“ฮุนเซน” ตั้งคณะทำงานทางกฎหมาย เตรียมยื่นศาลโลกตีความคำตัดสินปี 2505 ให้ ฮอร์ นัมฮง นำทีม เตรียมเอกสารและจ้างนักกฎหมายต่างชาติ หวังฮุบพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทพระวิหาร “ชวนนท์” เผย อินโดฯเสนอจัดประชุมเจบีซี 7-8 เม.ย.นี้ เพื่อเลือกบริษัทถ่ายภาพทางอากาศ การเดินสำรวจหลักหมุด ข้อตกลงเจบีซี 3 ฉบับจะเข้าสภา 29 มี.ค.นี้
เว็ปไซต์ ฟิฟทีนมูฟ รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2554 สำนักข่าวข่าวด่วนกัมพูชา รายงานว่า รัฐบาลกัมพูชาได้ตั้งคณะทำงาน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูง 5 คน จัด เตรียมอรรถคดีและเอกสาร เพื่อขอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ตีความคำตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร คณะกรรมการตั้งโดยนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2554
ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดดังกล่าว ประกอบด้วย นายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานกลุ่มรัฐมนตรี และสมาชิกอีก 4 คน มี นายวา กึมฮง รัฐมนตรีดูแลกิจการพรมแดน นายอวน ปันธ์มุนีรัตน์ เลขาธิการกระทรวงเศรษฐกิจ นายลง วิซาโล เลขาธิการกระทรวงการต่างประเทศ และ นายอุจ กึมอัน เอกอัคราชทูตกัมพูชาประจำประเทศฝรั่งเศส
ในหนังสือคำสั่งของสมเด็จ ฮุนเซน ระบุว่า คณะทำงานชุดนี้ ตั้งขึ้นเพื่อช่วยการทำงานของรัฐบาลในด้านกฎหมาย ในความขัดแย้งไทย-เขมร ที่ดำเนินอยู่ ในหนังสือคำสั่งระบุว่า คณะทำงานมีภารกิจในการเตรียมคดี และเอกสารยื่นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ให้ตีความคำตัดสินเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 คณะทำงานอาจเลือกหรือว่าจ้างนักกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงจัดมาตรการจำเป็นต่างๆ เพื่อบรรลุภารกิจข้างต้น คณะทำงานควรทำงานต่อเนื่อง และติดต่อกับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตามนิติวิธีของศาล จนกระทั่งได้การตีความจากศาล
ในหนังสือคำสั่งดังกล่าวนั้น สมเด็จ ฮุนเซน ก็ได้แจ้งให้คณะทำงานรายงานความคืบหน้าของการทำงานให้กับสมเด็จ ฮุนเซน และขอให้แจ้งความจำเป็นต่างๆ ให้กับสมเด็จ ฮุนเซน ด้วยเช่นกัน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา (ฝ่ายไทย) โดยมี นายอัษฎา ชัยนาม เป็นประธานในที่ประชุม ว่า เป็นการประชุมเตรียมความพร้อม หลังจากอินโดนีเซียเสนอวันประชุมวันที่ 7-8 เมษายน 2554 ที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยประเด็นสำคัญที่จะนำไปหารือ คือ การคัดเลือกบริษัทถ่ายภาพทางอากาศ การเดินสำรวจหลักหมุด ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมจะดำเนินการตามสนธิสัญญาและอนุสัญญาต่างๆ ตามหลักการ และเชื่อมั่นว่า การประชุมดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ เพราะกัมพูชามีข้อแม้เพียงให้รัฐสภารับรองผลการประชุมเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ ซึ่งได้รับแจ้งจากทางสภา ว่า จะเข้าสู่การพิจารณาในวันที่ 29 มีนาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จทันการประชุม
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุนเซน ได้เรียกร้องให้อินโดนีเซีย รีบส่งทหารสังเกตการณ์เข้าประจำชายแดนกัมพูชา-ไทย โดยอ้างว่าสถานการณ์ที่นั่น ยังคงมีความอ่อนไหว ทั้งยังแสดงความหวังว่าทหารกัมพูชา กับทหารไทย จะใช้ความอดทนอดกลั้นต่อไป
ฮุนเซน ระบุดังกล่าวในการปราศรัยพิธีมอบปริญญาบัตรแก่บัณฑิตจบใหม่ของมหาวิทยาลัยรอยัล พิธีจัดขึ้นที่สถาบันการศึกษาแห่งชาติ สำนักข่าวเอเคพีของทางการ กล่าว
ขณะเดียวกัน กัมพูชาเตรียมการพร้อมแล้วที่จะประชุมพบปะในระดับรัฐมนตรีกลาโหม และคณะกรรมการร่วมปักปันเขตแดนทางบกกับฝ่ายไทย ที่จะจัดขึ้นในอินโดนีเซียเร็วๆ นี้ ฮุนเซน กล่าว
ผู้นำกัมพูชา เปิดเผยต่อที่ชุมนุมด้วยว่า กัมพูชากำลังดำเนินการสองทางคู่ขนานกันไป และได้จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นดำเนินการ 2 ชุด ใน 2 เรื่อง คือ คณะกรรมการประสานงานคณะสังเกตการณ์อาเซียน ที่นำโดย พล.อ.เตียบัญ รมว.กลาโหม และคณะกรรมการว่าศาลระหว่างประเทศ ที่นำโดย นายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศ บุคคลทั้งสองยังเป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกด้วย
ฮุนเซน ประกาศก่อนหน้านี้ ว่า รัฐบาลกัมพูชาได้ยื่นคำร้อง และเสนอเอกสารต่างๆ ต่อศาลโลกในกรุงเฮก เพื่อให้ตีความคำพิพากษาปี 2505 ว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบๆ ปราสาทพระวิหารได้ตกเป็นของกัมพูชาพร้อมกับปราสาทเก่าแก่ด้วยหรือไม่
หลังจากศาลระหว่างประเทศพิพากษาให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา รัฐบาลไทยสมัย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ระบุว่า ไทยพร้อมปฏิบัติตามการตัดสิน ขณะเดียวกัน ก็ได้ยื่นต่อศาลโลก ขอสงวนสิทธิ์เหนือดินแดนรอบๆ ปราสาทพระวิหาร
ในเวลาต่อมา พ.อ.ดร.ถนัด คอมันตร์ รมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ ยังได้ขอให้ศาลโลกบันทึกคำร้องของไทยอย่างเป็นทางการ และยังประกาศว่าไทยขอสงวนสิทธิ์ในการทวงคืนปราสาทพระวิหารในอนาคต
พื้นที่รอบๆ ปราสาทพระวิหาร ยังไม่มีความกระจ่างมาตั้งแต่นั้น ในขณะที่ทั้งไทยและกัมพูชาต่างกล่าวอ้างความเป็นเจ้าของ และช่วงปีหลังๆ นี้ ไทยได้ปล่อยให้กัมพูชาตัดถนนขึ้นเขา สร้างวัด และนำราษฎรอพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานในพื้นที่โดยรอบ
