วานนี้(7 มี.ค.) ฟิลลิป มอร์ริส ได้ออกแถลงการณ์ เรื่องคำวินิจฉัยขององค์การการค้าโลกในเรื่องบุหรี่นำเข้า มีใจความว่า ข้อสงสัยต่อ ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด สาขาประเทศไทย (PMTL) ในกรณีการประเมินราคาศุลกากรของบุหรี่ที่นำเข้าของบริษัทฯ ได้ถูกหยิบยกเป็นหนึ่งในญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ บริษัทฯ ขอย้ำว่า คณะกรรมการไต่สวนข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก (WTO) มีคำวินิจฉัยล่าสุดว่า หน่วยงานศุลกากรของไทยไม่มีเหตุผลใดในการปฏิเสธราคาสำแดงของบริษัทฯ
“ขอยืนยันว่า การปฏิบัติในการสำแดงราคาศุลกากรและราคาศุลกากรที่บริษัทฯ ได้สำแดงนั้น เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฏหมายประเทศไทย และหลักเกณฑ์ด้านการประเมินราคาศุลกากรที่เกี่ยวข้องขององค์การการค้าโลกอย่างถูกต้องเสมอมา คำวินิจฉัยล่าสุดขององค์การการค้าโลกเป็นเครื่องยืนยันจุดยืนของบริษัทฯ” นางแทมมี่ แชน ผู้จัดการทั่วไป ฟิลลิป มอร์ริส สาขาประเทศไทย กล่าว
คณะกรรมการไต่สวนขององค์การการค้าโลกมีคำวินิจฉัยว่า ประเทศไทยนั้นไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะเหตุใดราคาศุลกากรและภาษีที่บริษัทฯจะต้องจ่ายนั้นควรจะสูงกว่าที่สำแดง ซึ่งคำวินิจฉัยดังกล่าวจึงเป็นสิ่งยืนยันว่า การกล่าวว่ารัฐบาลต้องสูญเสียรายได้จากภาษีนำเข้านั้นไม่มีเหตุผล
**แฉมี2 อัยการใกล้ชิดดีเอสไอเอี่ยว
ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในคดีนี้การทำงานของอัยการชุดนี้ มีหลาย ๆ คนที่เคยทำงานกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาตั้งแต่การสั่งฟ้องครั้งแรก แต่ในวันนี้กลับมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง
ส่วนกรณีคนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ บอกมาระบุว่า นายกฯไม่ได้รับรู้ถึงการดำเนินการเรื่องนี้นั้น นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ตนอยากจะเรียนไปยังนายอภิสิทธิ์ว่า หนังสือชี้แจงให้มีการทบทวนการพิจารณาคดีนี้นั้น เป็นหนังสือที่ออกมาจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ดำเนินการแทนนายอภิสิทธิ์ เพราะฉะนั้นนายอภิสิทธิ์คงจะปฎิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้เรื่อง ตนขอให้ประชาชนติดตามดูว่า “เสี่ยอักษรย่อ ก.” คนใกล้ชิดของนายอภิสิทธิ์จะได้รับโต๊ะจีนของพรรคประชาธิปัตย์ จำนวนกี่โต๊ะ เพราะพรรคเพื่อไทยทราบมาว่าคน ๆ นี้เป็นขุนพลสำคัญในการจัดซื้อโต๊ะจีน
ส่วนกรณีที่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า จะฟ้องกลับพรรคเพื่อไทยสำหรับคดีนี้นั้น นายยุทธพงศ์ กล่าวว่าตนขอท้านพ.บุรณัชย์ให้ดำเนินการฟ้องได้เลย และที่บอกว่าไม่รู้จักเสี่ยอักษรย่อ ก.นั้น ตนก็ขอใบ้ว่าเสี่ย ก. มีลักษณะ ผมขาว ๆ และมีเครา ซึ่งหากไม่รู้จักจริง ๆ ก็สามารถถามนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ เพราะทั้ง 2 คนมีความสนิทสนมกันเป็นอย่างดี
ด้านนายประเกียรติ นาสิมมา คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคฯ กล่าวว่า ปกติการสอบสวนคดีประเภทนี้จะมีอัยการทำการสอบสวนด้วย โดยจะมีอัยการหลาย ๆ คนทำการสอบสวน โดยภายหลังจากได้หนังสือจากนาย อภิสิทธิ์ที่ชี้แจงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่า เรื่องที่ได้สั่งฟ้องไปแล้วขอให้มีการทบทวน เพราะจะมีผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ สุดท้ายทางอัยการก็สั่งไม่ฟ้อง เพราะฉะนั้นก็ถือว่าเป็นการขัดแย้งกันเองในการทำงานเรื่องนี้ เพราะในตอนแรกมีการสั่งฟ้องอย่างถูกต้องตามหลักชองกระบวนการยุติธรรม แต่พอได้รับหนังสือก็มีการกลับคำ
