xs
xsm
sm
md
lg

ศึกซักฟอกรัฐบาล ฝ่ายค้านต้องพึ่งได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ขอสรุปว่า ช่วงหลายปีหลังมานี้ความรู้สึกของคนไทยจมอยู่กับความว้าเหว่ วังเวง มีแต่ความ “เซ็ง” ครอบงำ เพราะรับรู้ว่าบ้านเมืองไม่พัฒนา มีแต่ถอยหลังลงคลอง หากลองสำรวจประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง เขาเดินรุดหน้าไปอย่างน่าตกใจ

นั่นไม่ใช่เพราะเขาเดินไว เราเองต่างหากที่ไม่เดิน

สถานการณ์ความวุ่นวายทำให้บ้านเมืองไม่พัฒนานั้น ล้วนมีเหตุมาจาก “พิษภัยทางการเมือง” ที่เล่นกันเอาล่อเอาเถิด วันนี้ต้องมานั่งแก้ไขปัญหาภายใน ต้องมานั่งหวาดระแวง จนไม่เป็นอันต้องทำอะไรกัน

รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินทางมาถึงขวบปีสุดท้าย ท่ามกลางปัญหาที่ถาโถมรุมเร้า จนนายกฯแสดงอาการถอดใจให้เห็นบ่อยครั้ง

ล่าสุด ส่งสัญญาณ “ยุบสภา” ชัดเจน เดินทางไปหารือกำหนดวันเลือกตั้งกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมประกาศต่อสาธารณะว่า เวลาที่เหมาะสมยุบสภาคือช่วงเดือนพฤษภาคม

ใครต่อใครหลายฝ่ายต้องเอาปฏิทินมากางและวางแผนก้าวเดินหลังเริ่มรู้อนาคต โดยเฉพาะฝ่ายการเมือง ต้องปรับตัวปรับใจกันพัลวัน พรรคเพื่อไทยดูเหมือนจะมีความพร้อมกว่าใคร เพราะการเลือกตั้งคือสิ่งที่เฝ้ารอด้วยความหวังมานานแม้ยังไม่มีหัวหน้าพรรคตัวจริง

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์เองก็มีความพร้อมในระดับหนึ่งเช่นกัน ในขณะที่พรรคร่วมออกมาโหวกเหวกโวยวาย ระคนตกใจ ไม่คิดว่านายกฯจะตัดสินใจแบบนี้ ใจจริงอยากให้ยื้ออยู่ยาวมากกว่า

หากก้าวย่างทางการเมืองเดินหน้าไปตามแผนที่อภิสิทธิ์ระบุ โดยไม่มีปัจจัยแทรกซ้อน เราคงได้เห็นบรรยากาศการเลือกตั้งอีกครั้ง ประชาชนจะได้ใช้สิทธิใช้เสียงตัดสินใจเลือกทิศทางประเทศกันใหม่

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเดินไปถึงจุดนั้นจะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีอีก 9 คน โดยเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในแต่ละปี ที่ฝ่ายค้านจะนำผลงานการบริหารประเทศของรัฐบาล มาขึ้นเขียงชำแหละต่อหน้าสาธารณชน

แน่นอนว่า ลำพังเสียง ส.ส.ในสภายามนี้ไม่อาจสั่นคลอนสถานะของรัฐบาลได้ ยกเว้นเสียแต่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลเล่นเกมพลิกขั้ว การเมืองจึงเปลี่ยนโฉม แต่จับยามสามตาแล้วมันคงเกิดขึ้นยาก

การอภิปรายครั้งนี้จึงเป็นเวทีซักฟอก ชี้แจง ตอบข้อสงสัยสังคม ถือเป็นสมรภูมิที่สำคัญอย่างยิ่งก่อนที่จะคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจเลือกตั้งกันใหม่ มันอาจจะเป็นเวทีที่ฝ่ายค้านถล่มรัฐบาลจนเละเทะ หรืออาจจะเป็นเวทีชี้แจงของรัฐบาลต่อข้อกล่าวหาต่างๆ จนเรียกคะแนนนิยมกลับมาได้

สำหรับการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 ครั้งที่ผ่านมา ในแง่ของเนื้อหาส่วนใหญ่ยังตั้งใจวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในประเทศทั้งเหตุการณ์เมษา 52 และพฤษภาเผาเมือง 53 วันนี้สถานการณ์ ความสนใจมันเปลี่ยนไป ตอนนี้ภาวะข้าวยากหมากแพง เป็นสิ่งที่ฝ่ายค้านต้องจับมาตีแผ่กระหน่ำรัฐบาล ถ้าอภิปรายได้ดีแต้มไหลมาเทมาแน่ เพราะมันเป็นเรื่องที่เข้าถึงตัวประชาชน ได้รับผลกระทบกันไปเต็มๆ

