xs
xsm
sm
md
lg

มวยถูกคู่ “เสี่ย ก.-ยุทธพงศ์” ล็อบบี้ยิสต์ปะทะ “จอมแฉ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดูท่าสุดท้ายอาจต้องไปจบกันที่ห้องพิจารณาคดีในศาลยุติธรรมแน่นอน สำหรับ คู่พิพาทการเมืองคู่ล่าสุด

ระหว่าง เกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทยจากพรรคประชาธิปัตย์กับ ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย

เพราะแม้ยุทธพงศ์จะพูดเฉียดไปเฉียดมาหลายรอบถึงชื่อ “เสี่ย ก.” หรือล็อบบี้ยิสต์คนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี ในทำเนียบรัฐบาล ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์ ) ยูไนเต็ด จำกัด และผู้บริหาร รวม 14 คน ตกเป็นผู้ต้องหากระทำผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 และ พ.ร.บ.ยาสูบ พ.ศ. 2509 กรณีร่วมกันแสดงราคานำเข้าบุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโร และแอลเอ็มจากประเทศฟิลิปปินส์ ต่ำกว่าปกติ เพื่อชำระภาษีบุหรี่ต่อกรมสรรพสามิตที่น้อยกว่าความเป็นจริง ทำให้รัฐเสียหายกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท

การพูดเฉียดไปเฉียดมาหลายรอบของยุทธพงศ์ หรือ “โจ้-มหาสารคาม” ที่แม้จะไม่ได้บอกให้ชัดว่า “เสี่ย ก.” นักล็อบบี้ยิสต์ในทำเนียบรัฐบาลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยเฉพาะการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทั้งดีเอสไอ-อัยการ รวมถึงอาจมีการบินไปรับเงินที่ต่างประเทศเป็นใคร

แต่ก็ทำให้ “เกียรติ” เปิดแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลไปแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา

โดยประเด็นสรุปการชี้แจงของเกียรติ ที่ปัดว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องนี้ สรุปได้ 4 ประเด็นหลัก คือ

- การสั่งคดีของอัยการที่สั่งไม่ฟ้องเป็นดุลพินิจของอัยการเอง รัฐบาลไม่ได้แทรกแซงหรือเข้าไปสั่งการเพราะอัยการเป็นองค์กรอิสระ

- การทำหนังสือเวียนของคนในทำเนียบรัฐบาล คือพงษ์ศักดิ์ เสมสันต์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ถึงหน่วยงานต่างๆ เพื่อแจ้งให้ทราบเรื่องความคืบหน้าคดีที่ฟิลลิป มอร์ริส ยื่นเรื่องร้องเรียนไปที่องค์กรการค้าโลกหรือ WTO รวมถึงที่มีการเรียกประชุมผู้แทนหลายหน่วยงานเช่นสำนักงานอัยการสูงสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมสรรพสามิต ก็เพียงแจ้งให้รู้ว่าคดีนี้ที่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการที่ WTO ตั้งขึ้น คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ไม่ได้บอกให้มีความเห็นสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง

- ไม่ได้เป็นนักล็อบบี้ยิสต์และไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปรับเงินค่าดำเนินการเรื่องนี้ และการไปต่างประเทศทุกครั้งในฐานะผู้แทนการค้าไทย ก็ไปเพื่อเจรจาทางการค้าอย่างเป็นทางการ สามารถเช็กการเดินทางได้อีกทั้งไม่เคยอยู่กับคู่เจรจาสองต่อสอง มีคณะบุคคลอื่นอยู่ร่วมการเจรจาทุกครั้ง

- สาเหตุที่เข้ามาเกี่ยวข้องเพราะเป็นผู้แทนการค้าไทย อีกทั้งมีการร้องเรียนเรื่องนี้ผ่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีตอนเดินทางไปสหรัฐอเมริกาครั้งแรก จึงได้เข้ามาช่วยดูให้แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากเพราะกระบวนการทั้งหมดอยู่ในชั้น WTO และในชั้นดีเอสไอ-อัยการแล้ว

ขณะที่ ยุทธพงศ์ก็เล่นไม่เลิก ล่าสุดกะซวกต่อว่าอัยการมีความเห็นทางคดีเปลี่ยนไปหลังจากไปประชุมร่วมกับผู้แทนการค้าไทย

ข้อมูลของยุทธพงศ์ชี้ว่าคณะทำงานอัยการที่สั่งไม่ฟ้องที่มีตัวหลักในการทำคดีคือ ธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ, ภาณุพงษ์ โชติสิน รองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ, วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4, สุเจษฎ์ โค้วคาสัย อัยการอาวุโส, ธวัธชัย หัตถะปนิตย์ อัยการจังหวัดประจำกรม, เจษฎา ธนาสิทธิ์พันธุ์กุล อัยการประจำกรม

ปรากฏว่า ธนพิชญ์ กับ วงศ์สกุล เคยร่วมสอบกับดีเอสไอ และมีความเห็น ให้สั่งฟ้อง แต่หลังไปประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลกลับมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง โดยคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้คือคนในประชาธิปัตย์และในรัฐบาลที่มีผมขาว-มีเครา แถมแนบแน่นกับธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ!

