"เทพมนตรี" ขอร้อง "ฐิติมา" หุบปากหากไม่รู้จริงเรื่องเขาวิหาร ชี้เขมรดีใจเนื้อเต้นรับข้อตกลง ทีโออาร์ ขณะที่พี่ไทยปิดเป็นความลับ มั่นใจเสีย 4.6 ตร.กม.ชัวร์ จี้"มาร์ค" แจงคุยแผนอะไรกับ "มัตสึอุระ" ใช่แผนเดิมปี 51 ที่ไทยจะเสียพื้นที่อีก 1 ล่านกว่าไร่หรือไม่ เชื่อ"สุวิทย์" ลาออก ส่อเค้าสูญเสียเหมือนครั้ง "นพเหล่" ลงนามจ๊อยคอมมูนิเก้
วันที่ 18 มี.ค. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ กล่าวว่า นางฐิติมา ฉายแสง จำได้ว่าเป็นหนึ่งในกรรมการพิจารณาผล เจบีซี 3 ฉบับ ซึ่งตนเป็นที่ปรึกษา ตั้งแต่ประชุมมา นางฐิติมา เข้าประชุมไม่เกิน 4 ครั้ง การมาบอกว่าประสาทเขาวิหารเป็นของกัมพูชาไปแล้ว ไม่อยากบอกว่า เธอไม่รู้เรื่อง ไม่อ่านหนังสือ ที่จริงคนที่กินเงินเดือนเป็นแสนและเป็นถึงกรรมาธิการควรอ่านหนังสือให้มาก มองไปที่ดวงตาเห็นแววตาที่วังเวงไม่พูดอะไรเลย แต่อยู่ในสภาอยากพูดจัง แล้วสิ่งที่พูดก็แสดงให้เห็นถึงความไม่เอาใจใส่เรื่องของบ้านเมือง ดังนั้น นางฐิติมาไม่สมควรพูดอีกต่อไปในเรื่องเขาวิหาร ยิ่งพูดยิ่งมัดตัวเองว่าไม่รู้เรื่อง
นายเทพมนตรี กล่าวถึงการประชุมที่จะเกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย ว่า มั่นใจเราสูญเสียพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรแน่แล้ว เพราะโฆษกรัฐบาลกัมพูชา มั่นใจเหลือเกินการประชุมวันที่ 7-8 เม.ย. ที่อินโดนีเซีย กัมพูชาจะเข้าร่วมอย่างแข็งขันและเชื่อไทยจะเข้าร่วมเช่นกัน เพื่อยุติปัญหาเขตแดน
ทั้งนี้ ร่างข้อตกลง ที่ไทยได้รับมารัฐบาลไม่เคยเผยแพร่ให้คนไทยรับรู้ ขณะที่ฝั่งกัมพูชาเขาดีใจจนออกหน้าไปแล้ว ที่เขาจะได้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร การประชุมที่บาห์เรนเป็นการประชุมที่สำคัญที่สุดของ ฮุนเซน ซกอาน และฮอนัมฮง หากล้มเหลวการจัดทำแผนบริหารจัดการ หมายถึงเขาวิหารจะถูกถอนออกจากบัญชีรายชื่อทันที เพราะจะเลื่อนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เวลาที่กัมพูชาจะเปิดเขาวิหารอย่างเป็นทางการตามกำหนดในปี 2555 หากแผนบริหารไม่ผ่านในปีนี้ย่อมส่งผลไปถึงเงินกองทุนที่จะเข้ามาพัฒนา ดังนั้นกัมพูชาจึงจำเป็นต้องดันให้ผ่านในการประชุมที่บาห์เรน
“เมื่อหมดสิ้นความหวังกับรัฐบาล ใกล้เดือนมิถุนายน ที่จะประชุมที่บาห์เรน ไม่แน่เราอาจมีกองทัพประชาชนไปประชุมที่เขาวิหาร”
นายเทพมนตรี กล่าวต่อว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ เงียบเกินไป ต้องรับผิดชอบมากว่านี้ ตนได้ข่าวว่า นายสุวิทย์ ยื่นใบลาออกก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สาเหตุเกิดจากในห้องประชุมนายกฯคุยกับนาย โคอิจิโร มัตสึอุระ ปรากฎว่าพอนายสุวิทย์ ออกจากห้องประชุม สีหน้าไม่สบายใจมาก จึงทำจดหมายลาออกจากจากประธานกรรมการมรดกโลกฝ่ายไทย นั่นหมายความว่า พื้นที่โดยรอบเขาวิหารหากนายสุวิทย์รักประเทศไทยจริง แสดงว่า นายสุวิทย์ต้องไปรู้อะไรมา ทั้งนี้หากจำได้เคยมีประวัตินายสุวิทย์ ลาออกมาแล้วครั้งหนึ่ง ช่วงนายนพดล ไปทำ จ๊อยคอมูนิเก้ จึงเป็นสัญญาณหนึ่งที่เราจับได้
เป็นที่รู้กันว่านายกฯ มักพูดไม่หมดพูด 50ขยักไว้ 50 ดังนั้น นายกฯ ไปคุยอะไรกับ มัตสึอุระ ก่อนที่นายมัตสึอุระ จะไปคุยกับ ฮุนเซน ทำให้ฮุนเซนพอใจ ส่งผลถึงนายมัตสึอุระ เตรียมไปทำแผนเพื่อเสนอไทย-กัมพูชา ในเดือนพฤษภาคม ที่ไทยจะต้องไปเจรจาล่วงหน้าก่อนการประชุมที่บาห์เรน เรื่องนี้นายกฯ ต้องชี้แจงว่า นายมัตสึอุระ กลับไปทำแผนมันเป็นแผนอะไร หรือเป็นแผนเดิมปี 51 จะเอา7 อุทยานแห่งชาติ ตั้งแต่จังหวัดอุบลราชธานี ถึงจังหวัดบุรีรัมย์ ยกเป็นภาพผนวกหรือขึ้นร่วมกับปราสาทเขาวิหาร แล้วเข้าสู่แผนบริหารจัดการด้วยกัน ซึ่งก็คือเราจะเสียพื้นที่อีก 1 ล่านกว่าไร่
นายเทพมนตรี กล่าวทิ้งท้ายว่า ฝากถึงตระกูลเวชชาชีวะ ว่า ในวันที่รัชการที่ 6 ประทานบัตรนามสกุลให้ ในท้ายของนามสกลุลเขียนว่า ขอให้ตระกูลเวชาชีวะ มีความเจริญรุ่งเรื่องอยู่ในประเทศสยามตลอดไปชั่วกาลนาน แต่พี่น้องรู้หรือไม่ รัชการที่ 6 ท่านรักผืนแผนดินมาก แน่นอนในทางตรงกันข้าม หากใครไม่รักษาแผ่นดินมันเป็นคำแช่งครับ คนในตระกูลเวชชาชีวะ มีสักคนหรือไม่ที่ออกมาบอกนายอภิสิทธิ์ ว่า ควรหยุดได้แล้ว หันมาทำตามคำแนะนำพันธมิตรฯ 3 ข้อ ยกเลิกเอ็มโอยู 43 ถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลก และขับไล่ชาวกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย