รองโฆษกเพื่อไทยไม่กังวล “เกียรติ” ฟ้องหมิ่นคดีบุหรี่นอก โวพร้อมโชว์หลักฐานโกงต่อศาล อยากรู้ใครจะติดคุกก่อนกัน เล็งชง ป.ป.ช.ฟันต่อหลังซักฟอก แย้มมีเรื่องแอมเวย์อีก
วันนี้ (16 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ไทยแลนด์ จำกัด สำแดงราคานำเข้าบุหรี่จากต่างประเทศอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีจนเป็นเหตุทำให้รัฐเสียประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีกว่า 68,000 ล้านบาท ซึ่งนายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ ได้ดำเนินการฟ้องร้องในคดีหมิ่นประมาทต่อศาลอาญาแล้วว่า ตนจะฝากบอกไปยังนายเกียรติว่า ตนไม่รู้สึกกังวลใดๆ ทั้งสิ้น และเมื่อใดที่ศาลส่งหมายมาเรียกก็พร้อมที่จะเดินทางไปชี้แจงต่อศาล โดยไม่มีการขอเลื่อนใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ตนจะนำหลักฐานที่ตนมีไปเปิดโปงการทุจริตของนายเกียรติที่ศาลด้วย เพราะตนอยากรู้ว่าตนและนายเกียรติ ใครจะติดคุกก่อนกัน
นายยุทธพงศ์กล่าวต่อว่า การที่นายเกียรติบอกว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ในขณะนี้ตนมีรายงานการประชุมที่เกิดขึ้นในปี 2552 อยู่ในมือ ซึ่งนายเกียรติเป็นประธานในที่ประชุม โดยมีการเชิญกรมศุลกากร กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต สำนักงานอัยการสูงสุด กรมเจรจาการค้าต่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้าประชุมที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งในที่ประชุมนั้นนายเกียรติได้ฟันธงว่าไทยจะแพ้คดี ก่อนที่ในปี พ.ศ. 2553 คณะผู้พิจารณาจากองค์การการค้าโลกได้สรุปเรื่องนี้ว่า ไทยแพ้คดีใน 2 เรื่อง คือ ไทยใช้วิธีการประเมินราคาศุลกากรบุหรี่ไม่เป็นไปตามหลักการของแก็ตต์ โดยมีการไปใช้วีธีที่ 4 คือ วิธีการหักทอน ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง และการคิดภาษีแวตของไทยไม่ถูกต้อง
นายยุทธพงศ์ยังกล่าวต่อว่า ในที่ประชุมในวันนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษสั่งฟ้องเรื่องนี้ เนื่องจากว่าบริษัท อลิส อินเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้าบุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโรมาในประเทศไทยในปี 2546 และ 2548 โดยราคาอยู่ที่ซองละ 22 บาท และยังมีอีก 2 บริษัทที่นำเข้าบุหรี่ยี่ห้อนี้มาที่ประเทศไทย คือ บริษัทคิงเพาเวอร์ จำกัด และบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด ในราคาซองละ 27.46 บาท และ 30.39 บาทตามลำดับ แต่บริษัทฟิลลิป มอร์ริส นำเข้าเพียงซองละ 7.76 บาท แต่นายเกียรติกลับแย้งข้อมูลตรงนี้ว่า การนำเข้าบุหรี่เพียงแค่ 2 ครั้ง ของบริษัท อลิส อินเตอร์ จำกัด ไม่เพียงพอที่จะนำมาเปรียบเทียบต้นทุนการนำเข้า เพราะฉะนั้นควรที่จะเปรียบกับทางประเทศอื่นๆ มากกว่า
ทั้งนี้ นายยุทธพงศ์เปิดเผยว่า ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจจบลง ตนจะนำข้อสรุปของเรื่องนี้ส่งไปให้ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการต่อไป อีกทั้งตนยังมีหลักฐานในทำนองเดียวกันกับเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นกับบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กับนายเกียรติ เพิ่มเติมด้วย ตนอยากจะรู้ว่านายเกียรติ จะทำอย่างไร
“ขอเตือนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าอย่าไปเชื่อคำพูดของนายเกียรติ ควรที่จะปรึกษาผู้รู้คนอื่นมากกว่า เพราะนายเกียรติจะทำให้นายอภิสิทธิ์เสียหายได้” นายยุทธพงศ์กล่าว