ดังนั้นการที่องค์รักษ์พิทักษ์นายอภิสิทธิ์ออกมาระบุว่าเรื่องนี้นายอภิสิทธิ์ไม่รู้เรื่องนั้น ตนคิดว่าถึงจะรู้เรื่องหรือไม่ก็ตาม ก็คงไม่เหนือบากกว่าแรงที่นายอภิสิทธิ์จะตรวจสอบเรื่องนี้ ประเด็นของการเอื้อประโยชน์ในเรื่องนี้ด้วยจำนวนเงินหรือไม่นั้น ตนคิดว่าคงจะต้องมีการพิสูจน์กันในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะการทำงานของรัฐบาลชุดนี้นั้น ไม่ว่าประเทศสหรัฐอเมริกาจะจ่ายหรือไม่จ่ายภาษีให้กับประเทศไทย รัฐบาลชุดนี้ก็นิ่งเฉย
**“มาร์ค”อ้างไม่เห็นยัน“เกียรติ”บริสุทธิ์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาเปิดประเด็นกล่าวหามีส่วนรู้เห็นการแสดงภาษีอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีว่า “ไม่มีครับ ผมไม่มีแทรกแซงอยู่แล้ว”
ในขณะนี้ที่มีหนังสือเวียนออกจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งลงชื่อโดยนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์นั้น นายกรัฐมนตรีทราบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผมไม่ได้เห็นตัวหนังสือแต่ว่าไม่ได้แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ต้องไปอ่านตัวหนังสือดู เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจาก“ผู้แทนการค้าไทย”
เมื่อถามต่อว่า นายเกียรติ สิทธิอมร ผู้แทนการค้าไทย ได้ชี้แจงอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร ท่านก็บอกท่านทำตามหน้าที่ของท่าน
**“เกียรติ”ปัดเป็นเสี่ย ก. นักล็อบบี้
นายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) กล่าวว่า ขอให้ฝ่ายค้านเปิดเผยชื่อ “เสี่ย ก.”ที่ระบุว่าเป็นนักล็อบบี้ยิสที่ไปเรียกรับเงินและเข้าไปแทรกแซงคดีที่เกี่ยวกับการพิจารณาคดีนั้นไม่เป็นความจริง สำหรับการชี้แจงเอกสารหลักฐาน ข้อมูลและข้อเท็จจริงทั้งหมดนายอภิสิทธิ์ จะชี้แจงในรัฐสภาช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ
“ไม่อยากอภิปรายบนหน้าสื่อ หรือนอกสภา แต่หากมีการพาดพิงและไม่ถูกต้องจะต้องมีคนรับผิดชอบแน่นอน และหากจะกล่าวหาใครก็ให้พูดชื่อตรงๆ และถ้าเป็นเรื่องเท็จสร้างความเสียหายก็จะดำเนินการให้ถูกต้อง เพราะยอมไม่ได้อยู่แล้ที่จะให้ใครมาเล่นตีกินทางการเมืองกันง่ายๆแบบนี้” นายเกียรติ กล่าว
ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการทำงานของอัยการสูงสุดแต่อย่างใด เพราะไม่มีอำนาจหน้าที่ไปสั่งการได้เนื่องจากอัยการสูงสุดเป็นองค์กรอิสระ แต่สิ่งที่ได้ดำเนินการ คือ มีการร้องเรียนในระดับองค์การการค้าโลก (WTO) ตั้งแต่ปี 2546 และมีผลของคำวินิจฉัยของWTOโดยได้รับมอบหมายให้เข้าไปดูแลและรับฟังข้อมูล พร้อมกับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบและดำเนินการตามที่แต่ละหน่วยงานควรพิจารณา ตามที่ตัวเองมีกฎหมายและรับผิดชอบอยู่ได้รับทราบ
สิ่งที่ได้ดำเนินการที่ผ่านมาคือ ได้หารือกับทุกส่วนตั้งแต่คำร้องเรียน คำวินิจฉัยหรือผลกระทบที่มีต่อภาพลักษณ์ประเทศไทยเท่านั้น สำหรับเหตุผลที่อัยการสูงสุดไม่ฟ้องนั้นต้องไปสอบถามต่ออัยการสูงสุดเอง อย่างไรก็ตามไม่อาจเปิดเผยในรายละเอียดได้ เพราะมีความซับซ้อนทั้งประเด็นข้อกฎหมายระหว่างประเทศ หรือในประเทศ รวมถึงข้อเท็จจริงทั้งทางตรงและไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เช่น วิธีพิจารณาต้นทุน
