้องครับ กระบวนการที่เดินมาทั้งหมด จะมาสรุปจบท้ายตรงนี้ เพราะฉะนั้น วันนี้ ทางฝ่ายอินโดนีเซีย อาเซียน ที่เดิม การประชุมระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่เรียกว่าการประชุมเจบีซี ยังจะมีการประชุมต่อไปอีก แต่รายงานการประชุมที่ประชุมไปแล้ว 3 ครั้ง มาขอให้รัฐสภารับรองเสียก่อน

ก่อนหน้านี้พี่น้องจำได้มั้ยว่าทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายกษิต ภิรมย์ บอกว่าเจบีซีจะมีการประชุมกันตั้งแต่ต้นเดือนมีนาฯ นี้ แต่ว่าในขณะที่นายกษิต นายอภิสิทธิ์ บอกว่าจะมีการประชุมและทุกเรื่องที่เป็นข้อพิพาท เราจะเอาไปพูดกันในที่ประชุมทวิภาคี แต่ปรากฏว่าทางฝ่ายฮุน เซน ทางฝ่ายกัมพูชามันบอกยังไม่พร้อมที่จะประชุม และตราบใดที่เรื่องนี้ยังไม่เรียบร้อย การเจรจาตกลงกันบริเวณปราสาทพระวิหารยังไม่เรียบร้อย ความสงบยังไม่เรียบร้อย ไม่มีการประชุม ตราบใดที่ร่างเจบีซีทั้ง 3 ฉบับนี้ไม่ผ่านสภา มันไม่มีการประชุม พอมันโวยวายมาอย่างนี้ รัฐบาลไทยก็เลยต้องเลื่อนการประชุมไป เวลานี้การประชุมระหว่างฝ่ายไทยกับรัฐบาลฝ่ายกัมพูชาที่เป็นการประชุมทวิภาคี ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศไทยกับรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาจะเลื่อนไปประชุมนู่นครับ วันที่ 7-8 และที่จะประชุมกันนั้น จะไปประชุมกันที่ประเทศอินโดนีเซีย ไม่ใช่ประชุมที่ประเทศไทย หรือประเทศกัมพูชา เหมือนที่เคยประชุม

นี่ก็แสดงว่ารัฐบาลไทยเสียหมาแล้วครับ เสียรู้ หรือแกล้งโง่ หรือหน้าด้าน หรือทำเป็นดื้อตาใส การประชุมทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา มันต้องประชุมที่ประเทศกัมพูชาหรือประเทศไทย สลับสับเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ แต่ทำไมคราวนี้จะไปประชุมที่อินโดนีเซีย แสดงว่ามันไม่ใช่ทวิภาคีจริงแล้ว มันกลายเป็นเรื่องอาเซียน โดยความยินยอมเห็นชอบของยูเอ็นให้เข้ามาแทรกแซงข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา

และที่จำเป็น ทำไมต้องไปประชุมวันที่ 7-8 เมษายน ทำไมเลื่อนออกไปไกลนัก ก็เพราะมีข่าวว่า เดิมทีรายงานทั้ง 3 ฉบับของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา จะเข้าวันที่ 22 แต่ขณะนี้เราทราบข่าวมาว่า จะเลื่อนไปเป็นวันที่ 29 นั่นก็หมายความว่าทั้งกัมพูชา ทั้งอินโดนีเซีย กำลังต้องการบีบให้ไทยผ่านความเห็นชอบร่างเจบีซีทั้ง 3 ฉบับก่อน จึงจะเปิดการประชุมวันที่ 7-8 ที่อินโดนีเซีย นี่คือกลเกมของการเมืองระหว่างประเทศที่รัฐบาลไทยแกล้งโง่ เซ่อ แต่แท้จริงแล้วมันสมคบคิดกันครับ

ดังนั้น เมื่อใดที่การประชุมของรัฐสภาไทยผ่านความเห็นชอบเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ ความชอบธรรมที่กัมพูชาจะหยิบยกไปอ้างว่าบัดนี้ดินแดนบริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร และตลอดแนวชายแดนนั้น เป็นของกัมพูชา ตามแผนที่ 1:200,000 โดยสมบูรณ์แบบและชอบธรรมแล้ว เพราะฝ่ายบริหารของรัฐบาลไทยและรัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้วทุกประการ

ดังนี้ ฝ่ายอินโดนีเซียจะส่งคนเข้ามาบริเวณรอบปราสาทพระวิหาร หรือตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มันก็อ้างได้ว่ามันมายืนอยู่ฝั่งกัมพูชา เป็นฝ่ายสังเกตการณ์ โดยไม่ต้องไปยืนอยู่ตีนเขา เพราะรัฐสภาไทยและรัฐบาลไทยให้การรับรองแล้วว่า ดินแดนบริเวณนี้เป็นของกัมพูชา ตามแผนที่ 1:200,000 นี่คือความอัปยศของรัฐบาลไทย และนักการเมืองไทย และความอัปรีย์จัญไรของกระทรวงต่างประเทศ