ก็เป็นเรื่องที่ “เกียรติ-ยุทธพงศ์” คงต้องดวลกันต่อไปอีกหลายยก กลายเป็นลูกติดพันไปถึงวันอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน

แต่น่าเสียดายไม่น้อยที่ทั้งสองคนกลับต้องสู้กันนอกสภาฯผ่านสื่อมวลชนไม่สามารถไปต่อปากต่อกร งัดหลักฐานมาสู้กันได้ในห้องประชุมสภาฯ ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เหตุเพราะเกียรติ ก็ไม่ได้เป็น ส.ส.-ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ส่วนยุทธพงศ์ก็สอบตกในการเลือกตั้งรอบที่แล้วในสังกัดประชาธิปัตย์ แต่เลือกตั้งรอบนี้ย้ายขั้วมาเพื่อไทย

เหตุเพราะคงรู้ดีว่ายากที่ใส่เสื้อประชาธิปัตย์ลงมหาสารคามแล้วจะฝ่ากระแสเสื้อแดง-ทักษิณ ชินวัตรเข้าสภาฯ ได้เพราะสอบตกมาสองสมัยแล้วคือปี 2548กับ 2550 จึงย้ายมาลงเพื่อไทย ทำให้มีโอกาสสูงมากกว่าที่จะกลับมาเป็นส.ส.อีกรอบ

อย่างไรก็ตาม การที่ทักษิณ-เพื่อไทย ได้ตัวยุทธพงศ์มาอยู่ด้วย ถือเป็น “เสี้ยนหนาม” ให้กับประชาธิปัตย์อย่างมาก

เพราะประชาธิปัตย์รู้ดีว่า ยุทธพงศ์ที่ถือเป็นจอมแฉตัวพ่อคนหนึ่งในสมัยอยู่ประชาธิปัตย์ จนเมื่อเข้าไปตรวจสอบเรื่องการทุจริตโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร ในยุค อภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร จนคดีขยายผลไปเข้าสู่การพิจารณาของคตส.ก่อนที่จะส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. และเมื่อ ป.ป.ช.ชี้มูลว่าอภิรักษ์ต้องถูกเอาผิดด้วย ก็ทำให้อภิรักษ์ต้องลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ทันที

ผลพวงจากเรื่องนี้ ทำให้ยุทธพงศ์แทบจะกลายเป็นหมาหัวเน่าในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีใครเหลียวแล เพราะทำให้พรรคถูกมองว่ามีผู้ว่าฯ กทม.เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาเรื่องการใช้อำนาจโดยมิชอบ

แถมยังเป็นอภิรักษ์ที่เป็นเด็กปั้นของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อีกด้วย มันก็เลยทำให้ยุทธพงศ์อยู่ในประชาธิปัตย์ด้วยความยากลำบาก

ผลงานลับล่าสุดของยุทธพงศ์ คือ เขาเป็นหนึ่งในทีมทำข้อมูลเรื่อง “ทุจริตที่ดินเขาแพง” ถล่มนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จนถูกต้อนจนมุมด้วยพยานหลักฐาน โดยยุทธพงศ์ได้ประสานให้ข้อมูลแก่ นสพ.ฉบับหนึ่งเป็นเครื่องมือในการโจมตีสุเทพเรื่องนี้ กระทั่งกอง บก.นสพ.ฉบับดังกล่าวส่งข่าวทุจริตที่ดินเขาแพงประกวดข่าวยอดเยี่ยมประจำปีนี้ของสมาคมนักข่าวฯ แต่ไม่ได้รางวัล เพราะกรรมการเห็นว่านักข่าวไม่ได้ขุดคุ้ยข่าวขึ้นมาเอง แต่ “โจ้ จอมแฉ” ป้อนให้ทั้งดุ้น

การย้ายออกจาก ปชป.แล้วมาใส่เสื้อเพื่อไทยอยู่กับทักษิณ จึงไม่ได้ทำให้คน ปชป.ประหลาดใจ แต่ออกจะโล่งใจด้วยซ้ำในตอนแรก แต่ตอนนี้คงชักหงุดหงิดเสียแล้วที่เด็กเก่าปชป.จะมาเผาพรรคเก่าด้วยข้อหาเงินๆ ทองๆ

ที่น่าสนใจก็คือ “เกียรติ” ก็ถือเป็นคนใกล้ชิดคนหนึ่งของ “อภิรักษ์” เช่นกัน เห็นได้จากเคยรับตำแหน่ง ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.ตอนอภิรักษ์นั่งเป็นเบอร์หนึ่งอยู่ที่เสาชิงช้าด้วย

และคงด้วยเหตุนี้ เพื่อไทยถึงได้มอบบทบาทให้ยุทธพงศ์ออกมาเดินหน้าตรวจสอบเรื่องบุหรี่ฟิลลิป มอร์ริส จะได้ให้ยุทธพงศ์เอาคืนกลุ่มคนใกล้ชิดอภิสิทธิ์-อภิรักษ์อีกครั้งหนึ่งนั่นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น