สะเก็ดไฟ
ขึ้นเขียง 10 คนขอดเกล็ด 9 คน คือจำนวนรัฐมนตรีที่พรรคเพื่อไทยประกาศยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และ ถอดถอน พุ่งเป้าแค่ 2 พรรคการเมืองหลัก พรรคประชาธิปัตย์ 6 คน ภูมิใจไทย 4 คน
ตามที่คาดการณ์กันไว้ไม่มีพลิก ประกอบด้วยนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง นาย จุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที นายก ษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นาย ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นาง พรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ นาย โสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม
แต่ที่โผล่แพลมออกมาใหม่ คือนาย ศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนาย องอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ
ภาพรวมจ้องซัดจัดหนักรัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำให้เจ๊งคาสภาด้วยข้อมูลร้อนๆ ฉาวๆ พ่วงทุจริต ส่วนพรรคภูมิใจไทย โฟกัสไปที่การทุจริตเต็มเหนี่ยว จ้องแฉกระบวนการกินแบบเรี่ยราด ไร้ยางอาย
เพื่อไทยวางเป้าหมายได้ใจประชาชน ในเวทีซักฟอกครั้งสุดท้าย หว่านพืชหวังผลไปเก็บเกี่ยวในการเลือกตั้งใหญ่
สำหรับกษิต ภิรมย์ เป็นเพียงรายเดียวที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ยื่นถอดถอนพ่วงด้วย เพราะเนื้อหาหลักไม่เกี่ยวเนื่องกับการทุจริต แต่ชำแหละไปที่การบริหารงานด้านต่างประเทศ ปัญหาไทย-กัมพูชา ต้องหยิบมาซัดกันน้ำบาน
“เทพเทือก” จะถูกอภิปรายในประเด็นการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง รวมถึงข้อกล่าวหามีการทุจริตในโครงการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลน “เจ๊วา”ก็จะโดนในประเด็นเดียวกัน พ่วงด้วยเรื่องฉาวในโครงการระบายข้าวสาร
“ขุนคลังกรณ์” ประเด็นหลักฐานการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน (อินไซด์) และการปั่นหุ้นรวมไปถึงพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง โดยเฉพาะกรณีการออกมาปล่อยข่าวการซื้อหุ้นดาวเทียมไทยคม
“จุติ 3 จี” ที่เปิดหัวเรียกน้ำย่อยมาแล้ว จะว่าด้วยเรื่องการประมูลการสื่อสารระบบ 3 จีและการทำสัญญาการให้บริการโทรศัพท์ในระบบ 3 จี ระหว่างบริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
“ซาเล้ง โสภณ” โฟกัสไปที่ประเด็นการทุจริตโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค โครงการประมูลซ่อมบำรุงทาง กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ที่มีมูลค่านับหมื่นล้าน
“ปู่จิ้น มท.1 ” มุ่งประเด็นทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ และทุจริตการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดและข้าราชการฝ่ายปกครอง
ขณะที่ “ครูแก้ว -ศุภชัย โพธิ์สุ” ตั้งเป้าซักฟอกเรื่องการถือครองที่ดินโดยไม่มีเอกสารสิทธิจำนวนกว่า 700 ไร่นำไปเป็นพื้นที่ปลูกยางพาราในจ.นครพนม
ส่วน องอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ จะโดนซัดในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลสื่อสารมวลชน เป็นข้อมูลที่ต่อเนื่องจากสมัยที่นาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย เป็นเสนาบดีอยู่
ฝ่ายค้านจะลากไส้ข้อมูลความไม่โปร่งใสงบประชาสัมพันธ์ ที่มโหฬารกว่าพันล้านบาท ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งมากเท่าไหร่ ยิ่งโหมกระหน่ำหนักขึ้นเท่านั้น นอกจากนั้นจะชำแหละล้วงลึกไปถึงการบริหารงานในอสมท. ที่ต้องกลับไปเป็นแดนสนธยา เหมือนเช่นเก่าก่อน
มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีต ผอ. อ.ส.ม.ท. ย่อมรู้เส้นสนกลใน และมีข้อมูลไม่เบาแน่นอน
นอกจากนั้นจะทวงถามถึงกรณีไม่ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของนาย ธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ที่มีเครือข่ายทางการเมืองเชื่อมโยงกับนายสาทิตย์ กับ นายชวน หลีกภัยอดีตนายกฯ