พี่น้องครับ ที่ผมพูดเรื่องนี้ก็เพราะว่าเราเคยคัดค้านเจบีซี 3 ฉบับ ไม่ให้เข้าสภา ไม่ให้ความเห็นชอบนั้น ก็ด้วยเหตุผลนี้ ไม่ใช่ว่าเราไปคัดค้านโดยไม่มีเหตุผล เพราะถ้าเมื่อไหร่รัฐสภาไทยไปให้ความยินยอมเมื่อไหร่ นั่นหมายถึงว่าเราสูญเสียแผ่นดินอย่างชอบด้วยกฎหมาย พี่น้องครับ ด้วยเหตุนี้แหล่ะ รัฐสภาไทยมันจึงไม่สมควรที่จะมีอยู่ ไอ้พวกห้าร้อย พวก ส.ว.120 คน มันควรจะต้องไปลงนรกให้หมดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ควรให้มันเปิดประชุมได้แม้แต่วันเดียว ถ้ามันยังดึงดันที่จะเอาร่างรายงานการประชุมทั้ง 3 ฉบับนี้เข้าสภาฯ พี่น้องครับ แม้ตายก็ต้องยอม ผมคิดว่าวันนี้พูดกับมันดีๆไม่ได้แล้ว ไอ้รัฐบาลอัปยศ รัฐบาลอัปรีย์ รัฐบาลทรยศประชาชน เนรคุณชาติ มทันไม่ควรที่จะอยู่บริหารบ้านเมืองแม้แต่วินาทีเดียวครับพี่น้อง แล้วไอ้รัฐสภาเฮงซวยมันไม่ควรจะอยู่เลยไอ้พวก ส.ส.พวกเนี้ย เพราะเรื่องอย่างนี้ มันทำเป็นหน้าด้าน ดื้อตาใสนะครับ หน้าบาง หน้าหนา กะโหลกก็หนาไปด้วย มันก็เลยกลายเป็นว่า เอ๊ะ ประชาชนมาให้ข้อมูล มาให้ข้อเท็จจริงว่าเรื่องนี้ไม่ควรทำ เรื่องนี้ควรยับยั้ง ควรคัดค้าน และเราก็ได้ส่งหนังสือไปแล้วครับพี่น้อง ว่ารัฐสภาไทยไม่ควรนำเรื่องนี้เข้าสภาฯให้ความเห็นชอบ มิฉะนั้นเราจะต้องร้องต่อ ป.ป.ช.ดำเนินคดี แต่ดำเนินคดีมันก็ช้าไป ผมคิดว่าวันนี้ น่าจะเอาปืนไปจี้มันทุกคนเลยดีกว่ามั้ง

ผมว่ามันไม่ไหวครับ พูดกันดีๆ มันไม่ค่อยฟัง ผมก็ไม่รู้ว่าบ้านนี้เมืองนี้มันมีคนที่มีหัวใจรักชาติ รักบ้านรักแผ่นดินเหลืออยู่หรือเปล่า กองทัพ ทหาร ผู้รักชาติรักประชาธิปไตยทั้งหลาย ยังมีอยู่ไหมในแผ่นดินนี้ ทำไมปล่อยให้นักการเมืองเลว ๆ ปู้ยี้ป ยำกับชาติบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ พี่น้องครับมันจำเป็นเหลือเกิน ถ้าหากว่า รัฐสภาจะเอาร่างทั้ง 3 ฉบับนี้เข้าขอความเห็นชอบ วันนั้นเราต้องขอแรงพี่น้องทั่วประเทศ ต้องทำทุกวิถีทางที่จะหยุดการประชุมอันขายชาติและอัปยศนี้ครับพี่น้องครับ เพราะถ้าเราจะไปรอให้พวกนี้สำนึกรู้จักผิดชอบชั่วดี รู้อะไรควรอะไรไม่ควร หรือกว่าจะรอให้มันไปถูกดำเนินคดีในชั้นศาล หรือชั้น ป.ป.ช. ผมคิดว่ากว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ แผ่นดินก็สูญเสียไปเสียแล้ว มันคงไม่มีประโยชน์หรอก ผมคิดว่า มันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องตัดสินใจกันครั้งสำคัญแล้ว ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรของเรา คิดเรื่องใหญ่เรื่องนี้และเราต้องมีทางออกให้บ้านเมืองอย่างแน่นอนครับพี่น้อง เราพึ่งรัฐสภาไม่ได้ครับพี่น้อง พึ่ง ส.ส.ในสภาพึ่งวุฒิสภาก็ไม่ได้ครับเวลานี้ สภามันเป็นสภาฯอัปรีย์จัญไร ขายชาติ ขายแผ่นดินไปหมดแล้ว พี่น้อง ดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผมจะโยงมาให้เห็นว่าสภามันพึ่งไม่ได้ ดูจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันนี้ 3-4 วันที่ผ่านมานี้ พี่น้องได้อะไรจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นอกจากเห็นพวกมันด่ากันไปกันมา แล้วก็โยนความผิด ไอ้คนหนึ่งก็จะฟอกความผิด ไอ้คนหนึ่งก็จะโยนความผิดให้ฝ่ายหนึ่ง ไอ้อีกฝ่ายหนึ่งก็จะโยนความผิดให้อีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งๆ ที่ความจริงพวกมึงก็เลวกันทั้งสภา ไม่ว่ารัฐบาลหรือฝ่ายค้าน