**เทือกไม่เชื่อ “ก.ไก่”เอี่ยวภาษีบุหรี่
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีข่าวคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีมีส่วนได้ส่วนเสียว่า ตนไม่เชื่อเรื่องนี้ และไม่เคยได้ยิน และไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่กรณีผลประโยชน์ส่วนได้ส่วนเสียแน่นอน ส่วนที่พรรคเพื่อไทยได้ข้อมูลจากไหน ที่ระบุว่ามีส่วนได้ส่วนเสียถึงหกหมื่นล้าน นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าเป็นอย่างได้ใครก็ต้องเห็นกันทั้งหมดประเทศแล้ว ไม่ใช่เรื่องน้อยๆ
ถามว่าคนที่พูดก็เป็นคนที่เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์มาก่อน นายสุเทพ กล่าวพร้อมหัวเราะว่า ก็เป็นคนที่อยู่พรรคประชาธิปัตย์มาก่อนทั้งนั้น คุณเฉลิม อยู่บำรุง ดร.สุรพงษ์ คุณเชาวรินทร์ ก็มาจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งนั้น ยุทธพงศ์ นั้นก็นอกคอกไปนานแล้ว
**“ธาริต”แจงDSIยันไม่เตะถ่วงคดี
ส่วนกรณีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ในคดีที่ผู้บริหาร บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์ ) ยูไนเต็ด จำกัด 14 คน เป็นผู้ต้องหาคดีแสดงราคานำเข้าบุหรี่ 2 ยี่ห้อดังจากประเทศฟิลิปปินส์ ต่ำกว่าปกติ เพื่อชำระภาษีบุหรี่ต่อกรมสรรพสามิตที่น้อยกว่าความเป็นจริง ทำให้รัฐเสียหายกว่า 68,000 ล้านบาท กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 และพ.ร.บ.ยาสูบ พ.ศ. 2509
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวว่า ภายหลังจากที่ทางพนักงานอัยการพิเศษมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ก็ได้ส่งสำนวนความเห็นกลับมายังดีเอสไอเมื่อประมาณปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้น.ส.พรทิพย์ ล.วีระพรรค หัวหน้ากลุ่มงานความเห็นแย้ง วิเคราะห์ว่าจะมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องเช่นเดียวกับพนักงานอัยการพิเศษหรือไม่ ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีการเตะถ่วงคดีเนื่องจากคดีภาษีบุหรี่เป็นคดีใหญ่ ปกติจะใช้เวลาตรวจสอบไม่ต่ำกว่า 2 - 3 เดือน ก่อนทำความเห็นแย้ง
หากผลสรุปของกลุ่มงานความเห็นแย้ง มีความเห็นสมควรสั่งไม่ฟ้องคดีก็จะถือเป็นอันยุติ แต่หากดีเอสไอมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง ก็จะต้องส่งความเห็นแย้งให้กับนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด เป็นผู้พิจารณาชี้ขาดโดยความเห็นของอัยการสูงสุดจะถือเป็นที่ยุติ
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าที่ผ่านมาการพิจารณาสำนวนคดีภาษีบุหรี่ไม่เคยมีข้อสั่งการหรือใบสั่งจากฝ่ายการเมือง มีเพียงการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งนายเกียรติ สิทธิอมร เป็นผู้ชี้แจงต่อที่ประชุมถึงกรณีที่ประเทศไทยถูกบริษัท ฟิลลิป มอริสฯ ฟ้องต่อองค์การการค้าโลก(WTO) ซึ่งคดีดังกล่าวมีแนวโน้มที่ประเทศไทยเป็นฝ่ายแพ้คดี โดยหน้าที่ของตนขณะนี้คือจะต้องนำสำนวนคดีที่พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีดีเอสไอมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องและความเห็นสั่งไม่ฟ้องของอัยการคดีพิเศษ .