เราขอบอกว่า วันนี้เมื่อพรรคเพื่อไทยอยู่ในบทบาทของฝ่ายตรวจสอบ ก็จำเป็นต้องทำในสิ่งที่ควรจะทำ เมื่อประชาชนเลือกคุณเข้ามาแล้ว ก็ต้องตอบแทนด้วยการทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ค้านก็ต้องค้านให้ดี ค้านให้เป็น ไม่ใช่สักแต่คิดจะเป็นรัฐบาลอย่างเดียว พอเป็นฝ่ายค้านก็กลายเป็นเด็กๆ อย่างที่คนเขานินทากัน

พรรคเพื่อไทยจะต้องเป็นฝ่ายค้านที่ประชาชนพึ่งได้ โดยใช้เวทีนี้ชำแหละ สิ่งที่ทุจริต ผิดพลาด ล้มเหลวของรัฐบาล แบบมืออาชีพ เอาข้อเท็จจริงมาสับละเอียด เรื่องใดๆที่จะพูดต้องมีหลักฐานยืนยัน อ้างอิงได้ เรื่องการยกเมฆเอาความเท็จ หรือเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปน ต้องพอเสียที

เราขอเตือนว่า การอภิปรายครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว 2 ครั้งที่ผ่านมาอะไรที่ผิดพลาดก็ควรนำมาแก้ไข สำคัญคือบรรยากาศการอภิปราย ส.ส.ที่ถูกเรียกว่าเป็นผู้ทรงเกียรติ ก็สมควรทำตัวให้มีเกียรติด้วยเช่นกัน ช่วงหลังมานี้การเมืองในสภา ความเป็นสุภาพบุรุษ ความเคารพกันและกันมันช่างเหลือน้อยเต็มที

สิ่งที่พบเห็นได้บ่อยครั้งคือ บรรยากาศการด่าทอ จ้องหาเรื่องกัน บางครั้งด่ากันแบบไม่เกรงใจชาวบ้าน ลูกเล็กเด็กแดง จนเขาจะเอือมระอากับพฤติกรรม ส.ส.ขนาดไหน สภามันจึงดูคล้ายสวนสัตว์ที่อยู่ตรงข้ามขึ้นทุกวันๆ

สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นคือการอภิปรายที่ว่ากันด้วยเหตุด้วยผล ด้วยหลักฐาน และด้วยความสุภาพ ในส่วนของรัฐบาลเราอยากเห็นการชี้แจงข้อกล่าวหาที่ตรงเป้า ตรงประเด็น ไม่เบี่ยงเบน เฉไฉ หรือใช้การหักล้างด้วยวิธีสกปรก

รัฐบาลต้องตอบในสิ่งที่ควรตอบ ต้องตอบในสิ่งที่ประชาชนคาใจ โดยใช้เหตุใช้ผลที่ปราศจากเล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง ไอ้ประเภทสร้างภาพ เล่นสำนวนโวหาร ตีกินหาคะแนน ควรเลิกเสียที

ประชาชนคาดหวังเห็นการเมืองที่สวยงาม เดินตามครรลอง สามารถเป็นที่พึ่งหวังให้พวกเขาได้ แต่ภาพที่ปรากฏช่วงหลังมันตรงกันข้ามสิ้นเชิง

วันนี้นักการเมืองที่เป็นตัวแทนประชาชนควรเล่นตามกติกา หยุดใช้เล่ห์เหลี่ยมทิ่มแทงใส่กัน มิฉะนั้นความขัดแย้งบาดหมาง มันก็ดำเนินไปไม่รู้จบ สถานการณ์การเมืองตอนนี้ยิ่งไม่ปกติ สุ่มเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน

นักการเมืองควรร่วมมือกันทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ทำตามวิถีทางประชาธิปไตยที่เราพยายามเดินทางมา อย่าปล่อยให้กลไกนอกระบบ หรือการปฏิวัติโดยทหาร มาครอบงำ หรือเป็นประเพณีของประเทศไทย

ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ปฏิวัติ ตั้งรัฐบาลเฉพะกิจ เฉพาะกาล ใช้วิธีเหล่านี้แก้ปัญหา

นอกจากเป็นสิ่งที่ไม่ดีแล้ว ยังสะท้อนด้วยว่าเราไม่เคยคิดที่จะทำอะไร หรือแก้ไขด้วยตัวเองเลย ฉะนั้นเราต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ต้องสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง แก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง เฉกเช่นประเทศที่พัฒนาแล้ว

มันเป็นสิ่งที่สังคมไทยต้องเรียนรู้ และก้าวเดินไปพร้อมกัน เชื่อมั่นเหลือเกินว่าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่รักในความเป็นประชาธิปไตยอย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น