ความล้มเหลวในการบริหารชาติบ้านเมือง การทุจริตคอร์รัปชั่น ความเดือดร้อนของประชาชนทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจะเสียแผ่นดิน เสียชาติ เสียแผ่นดิน มันไม่เอาไปพูดกันเลยแม้แต่น้อย เรื่องใหญ่ขนาดนี้มันไม่พูดกันเลย แล้วก็มีนางฝ่ายค้าน ที่ทำหน้าบางๆ จีบปากจีบคอ นามสกุลฉายแสง น้องสาวจาตุรนต์ ฉายแสง น่ะ นางฐิติมา โอ้โฮทำลีลาตีฟอร์ม นึกว่าจะวาจามาอภิปรายนายอภิสิทธิ์ อภิปรายนายกษิต ภิรมย์ เรื่องปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ เรื่องข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา อภิปรายไปอภิปรายมาเสือกแว้งกลับมาด่าพันธมิตรฯ เฉยเลย

นี่ภาษาเมื่อกี้เขาว่ายังไง ตอนของคุณสุวัตรเขาว่ายังไง มันพรหมลิขิตขีดเขี่ยให้เหี้ยมันมาประชุมสภาจริงๆ เลย

มันบอกว่า นี่ การปล่อยให้พันธมิตรฯ มาด่าฮุน เซน มาประท้วงเรียกร้องเอาแผ่นดินคืน ปลุกชาตินิยม มันก็ทำให้เกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แล้วที่พันธมิตรฯ มาทวง มาร้องเอาแผ่นดินคืน แล้วที่ดินบริเวณโดยรอบปราสาทมันก็ไม่ใช่ที่ดินของไทยสักหน่อย จะมาร้องเอาคืนได้ยังไง ไปโน่นเลย

ไอ้นักเรียนอีต้ม หรือโรงเรียนมาแตหลอ จอมแหลของเรา ก็บอกว่า รัฐบาลทำดีที่สุดที่จะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เราได้พยายามทำหน้าที่อย่างนั้นอย่างนี้ โธ่ ไอ้แหลเอ๊ย ความสัมพันธ์ดีที่สุด ดีที่สุดยังไง ดีโดยให้ไทยต้องเสียแผ่นดิน เสียดินแดน ประชาชนวิ่งหนีหลบระเบิด คนไทยไปติดคุกติดตะรางในประเทศกัมพูชา ด้วยข้อหาอันอัปยศ นี่หรือดี นายแหล

มันไม่กระดากปากเลย คุณน่าจะไปเปลี่ยนนามสกุลเป็นด้านชาชีวะได้แล้ว ด้านจริงๆ ไม่ได้รู้สึกรู้สาเลยว่าประเทศไทยตกอยู่ในสถานะที่เสื่อมเสียเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีแค่ไหน เพียงใด และที่เดินอยู่ในขณะนี้ นึกว่าประชาชนกินแกลบหรืออย่างไร เขารู้ไส้รู้พุง รู้ธาตุแท้ของพวกคุณหมดแล้ว ว่าคุณกำลังคบคิดกันทำอะไร

มันเป็นเรื่องที่น่าอัปยศอดสู เรื่องที่เสียบ้านเสียเมือง เสียแผ่นดิน เสียเอกราช เสียอธิปไตย ไม่พูด กลับมาโทษประชาชน ความจริงแล้วทั้งนายฮุน เซน และนายอภิสิทธิ์นั้น มันไม่ควรแค่ด่า ถ้ามีอำนาจ เอามัน 2 คนมาที่สนามหลวง ขอผมเป็นคนตัดคอมันทั้ง 2 คนเองได้มั้ยครับ นี่ถ้ามีอำนาจวาสนานะผมจะสั่งยิงเป้าไอ้นายกฯ ประเทศไทยเป็นคนแรกเลย แล้วคนที่จะโดนยิงเป้าก่อนคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วดูว่าใจอย่างผมนี่จะยิงได้มั้ย

