กมธ.ต่างประเทศ สภาฯ โวยเจ้ากระทรวงบัวแก้วไม่ให้ราคาส่งตัวแทนเข้าชี้แจงเหตุปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-เขมร เปิดแผล “มาร์ค” ถือ 2 สัญชาติจริง หวั่นทนายหัวแดงแม้ว สบช่องใช้เป็นข้อมูลฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศได้
วันนี้ (23 ก.พ.) นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะ กรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังการประชุมของ กมธ.ว่ากรณีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา จนเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างทั้ง 2 ประเทศนั้น คณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าชี้แจง แต่กลับพบว่านายกษิตได้ส่งตัวแทนมาชี้แจงแทน ซึ่งก็ได้รับการชี้แจงที่ไม่แตกต่างจากสื่อทั่วไป โดยประเด็นที่คณะกรรมาธิการฯ ห่วงใย คืออยากให้รัฐบาลตั้งท่าทีให้ชัดเจนในการรับมือ เนื่องจาก UNSC ได้มีแถลงการณ์ออกมาว่าอยากให้ทั้ง 2 ประเทศดำเนินการในกรอบของอาเซียน ดังนั้นจึงไม่อยากให้มองว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องได้รับชัยชนะจากเหตุการณ์นี้ ทั้งนี้คณะกรรมาธิการการต่างประเทศก็จะติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป
ส่วนการเตรียมการประชุมมรดกโลกที่บาห์เรน กรณีที่กัมพูชาจะขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งที่ผ่านมาก็พบว่าประเทศไทยได้ทำการคัดค้านการเสนอแผนที่ของกัมพูชาล่าช้า จนทำให้เกิดมีการปะทะขึ้นในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลจึงจะหยิบยกประเด็นดังกล่าวในการคัดค้าน เหมือนเป็นการช่วงชิงโอกาส จึงฝากถามไปยังคณะกรรมการดูแลมรดกโลกว่าที่ผ่านมาไม่ได้มีการดำเนินงานเลยหรือไม่
นอกจากนี้ยังระบุถึงกรณีที่หลายฝ่ายติดใจในสัญชาติของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้รับเอกสารจากเอกอัคราชทูต ณ กรุงลอนดอน พบว่า นายอภิสิทธิ์ถือ 2 สัญชาติจริง เนื่องจากเกิดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2507 แต่ขอเปลี่ยนสัญชาติเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2508 และเมื่ออายุครบ 20 ปีตามกฎหมายไทยระบุว่าจะต้องมีการสละสัญชาติใดสัญชาติหนึ่ง ซึ่งนายอภิสิทธิ์ก็ไม่ได้ระบุว่าตนเองได้ถอนสัญชาติแล้วอย่างชัดเจน โดยย้ำเพียงว่ามีสัญชาติไทย ด้วยเหตุนี้ทางคณะกรรมาธิการฯ จึงเกรงว่าการถือ 2 สัญชาติของนายกรัฐมนตรีนี้จะเป็นช่องทางให้นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะดำเนินการยื่นฟ้องเอาผิดนายกรัฐมนตรีต่อศาลอาญาระหว่างประเทศได้ และอาจทำให้ประเทศไทยเสียภาพลักษณ์ได้
ด้าน นายวรวัจน์ เอื้ออภิญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการยื่นเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ทางพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็มอบหมายนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ส่วนพรรคเพื่อไทยที่มีอาจจะยื่นเรื่องภายในวันที่ 28 ก.พ. - 2 มี.ค.นี้ เพื่อที่อภิปรายภายในกลางเดือน มี.ค.นั้นว่า ขณะนี้ข้อมูลและเอกสารที่เตรียมก็พร้อมแล้ว คาดว่าหลังจากที่รัฐบาลพิจารณารายงานแสดงผลงานดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปีที่หนึ่ง ก็น่าจะดำเนินการยื่นเรื่องได้ทันที เพราะคิดว่าสถานการณ์ทุกวันนี้โดยเฉพาะปัญหาน้ำมันปาล์มขาดตลาด ทุกฝ่ายก็อยากที่จะให้ยื่นเรื่องโดยเร็วที่สุด เพื่อตรวจสอบและชี้แจ้งให้ประชาชนได้รับถึงปัญหาดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ประชาชนก็อยากทราบว่าใครเป็นผู้กักตุนน้ำปาล์ม ทั้งอักษรย่อ “พ.-ส.-ศ.” และ “อ.” ซึ่งข้อเท็จจริงทั้งหมดจะถูกเปิดเผยในการอภิปรายไม่ไว้วางครั้งนี้อย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ระบุว่าหลังจากที่แกนนำเสื้อแดงถูกปล่อยตัวคงทำให้กลุ่มเสื้อแดงไปรวมเคลื่อนไหวพรรคเพื่อไทย นายวรวัฒน์กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่ได้เคลื่อนไหวร่วมกัน ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยก็ยังยืนยันว่าจะดำเนินการต่างๆ ภายใต้ระบอบรัฐสภาและประชาธิปไตย ในส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงนั้นก็ถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญปี 50 ที่ได้บัญญัติไว้เท่านั้น