“ขอยืนยันว่า การปฏิบัติในการสำแดงราคาศุลกากรและราคาศุลกากรที่บริษัทฯ ได้สำแดงนั้น เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฏหมายประเทศไทย และหลักเกณฑ์ด้านการประเมินราคาศุลกากรที่เกี่ยวข้องขององค์การการค้าโลกอย่างถูกต้องเสมอมา คำวินิจฉัยล่าสุดขององค์การการค้าโลกเป็นเครื่องยืนยันจุดยืนของบริษัทฯ” นางแทมมี่ แชน ผู้จัดการทั่วไป ฟิลลิป มอร์ริส สาขาประเทศไทย กล่าว
คณะกรรมการไต่สวนขององค์การการค้าโลกมีคำวินิจฉัยว่า ประเทศไทยนั้นไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะเหตุใดราคาศุลกากรและภาษีที่บริษัทฯจะต้องจ่ายนั้นควรจะสูงกว่าที่สำแดง ซึ่งคำวินิจฉัยดังกล่าวจึงเป็นสิ่งยืนยันว่า การกล่าวว่ารัฐบาลต้องสูญเสียรายได้จากภาษีนำเข้านั้นไม่มีเหตุผล
**แฉมี2 อัยการใกล้ชิดดีเอสไอเอี่ยว
ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในคดีนี้การทำงานของอัยการชุดนี้ มีหลาย ๆ คนที่เคยทำงานกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาตั้งแต่การสั่งฟ้องครั้งแรก แต่ในวันนี้กลับมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง
ส่วนกรณีคนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ บอกมาระบุว่า นายกฯไม่ได้รับรู้ถึงการดำเนินการเรื่องนี้นั้น นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ตนอยากจะเรียนไปยังนายอภิสิทธิ์ว่า หนังสือชี้แจงให้มีการทบทวนการพิจารณาคดีนี้นั้น เป็นหนังสือที่ออกมาจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ดำเนินการแทนนายอภิสิทธิ์ เพราะฉะนั้นนายอภิสิทธิ์คงจะปฎิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้เรื่อง ตนขอให้ประชาชนติดตามดูว่า “เสี่ยอักษรย่อ ก.” คนใกล้ชิดของนายอภิสิทธิ์จะได้รับโต๊ะจีนของพรรคประชาธิปัตย์ จำนวนกี่โต๊ะ เพราะพรรคเพื่อไทยทราบมาว่าคน ๆ นี้เป็นขุนพลสำคัญในการจัดซื้อโต๊ะจีน
ส่วนกรณีที่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า จะฟ้องกลับพรรคเพื่อไทยสำหรับคดีนี้นั้น นายยุทธพงศ์ กล่าวว่าตนขอท้านพ.บุรณัชย์ให้ดำเนินการฟ้องได้เลย และที่บอกว่าไม่รู้จักเสี่ยอักษรย่อ ก.นั้น ตนก็ขอใบ้ว่าเสี่ย ก. มีลักษณะ ผมขาว ๆ และมีเครา ซึ่งหากไม่รู้จักจริง ๆ ก็สามารถถามนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ เพราะทั้ง 2 คนมีความสนิทสนมกันเป็นอย่างดี
ด้านนายประเกียรติ นาสิมมา คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคฯ กล่าวว่า ปกติการสอบสวนคดีประเภทนี้จะมีอัยการทำการสอบสวนด้วย โดยจะมีอัยการหลาย ๆ คนทำการสอบสวน โดยภายหลังจากได้หนังสือจากนาย อภิสิทธิ์ที่ชี้แจงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่า เรื่องที่ได้สั่งฟ้องไปแล้วขอให้มีการทบทวน เพราะจะมีผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ สุดท้ายทางอัยการก็สั่งไม่ฟ้อง เพราะฉะนั้นก็ถือว่าเป็นการขัดแย้งกันเองในการทำงานเรื่องนี้ เพราะในตอนแรกมีการสั่งฟ้องอย่างถูกต้องตามหลักชองกระบวนการยุติธรรม แต่พอได้รับหนังสือก็มีการกลับคำ