สมัยก่อน จอมพลสฤษดิ์ปฏิวัติ มีความคิดเห็นทางการเมืองต่างกัน ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ เอาไปยิงเป้าที่สนามหลวงเลยครับ สมัยนี้นะ ถ้าบ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลงผลัดแผ่นดินเมื่อไร ต้องตั้งคณะกรรมการชำระความผิดของไอ้พวกที่ทำให้เสียชาติเสียแผ่นดิน ประหารชีวิตมันกลางสนามหลวงเลยครับ ให้ประชาชนไทยอย่าได้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง ให้ชาติตระกูลโคตรเหง้ามันดูเป็นเยี่ยงอย่าง สั่งสอนลูกหลานมันต่อไปว่า เรื่องขายชาติขายแผ่นดิน อย่าได้ริอ่าน แค่คิดมึงก็ควรจะถูกตัดหัว 7 ชั่วโคตรแล้ว

เรื่องนี้มันไม่พูดกันเลยในสภา ก็อย่างที่ อ.ปานเทพ พูดนั่นล่ะครับ หรือที่พวกเราพูดมาโดยตลอด ก็มันมีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างที่เราพูดมาแล้ว สมคบคิดกัน ไอ้พวกพรรคเพื่อไทยก็พวกตัวเอง ยังติดคุกอยู่นู่น ยังหลบลี้ภัยอยู่ที่นู่น ไอ้พวกนี้ เพื่อนผมที่อยู่กัมพูชาโทรมาบอก บอกมันนั่งแดกอาหารญี่ปุ่นอยู่ที่กัมพูชาหมดเลยครับ เขาเข้าไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่น เจอครบหมด ก่อนที่มันจะมามอบตัวมันอยู่กัมพูชาหมดเลย

จะอภิปรายปัญหาเพื่อชาติบ้านเมือง พาดพิงไปถึงนายฮุน เซน รัฐบาลกัมพูชา มันก็กลัวพวกมันจะโดนติดคุก แม้กระทั่งพวกเราบางคนที่เคยขึ้นเวทีนี้ ไอ้ที่ไม่กล้ามาขึ้นเวทีนี้ เพราะญาติมันเปิดบ่อนอยู่กัมพูชา อย่ามากระแดะว่าอยากจะเป็นสื่อมวลชน ทุเรศ ญาติมันหนีคดี ต้องคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาการเมือง หนีคดีไปหลบอยู่กัมพูชา แล้วไปเปิดบ่อนอยู่กับกัมพูชา ซุกหัวอยู่ภายใต้บารมีของฮุน เซน มันจะกล้ามาขึ้นเวทีนี้ได้ยังไงเล่า ทำไมไม่พูดความจริงกับประชาชน มาแหลทำไม หรือไปติดเชื้อแหลที่กระทรวงไอซีที

บางคนมันไม่พูดความจริง แล้วมาแหล ไม่อยากขึ้นเวทีนี้ สู้ไปก็ไม่ชนะ หรือมาเวทีนี้ ไม่อยาก เดี๋ยวจะเสียความเป็นกลาง อยากจะเป็นสื่อ ผมไม่อยากจะพูด ทุเรศ คุณกลัวญาติคุณ โดนฮุน เซน ถีบออกจากประเทศ ถอนใบอนุญาตเปิดบ่อนนะซิ เรื่องมันก็มีแค่นี้ ทำไมต้องมาแหลกับประชาชน ถ้าบอกไม่พร้อมจะขึ้น ก็บอกซิว่า ญาติตัวเองไปทำมาหารับประทานกับฮุน เซน อยู่ บอกมาอย่างนี้ เราก็เข้าใจไม่เห็นต้องคาดคั้นอะไรกัน มาปล่อยให้พวกปากหอยปากปูมาแขวะพี่น้องพันธมิตรฯอยู่ได้ มันหลายคนนะ ผมไม่อยากพูด บางคนทำตัวเป็นนักมีธรรมะ โอ้ ทุเรศ เวลาสั่งสอนอบรมคนอื่น อบรมได้ เวลาตัวเองถูกวิจารณ์ แหม กระแดะไปอยู่จออื่น แล้วมาด่าพวกเราพี่น้อง สอนคนอื่นให้มีธรรมะ มีสติ และไม่รู้ตัวเองมีธรรมะ มีสติหรือเปล่า มาขึ้นเวทีนี้ แล้วมาด่าพวกเรา เขาไม่ถีบลงตั้งนานก็บุญหัวแล้ว