ขึ้นเขียง 10 คนขอดเกล็ด 9 คน คือจำนวนรัฐมนตรีที่พรรคเพื่อไทยประกาศยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และ ถอดถอน พุ่งเป้าแค่ 2 พรรคการเมืองหลัก พรรคประชาธิปัตย์ 6 คน ภูมิใจไทย 4 คน
ตามที่คาดการณ์กันไว้ไม่มีพลิก ประกอบด้วยนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง นาย จุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที นายก ษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นาย ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นาง พรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ นาย โสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม
แต่ที่โผล่แพลมออกมาใหม่ คือนาย ศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนาย องอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ
ภาพรวมจ้องซัดจัดหนักรัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำให้เจ๊งคาสภาด้วยข้อมูลร้อนๆ ฉาวๆ พ่วงทุจริต ส่วนพรรคภูมิใจไทย โฟกัสไปที่การทุจริตเต็มเหนี่ยว จ้องแฉกระบวนการกินแบบเรี่ยราด ไร้ยางอาย
เพื่อไทยวางเป้าหมายได้ใจประชาชน ในเวทีซักฟอกครั้งสุดท้าย หว่านพืชหวังผลไปเก็บเกี่ยวในการเลือกตั้งใหญ่
สำหรับกษิต ภิรมย์ เป็นเพียงรายเดียวที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ยื่นถอดถอนพ่วงด้วย เพราะเนื้อหาหลักไม่เกี่ยวเนื่องกับการทุจริต แต่ชำแหละไปที่การบริหารงานด้านต่างประเทศ ปัญหาไทย-กัมพูชา ต้องหยิบมาซัดกันน้ำบาน
“เทพเทือก” จะถูกอภิปรายในประเด็นการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง รวมถึงข้อกล่าวหามีการทุจริตในโครงการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลน “เจ๊วา”ก็จะโดนในประเด็นเดียวกัน พ่วงด้วยเรื่องฉาวในโครงการระบายข้าวสาร
“ขุนคลังกรณ์” ประเด็นหลักฐานการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน (อินไซด์) และการปั่นหุ้นรวมไปถึงพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง โดยเฉพาะกรณีการออกมาปล่อยข่าวการซื้อหุ้นดาวเทียมไทยคม
“จุติ 3 จี” ที่เปิดหัวเรียกน้ำย่อยมาแล้ว จะว่าด้วยเรื่องการประมูลการสื่อสารระบบ 3 จีและการทำสัญญาการให้บริการโทรศัพท์ในระบบ 3 จี ระหว่างบริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
“ซาเล้ง โสภณ” โฟกัสไปที่ประเด็นการทุจริตโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค โครงการประมูลซ่อมบำรุงทาง กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ที่มีมูลค่านับหมื่นล้าน
“ปู่จิ้น มท.1 ” มุ่งประเด็นทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ และทุจริตการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดและข้าราชการฝ่ายปกครอง
ขณะที่ “ครูแก้ว -ศุภชัย โพธิ์สุ” ตั้งเป้าซักฟอกเรื่องการถือครองที่ดินโดยไม่มีเอกสารสิทธิจำนวนกว่า 700 ไร่นำไปเป็นพื้นที่ปลูกยางพาราในจ.นครพนม
ส่วน องอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ จะโดนซัดในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลสื่อสารมวลชน เป็นข้อมูลที่ต่อเนื่องจากสมัยที่นาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย เป็นเสนาบดีอยู่
ฝ่ายค้านจะลากไส้ข้อมูลความไม่โปร่งใสงบประชาสัมพันธ์ ที่มโหฬารกว่าพันล้านบาท ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งมากเท่าไหร่ ยิ่งโหมกระหน่ำหนักขึ้นเท่านั้น นอกจากนั้นจะชำแหละล้วงลึกไปถึงการบริหารงานในอสมท. ที่ต้องกลับไปเป็นแดนสนธยา เหมือนเช่นเก่าก่อน
มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีต ผอ. อ.ส.ม.ท. ย่อมรู้เส้นสนกลใน และมีข้อมูลไม่เบาแน่นอน
นอกจากนั้นจะทวงถามถึงกรณีไม่ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของนาย ธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ที่มีเครือข่ายทางการเมืองเชื่อมโยงกับนายสาทิตย์ กับ นายชวน หลีกภัยอดีตนายกฯ