ดังนั้นการที่องค์รักษ์พิทักษ์นายอภิสิทธิ์ออกมาระบุว่าเรื่องนี้นายอภิสิทธิ์ไม่รู้เรื่องนั้น ตนคิดว่าถึงจะรู้เรื่องหรือไม่ก็ตาม ก็คงไม่เหนือบากกว่าแรงที่นายอภิสิทธิ์จะตรวจสอบเรื่องนี้ ประเด็นของการเอื้อประโยชน์ในเรื่องนี้ด้วยจำนวนเงินหรือไม่นั้น ตนคิดว่าคงจะต้องมีการพิสูจน์กันในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะการทำงานของรัฐบาลชุดนี้นั้น ไม่ว่าประเทศสหรัฐอเมริกาจะจ่ายหรือไม่จ่ายภาษีให้กับประเทศไทย รัฐบาลชุดนี้ก็นิ่งเฉย
**“มาร์ค”อ้างไม่เห็นยัน“เกียรติ”บริสุทธิ์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาเปิดประเด็นกล่าวหามีส่วนรู้เห็นการแสดงภาษีอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีว่า “ไม่มีครับ ผมไม่มีแทรกแซงอยู่แล้ว”
ในขณะนี้ที่มีหนังสือเวียนออกจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งลงชื่อโดยนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์นั้น นายกรัฐมนตรีทราบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผมไม่ได้เห็นตัวหนังสือแต่ว่าไม่ได้แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ต้องไปอ่านตัวหนังสือดู เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจาก“ผู้แทนการค้าไทย”
เมื่อถามต่อว่า นายเกียรติ สิทธิอมร ผู้แทนการค้าไทย ได้ชี้แจงอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร ท่านก็บอกท่านทำตามหน้าที่ของท่าน
**“เกียรติ”ปัดเป็นเสี่ย ก. นักล็อบบี้
นายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) กล่าวว่า ขอให้ฝ่ายค้านเปิดเผยชื่อ “เสี่ย ก.”ที่ระบุว่าเป็นนักล็อบบี้ยิสที่ไปเรียกรับเงินและเข้าไปแทรกแซงคดีที่เกี่ยวกับการพิจารณาคดีนั้นไม่เป็นความจริง สำหรับการชี้แจงเอกสารหลักฐาน ข้อมูลและข้อเท็จจริงทั้งหมดนายอภิสิทธิ์ จะชี้แจงในรัฐสภาช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ
“ไม่อยากอภิปรายบนหน้าสื่อ หรือนอกสภา แต่หากมีการพาดพิงและไม่ถูกต้องจะต้องมีคนรับผิดชอบแน่นอน และหากจะกล่าวหาใครก็ให้พูดชื่อตรงๆ และถ้าเป็นเรื่องเท็จสร้างความเสียหายก็จะดำเนินการให้ถูกต้อง เพราะยอมไม่ได้อยู่แล้ที่จะให้ใครมาเล่นตีกินทางการเมืองกันง่ายๆแบบนี้” นายเกียรติ กล่าว
ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการทำงานของอัยการสูงสุดแต่อย่างใด เพราะไม่มีอำนาจหน้าที่ไปสั่งการได้เนื่องจากอัยการสูงสุดเป็นองค์กรอิสระ แต่สิ่งที่ได้ดำเนินการ คือ มีการร้องเรียนในระดับองค์การการค้าโลก (WTO) ตั้งแต่ปี 2546 และมีผลของคำวินิจฉัยของWTOโดยได้รับมอบหมายให้เข้าไปดูแลและรับฟังข้อมูล พร้อมกับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบและดำเนินการตามที่แต่ละหน่วยงานควรพิจารณา ตามที่ตัวเองมีกฎหมายและรับผิดชอบอยู่ได้รับทราบ
สิ่งที่ได้ดำเนินการที่ผ่านมาคือ ได้หารือกับทุกส่วนตั้งแต่คำร้องเรียน คำวินิจฉัยหรือผลกระทบที่มีต่อภาพลักษณ์ประเทศไทยเท่านั้น สำหรับเหตุผลที่อัยการสูงสุดไม่ฟ้องนั้นต้องไปสอบถามต่ออัยการสูงสุดเอง อย่างไรก็ตามไม่อาจเปิดเผยในรายละเอียดได้ เพราะมีความซับซ้อนทั้งประเด็นข้อกฎหมายระหว่างประเทศ หรือในประเทศ รวมถึงข้อเท็จจริงทั้งทางตรงและไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เช่น วิธีพิจารณาต้นทุน