วันนี้ ใครไม่ยืนอยู่บนจุดยืนเพื่อปกป้องชาติ ปกป้องแผ่นดิน คุณก็ต้องเป็นศัตรูกับประชาชนไทยทุกคนแหละ ไม่ว่ามัน อ้าย อี คนไหนก็ตามแต่ ถูกไหม ไม่ต้องไปไว้หน้า ดีชั่ว ขีดเส้นเลย ถูกผิดขีดเส้นเลย ใครอยู่ฝ่ายถูกก็มาทางนี้ ใครอยู่ฝ่ายผิดก็ไปอยู่กับบักแหลนู้น ใครอยากรักชาติมาทางนี้ ใครอยากขายชาติก็ไปอยู่กับพวกตอแหลนู้น ไม่เห็นอยากอะไรเลยประเทศนี้ เพราะฉะนั้น ในสภาพี่น้อง ที่มันอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นสาระเลย ไร้สาระทั้งนั้น และมีเรื่องเดียวที่ผมเห็นว่ามีประโยชน์ และเป็นความผิดของรัฐบาลนี้ คือคดีฟิลลิปมอร์ริสที่เราพูดอยู่นี่แหละ มีเรื่องเดียวนี่แหละที่มันจะเอาผิดนายอภิสิทธิ์และคนใกล้ชิดได้ ฐานทำให้ประเทศไทยต้องสูญรายได้จากภาษีของบริษัทบุหรี่ ที่ส่งมะเร็งร้ายมาฆ่าคนไทยและคนเอเชีย นอกนั้น ไม่มีเรื่องไรเลย และเรื่องทุจริต มีเยอะแยะมากมาย เรื่อง สป.ก.เรื่องอะไร มันไม่พูดเลยครับพี่น้อง ผมถึงบอกว่า การอภิปราย ไม่ว่าพวกเสื้อแดง จตุพร จะพูดอะไร ก็พูดเพื่อฟอกความผิดตัวเอง ความจริงแล้ว ไอ้พวกเสื้อแดงกลุ่มฮาร์ดคอร์ อันนี้ ผมอยากถึงพี่น้องประชาชนเสื้อแดงที่มาชุมนุมโดยสุจริต โดยไม่มีอาวุธ และมาอย่างสันติ คนพวกนี้ น่าเห็นใจเขาที่สุด เขาไม่รู้เรื่อง แต่ไอ้พวกแกนนำกลุ่มฮาร์ดคอร์ กลุ่มเสื้อดำติดอาวุธ พวกนี้ต่างหากที่แฝงตัวอยู่กับผู้ชุมนุม มันไม่ใช่เผาเฉพาะเซ็นทรัลเวิลด์ เผาหมดเลย ศาลากลาง เผาที่นู้น ที่นี่ แม้กระทั่งเซ็นเตอร์วัน ช่อง 3 เผาไม่รู้กี่แห่งทั่วประเทศ คนพวกนี้ มันเผาบ้านเผาเมือง แต่รัฐบาลหน้าโง่ มันอาจมีคนผสมโรงกับเขาก็ได้ หรือไม่ก็ ไม่ใช้กำลังอำนาจกองทัพ ตำรวจ ทหาร เข้าจัดการ ขัดขวาง ไปกลัวพวกเสื้อดำไม่กี่คนครับพี่น้องครับ มีกองทัพ มีทหารเป็นหมื่นเป็นแสน มีแสนยานุภาพมากมาย ทำไมปล่อยให้บ้านเมืองทรัพย์สิน ของประชาชนสุจริตชนถูกเผา แสดงว่า รัฐบาลมันก็ห่วยแตก สุนัขไม่รับประทานเหมือนกัน ใช่ไหมครับพี่น้อง มันก็ชั่วก็เลวพอกัน เรื่องนี้ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ สุจริต หาเช้ากินค่ำ ผู้ค้าขายโดยสุจริตจึงเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า

เพราะฉะนั้น การอภิปรายรัฐสภา มันจึงไม่น่า จึงไม่มีความหวังน่าเชื่อถืออะไร มันเป็นมวยล้มต้มคนดู ซึ่งผมพูดมาแล้วตั้งแต่แรก ครับพี่น้อง ส่วนอีกวันนี้ คือเรื่องรัฐสภาไทย จบไปเลย ครับพี่น้อง ถ้ามีโอกาสฝังมันได้ เอามันลงนรกได้ ต้องรีบเอาลงนรกไวๆ อยู่ไปก็เปลืองข้าวสุก ข้าวสาร เปลืองเงินภาษีประชาชนเปล่าๆ หาประโยชน์ไม่ได้ นอกจากมันจะสมคบคิดกัน โกงบ้านกินเมืองเท่านั้น ทีนี้ มันมีพวกแหลมาใหม่ พอไอ้แหลตัวนี้กำลังเสื่อมศรัทธา มันมีไอ้แหลตัวใหม่มาแล้วครับ ไอ้วิญญูชนจอมปลอมตัวใหม่มาแล้ว แหม ผลัดหน้าทาแป้งบอก คนไม่ชอบอภิสิทธิ์ใช่ไหม นี่ผมนี่ พรรคประชาสันติ มีปุระชัย หัวหน้าพรรค ขอมาเป็นแหลคนใหม่ได้ไหมครับ

พี่น้องเห็นหรือยัง อาจารย์ ปานเทพ เอาคลิปมาเปิดแล้ว ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อย่าให้ผุดให้เกิด คนนี้วิญญูชนจอมปลอมที่ร้ายกาจยิ่งกว่า นายแหลที่อยู่ทุกวันนี้ ต้องให้มันตายตั้งแต่ยังเพิ่งเริ่มปฏิสนธิ ควรฆ่าให้ตาย อย่าให้ผุดให้เกิด เดี๋ยวมันจะหลอกหลอนคนไทยอีก คนนี้อยู่กับทักษิณ มาแล้ว เป็นเลขาพรรคมาแล้ว เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย มาแล้ว อยู่กับเขามาตลอด ตอนมาเป็นกรรมการ ก.ตร. ก็อย่างที่บอกแล้ว ว่า นายพัชรวาท คู่ขาเขานะเป็นเพื่อนรักกันนะ พี่น้องครับทำไมเราต้องหนีจากศิริโชค จากอภิสิทธิ์ แล้ว ทำไมเราต้องมาเจอพัชรวาทกับปุระชัย ครับพี่น้องครับ พี่น้องรู้ไหม 2 คนนี้มันก็ตะไบเล็บพอๆกันพี่น้อง บ้านเมืองมันอัปรีย์จัญไรจริงๆ แถมเลขาฯของปุระชัยก็พวกชอบตะไบเล็บเหมือนกัน มันทำไมเป็นอย่างนี้ อัปรีย์จัญไรอะไรประเทศไทย มันหาชายชาตรีมาปกครองบ้านเมืองไม่ได้แล้วเหรอ มาเสนอหน้า คดี 7 ตุลาฯ พี่น้องก็รู้อยู่แล้ว ปุระชัยเป็น 1 ในคณะกรรมการ ก.ตร. คณะกรรมการ สตช.ครับ เป็นคนลงมติช่วยปกป้องความผิดของพัชรวาท ว่าไม่มีความผิด ช่วยกันมาแล้ว และก็บอกพัชรวาท เป็นคนดี เป็นเพื่อน ก็ใช่ซิ เป็นเพื่อนเลิฟของคุณไงครับ

ผมไม่ต้องพูดซ้ำ อต่แยากจะบอกให้รู้ว่านี่ยิ่งกว่าวิญญูชนจอมปลอมอีกครับคนนี้ ไม้บรรทัดอะไร แหมเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย เที่ยวไปตรวจเธค ตรวจผับ แล้วบอกเป็นไม้บรรทัด ผลงานมีแค่ขี้ตีน ขี้เล็บครับพี่น้อง แล้วทุกวันนี้ผับ เธค มันยังเกิเหมือนเดิมไหม มีตรงไหนที่คุณแก้ไข คุณไปตรวจสร้างภาพ แหล่งบันเทิงก็ยังเปิดยันสว่าง และไม่เห็นมีกฎระเบียบอะไร ตรวจฉี่มาสร้างภาพเป็นไม้บรรทัด ตรงไหนวะ ไม้บรรทัดของคุณมันทำไมเหมือนของฤาษี หงิกๆงอ

พัชรวาท ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปลงเล่นการเมืองครับพี่น้อง เพราะอะไร เพราะพัชรวาทจะไปตั้งพรรคก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะลงเลือกตั้ง เพราะว่าอะไร เพราะว่าคุณพัชรวาทนั้น คุณไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญมาตรา 102(6) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ โดยการทุจริตต่อหน้าที่ หรือส่อว่าทุจริต หรือประพฤติมิชอบในวงราชการไปตั้งพรรคก็สมัครผู้แทนฯไม่ได้ และเป็นรัฐมนตรีก็ไม่ได้ตามมาตรา 174 รัฐธรรมนูญ ไปตั้งพรรคทำไม ก็ไปตั้งพรรคเปิดทาง ปูทางให้พี่ชายไงครับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไงพี่น้อง