**เทือกไม่เชื่อ “ก.ไก่”เอี่ยวภาษีบุหรี่
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีข่าวคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีมีส่วนได้ส่วนเสียว่า ตนไม่เชื่อเรื่องนี้ และไม่เคยได้ยิน และไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่กรณีผลประโยชน์ส่วนได้ส่วนเสียแน่นอน ส่วนที่พรรคเพื่อไทยได้ข้อมูลจากไหน ที่ระบุว่ามีส่วนได้ส่วนเสียถึงหกหมื่นล้าน นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าเป็นอย่างได้ใครก็ต้องเห็นกันทั้งหมดประเทศแล้ว ไม่ใช่เรื่องน้อยๆ
ถามว่าคนที่พูดก็เป็นคนที่เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์มาก่อน นายสุเทพ กล่าวพร้อมหัวเราะว่า ก็เป็นคนที่อยู่พรรคประชาธิปัตย์มาก่อนทั้งนั้น คุณเฉลิม อยู่บำรุง ดร.สุรพงษ์ คุณเชาวรินทร์ ก็มาจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งนั้น ยุทธพงศ์ นั้นก็นอกคอกไปนานแล้ว
**“ธาริต”แจงDSIยันไม่เตะถ่วงคดี
ส่วนกรณีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ในคดีที่ผู้บริหาร บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์ ) ยูไนเต็ด จำกัด 14 คน เป็นผู้ต้องหาคดีแสดงราคานำเข้าบุหรี่ 2 ยี่ห้อดังจากประเทศฟิลิปปินส์ ต่ำกว่าปกติ เพื่อชำระภาษีบุหรี่ต่อกรมสรรพสามิตที่น้อยกว่าความเป็นจริง ทำให้รัฐเสียหายกว่า 68,000 ล้านบาท กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 และพ.ร.บ.ยาสูบ พ.ศ. 2509
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวว่า ภายหลังจากที่ทางพนักงานอัยการพิเศษมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ก็ได้ส่งสำนวนความเห็นกลับมายังดีเอสไอเมื่อประมาณปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้น.ส.พรทิพย์ ล.วีระพรรค หัวหน้ากลุ่มงานความเห็นแย้ง วิเคราะห์ว่าจะมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องเช่นเดียวกับพนักงานอัยการพิเศษหรือไม่ ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีการเตะถ่วงคดีเนื่องจากคดีภาษีบุหรี่เป็นคดีใหญ่ ปกติจะใช้เวลาตรวจสอบไม่ต่ำกว่า 2 - 3 เดือน ก่อนทำความเห็นแย้ง
หากผลสรุปของกลุ่มงานความเห็นแย้ง มีความเห็นสมควรสั่งไม่ฟ้องคดีก็จะถือเป็นอันยุติ แต่หากดีเอสไอมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง ก็จะต้องส่งความเห็นแย้งให้กับนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด เป็นผู้พิจารณาชี้ขาดโดยความเห็นของอัยการสูงสุดจะถือเป็นที่ยุติ
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าที่ผ่านมาการพิจารณาสำนวนคดีภาษีบุหรี่ไม่เคยมีข้อสั่งการหรือใบสั่งจากฝ่ายการเมือง มีเพียงการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งนายเกียรติ สิทธิอมร เป็นผู้ชี้แจงต่อที่ประชุมถึงกรณีที่ประเทศไทยถูกบริษัท ฟิลลิป มอริสฯ ฟ้องต่อองค์การการค้าโลก(WTO) ซึ่งคดีดังกล่าวมีแนวโน้มที่ประเทศไทยเป็นฝ่ายแพ้คดี โดยหน้าที่ของตนขณะนี้คือจะต้องนำสำนวนคดีที่พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีดีเอสไอมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องและความเห็นสั่งไม่ฟ้องของอัยการคดีพิเศษ .