ส่วนนายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นเพื่อนร่วมวิชาชีพในวงการทนายเหมือนกัน แต่เกาะแกะอยู่กับทนายทักษิณ มากกว่าจะจะอยู่ทนายของฝ่ายที่รักความเป็นธรรมกับพี่น้อง และในระหว่างที่พัชรวาท เป็น ผบ.ตร.เสรี สุวรรณภานนท์ ก็ไปเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้พัชรวาท ช่วยแก้ต่างให้พัชรวาท ที่เอาคนมาฆ่าพี่น้องในวันที่ 7 ตุลาฯ ไงครับพี่น้อง ผมถึงบอกว่า มันไม่ต่างอะไรกับ บทกวีที่พี่สุวัตรพูด พรหมลิขิตให้เหี้ยเดิน เหี้ยก็เดินอย่างที่ว่า ลงรูไปเลย พี่น้องครับ ก่อนจบผมขออ่านบทกวีบทนี้ปิดท้ายแล้วกัน เป็นมหากาพย์ซึ่งเมื่อคืนนี้ พี่สนธิ อ่านไปบทหนึ่งแล้วของคุณยอดธง ทับทิวไม้ หรือ ศรีมหานามะ ผมคิดว่ามันสอดคล้องกับยุคสมัยนี้เหลือเกิน ว่าบ้านเมืองมันพึ่งพาใครไม่ได้เลย มืดมนจริงๆ กรุงศรีอยุธยามันล่มก็เพราะคนไทยเป็นแบบนี้แหล่ะครับ ขายชาติแบบนี้ ทรยศแบบนี้ หักหลักประชาชน และแสวงหาเอาแต่ผลประโยชน์ ฉกฉวย เอาแต่ได้ ไม่คำนึงถึงชาติบ้านเมือง แตกแยก สร้างแต่ความแตกแยก ไม่สร้างความสามัคคีของคนในชาติ ผู้นำประเทศขี้ขลาดอ่อนแอ โง่เขลาอย่างที่เป็นอยู่ แต่วันนี้เรามาถึงยุคกรุงเทพฯ กรุงธนฯ กรุงรัตนโกสินทร์ เราก็อยู่เย็นเป็นสุขมาโดยตลอด แต่ว่ามาถึงยุคปัจจุบันนี้ กรุงเทพฯ กรุงธนฯ กรุงรัตนโกสินทร์ ก็ดูเหมือนจะใกล้จะล่มพอๆกับอยุธยาเสียแล้ว เพราะฉะนั้นก่อนจบ ผมขอฝากบทนี้ เพื่อเตือนสติพี่น้องประชาชนว่า เราจำเป็นจะต้องลุกขึ้นมาช่วยกันกู้บ้านกู้เมืองเพราะอะไรครับ

อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
สิงหาสน์รัตนปรางบรร เจิดจ้า
กรุงธนฯ กรุงเทพฯ ทัน-เสถียรสถิต
เจริญเมลืองรมย์โรจน์ล้ำ เลิศล้น เลอสวรรค์
ตึกโต โตตระหง่านตั้ง เต็มเมือง กรุงเฮย
ตลาดติด แต่ละตารางเรือง ระฟ้า
กรุงเทพ สถิตเสถียร ประเทือง ทวยเทพ สถิตเฮย
กระทรวง ทบวง กรม ธ เกลื่อนกล้า กล่อมพื้น ใจเมือง
ทำเนียบ ธรรมเนียมนายกฯ ตั้ง เต็มสวรรค์ อีกฤา
เสียบยอด สอดเสนอวัน สว่างสวาท
เจ้าขุนมูลนายมัน ยศยิ่ง เจริญฮา
บริหิว บริหารการเมืองบ้าน บาทเบื้อง มูลนาย
ธนาคาร ธนาคน กล่นเกลื่อนแก้ว กรุงสวรรค์นี้ ฤา
เงินแสนหมื่นล้านพัน ล้านล้าน
เงินทอง กองกอบกัน กินแบ่ง
แบ่งสวรรค์ ปันส่วนสร้าง สวัสดิ์ซึ้งแต่คนรวย
โรงรับจำนองรับจำนำขนัดแน่น เนืองนคร นี้เฮย
คนยากคนจน เจียดใจจร เจ็บช้ำ
จำนองจำนำ ครกสากสลอน เสียดอก
อดอยากปากท้องช้ำ แทรกเสี้ยวเศษสวรรค์
สลัมสลอนสลับ สลดล้อม ตึกสวรรค์
แออัดยัดเยียด ยันอยู่ยั้ง
อดอยาก ยากเข็ญ เข็นขัน แขม่วไส้
ตะเกียกตะกาก ตะกละดั้ง กิ่งร้อยพันทาง
หากินอยู่หยดเหงื่อย้อย หยดหยด
ทุกถนนร้นแค้นขายค้าขด คุดคู้
วิ่งหิว วิ่งหา วิ่งหัวหด หาอยู่ กินแฮ
มื้อนี้ยุ่ง พรุ่งนี้สู้ แค่นแค้นฮาสวรรค์
รถราคลาคลั่งคับ แคมถนน
ถนนเศรษฐี มหาเศรษฐีวน วิ่งใช้
รถเมล์ รถมากคน ยากจนยืนอัด อดแน่น
เป็นตายหน่ายเหนื่อยให้ อดกลั้นเกรียมตาย
(ชีวิตรันทดจริงๆ คนเมืองกรุง)
ควันพิษพันพิษร้อย มหาภัย
ควันหมอกมอนอกไซด์ สุดซึ้ง
ตายโหง ค่อยตายห่าไป อุบัติเหตุ
วันเวลาถ้าคอยทึ้ง ถีบขึ้นเมล์ไทย
อยู่วันกิน วันวิ่ง เวียนสวรรค์ นี้ฤา
กรุงเทพ กรุงไทย มหัศจรรย์ เจิดจ้า
คนก็คน กินคนกัน กลอกกลับ กลิ้งแฮ
ช่วยก็ช่วย เฮงก็เฮง เก่งแม้กล้า เกลื่อนใกล้ ฉิบหาย

อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
กรุงธนฯ กรุงเทพฯ ทัน สถิตสร้าง
โสโครก โสมมมัน มหามหิต
สัตว์ป่า เปลี่ยนพันธุ์อ้าง เอยแม้นเมืองสวรรค์
ชาวนาชาวไร่สิบล้านร้อน ระทมทุกข์
รอฝน รอน้ำสนุก สนั่นแค้น
แล้งร้อน ลมร้อนอุ อดเผือด
ปลูกแล้ว ลงแรงแร้น เลือดสิ้นโทรมทรวง
กู้หนี้ ยืมหนี้สู้ เสริมสวรรค์
ติดหนี้ ติดสินพัน ผูกแน่น
ยิ่งทำ ยิ่งทุกข์ทัน ตามติด ดอกต้น
สี่สิบห้า สิบล้านแล้ง สิ้นเรี่ยวแรงหวัง
วันเดือนเคลื่อนคล้อยพลัน ปีๆ
อดอยากปากแห้งทวี ทเวชแห้ง
กบเขียด ปูปลาหนี ดินผาก
กอดเข่าเซาซบแข้ง ขบเคี้ยว ฟันคอย
ลูกหลานบ้านแตกสิ้น กระเซิงกระเซอะ
บาดหน้าบาดตาเบอะ บิ่นบ้า
หางานหาการเผอะ ขอดไส้
เป็นตายหมายดาบหน้า ดาบนั้น รอๆ
ลูกสาว ลูกแส้สร้อย สวาทสาย ใจเอย
เป็นแสน เป็นล้านราย หลีกเร้น
เข้ากรุงมุ่งเพียงขายกามกิจ กินอยู่
แทนไร่แทนนาเน้น เนื้อน้อง นาเดิม
สิ้นสาว สิ้นสุดสู้ สิ้นหวังสวรรค์เฮย
สิ้นน้ำท่า นาไร่รัง แหลกสิ้น
สิ้นคน สิ้นคิด ประทังประเทืองชีพ
สิ้นชาติ ย่อมชั่วใช้ ชีพช้ำ ยังชนม์
แรงงานล้านแรงไร้ งานทำ
เตะฝุ่น ครุ่นคิดคลำ เสาะค้น
หิ้วหัว หิ้วหัวหำ หาอยู่กินเฮย (ไม่ใช่บักหำใหญ่นะ)
เดินก็เดิน ดุ่มก็ดุ่ม ดั้นด้น เคียดแค้น เป็นคน

อยุธยาล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลอยฤา
กรุงเทพ กรุงธน ทัน สถิตสร้าง
คนโกง คนกินกัน อร่อยเหาะ
คนจน คนอยากอ้าง เกิดด้วยกรรมเวร
เจ้าขุนมูลนาย ทำเนียบเจ้า นายหัว
นักการมง นักการเมือง มั่วๆ เล่นลิ้น
โง่เขลาเบาปัญญา กลัวกินหมด
ต่างระร่าว กระเดือกดิ้น กระดิกฮั้ว หาแดก
(เขาเขียนว่าหากิน ผมเลยอ่านเป็นหาแดกไปเลย)
มึงโกง กูกอบบ้าง มึงกิน
กูยัด มึงยอกยิน ทั่วหล้า
กูหิว มึงอย่าหิน ขอแบ่งกินเฮย
เขมือบขม้ำ ย่ำเขมือบอ้า ขยับย้าย ขยับกิน (แดก)
ทวยราษฎร์สารพัดทั้ง ไทยจน
ไทยอด ไทยทั่วสารทิศ มณฑล ประเทศนี้
รักชาติ รักไทยไม่มัวสน กูก่อน มันเฮย
กินจนหมด บดแบบบี้ ป่นแล้วคืนมัน

อยุธยาล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
กรุงเทพ อาถรรพ์ทัน สืบสร้าง
อสรพิษอาเพศพันธุ์ หมาเกิด
เสือสิงห์กระทิงแรด เขมือบบ้านกินเมือง

ขอบคุณมากครับพี่น้อง วันนี้ถ้าไม่ไล่นักการเมืองสัตว์นรก ไม่เอามันลงนรก ประเทศไปไม่รอด ประชาชนอยู่ไม่ได้ครับ ขอบคุณครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น